เครดิตข่าว : manager online
สคบ. ยังไม่เชือด“เมเจอร์ฯ กับ เอสเอฟ” สองค่ายยักษ์ยันลดราคาไม่ได้เพราะต้นทุนสูง แนะใครอยากดูราคาถูกให้มาดูวันมีโปรโมชั่น ย้ำป๊อปคอร์นแพงเพราะนำเข้ามาจากอเมริกา
เมื่อวานนี้ มีการประชุมร่วมกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ. กับผู้ประกอบการโรงหนัง ร่วมกับตัวแทนจากภาครัฐ อาทิ กรมการค้าภายใน (คน.) กรมสรรพากร เพื่อหารือร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไข และจัดทำระเบียบใหม่ร่วมกัน
หลังจากที่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ร้องเรียนเข้ามายัง สคบ. เกี่ยวกับ ราคาค่าตั๋วหนังและราคาป๊อปคอร์น เครื่องดื่มที่จำหน่ายหน้าโรงภาพยนตร์นั้นมีราคาสูงมาก รวมทั้งระยะเวลาของการฉายโฆษณาสินค้าบริการและภาพยนตร์ตัวอย่างก่อนฉายภาพยนตร์จริงนานเกินไป
ทั้งนี้ ตัวแทนจากผู้ประกอบการทั้ง เมเจอร์ฯและเอสเอฟ ต่างก็ให้ข้อมูลกับทางสคบ. ตลอดการร่วมประชุมหารือ
อย่างไรก็ตาม ทางเมเจอร์ฯกับเอสเอฟ เองก็ยืนยันว่า ไม่สามารถลดราคาตั๋วหนังลงมาจากเดิมได้ เนื่องจากสัดส่วน 50% ของราคาตั๋วหนังที่จำหน่ายนี้ต้องจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์ของผู้สร้างหนัง ส่วนอีก 50% เป็นค่าการบริหารจัดการ ทั้งค่าเทคโนโลยี และค่าแรงงานของพนักงานโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าต้องแบกรับภาระมากขึ้นกว่าเดิมอันเนื่องมากจากนโยบายขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทของรัฐบาล แต่ถ้าหากผู้บริโภคอยากดูหนังในราคาถูกให้มาดูในวันที่มีการจัดทำโปรโมชั่น ซึ่งราคาตั๋วหนังจะถูกกว่าและมีหลายโปรโมชั่นให้เลือกด้วย
ส่วนนโยบายการฉายหนังโฆษณาสินค้าบริการในโรงหนังนั้น ทางด้าน เอสเอฟ ก็อ้างว้า ไม่เกิน 5 นาที ขณะที่เมเจอร์ฯก็ยืนยันว่า โฆษณาโดยเฉลี่ย ประมาณ 6 นาที ส่วนที่สาขาพารากอนก็ไม่เกิน 6.5 นาที
ส่วนประเด็นการจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มนั้น เมเจอร์ฯกับ เอสเอฟ ระบุว่า สาเหตุที่จำหน่ายป๊อปคอร์นแพงเนื่องจากนำเข้าวัตถุดิบาจากอเมริกาจึงมีต้นทุนสูง และที่ห้ามลูกค้านำอาหารเครื่องดื่มภายนอกเข้าโรงหนังถือเป็นหลักสากล เช่นเดียวกับ โรงแรม ร้านอาหาร ที่ห้ามนำเข้าไปในร้านอยู่แล้ว
คำแก้ต่างน้ำขุ่นๆ จากโรงหนัง “เมเจอร์ฯ-เอสเอฟ”ยันไม่ลดราคาตั๋ว อ้างป๊อปคอร์นแพงนำเข้าจากต่างประเทศ"
สคบ. ยังไม่เชือด“เมเจอร์ฯ กับ เอสเอฟ” สองค่ายยักษ์ยันลดราคาไม่ได้เพราะต้นทุนสูง แนะใครอยากดูราคาถูกให้มาดูวันมีโปรโมชั่น ย้ำป๊อปคอร์นแพงเพราะนำเข้ามาจากอเมริกา
เมื่อวานนี้ มีการประชุมร่วมกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ. กับผู้ประกอบการโรงหนัง ร่วมกับตัวแทนจากภาครัฐ อาทิ กรมการค้าภายใน (คน.) กรมสรรพากร เพื่อหารือร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไข และจัดทำระเบียบใหม่ร่วมกัน
หลังจากที่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ร้องเรียนเข้ามายัง สคบ. เกี่ยวกับ ราคาค่าตั๋วหนังและราคาป๊อปคอร์น เครื่องดื่มที่จำหน่ายหน้าโรงภาพยนตร์นั้นมีราคาสูงมาก รวมทั้งระยะเวลาของการฉายโฆษณาสินค้าบริการและภาพยนตร์ตัวอย่างก่อนฉายภาพยนตร์จริงนานเกินไป
ทั้งนี้ ตัวแทนจากผู้ประกอบการทั้ง เมเจอร์ฯและเอสเอฟ ต่างก็ให้ข้อมูลกับทางสคบ. ตลอดการร่วมประชุมหารือ
อย่างไรก็ตาม ทางเมเจอร์ฯกับเอสเอฟ เองก็ยืนยันว่า ไม่สามารถลดราคาตั๋วหนังลงมาจากเดิมได้ เนื่องจากสัดส่วน 50% ของราคาตั๋วหนังที่จำหน่ายนี้ต้องจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์ของผู้สร้างหนัง ส่วนอีก 50% เป็นค่าการบริหารจัดการ ทั้งค่าเทคโนโลยี และค่าแรงงานของพนักงานโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าต้องแบกรับภาระมากขึ้นกว่าเดิมอันเนื่องมากจากนโยบายขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทของรัฐบาล แต่ถ้าหากผู้บริโภคอยากดูหนังในราคาถูกให้มาดูในวันที่มีการจัดทำโปรโมชั่น ซึ่งราคาตั๋วหนังจะถูกกว่าและมีหลายโปรโมชั่นให้เลือกด้วย
ส่วนนโยบายการฉายหนังโฆษณาสินค้าบริการในโรงหนังนั้น ทางด้าน เอสเอฟ ก็อ้างว้า ไม่เกิน 5 นาที ขณะที่เมเจอร์ฯก็ยืนยันว่า โฆษณาโดยเฉลี่ย ประมาณ 6 นาที ส่วนที่สาขาพารากอนก็ไม่เกิน 6.5 นาที
ส่วนประเด็นการจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มนั้น เมเจอร์ฯกับ เอสเอฟ ระบุว่า สาเหตุที่จำหน่ายป๊อปคอร์นแพงเนื่องจากนำเข้าวัตถุดิบาจากอเมริกาจึงมีต้นทุนสูง และที่ห้ามลูกค้านำอาหารเครื่องดื่มภายนอกเข้าโรงหนังถือเป็นหลักสากล เช่นเดียวกับ โรงแรม ร้านอาหาร ที่ห้ามนำเข้าไปในร้านอยู่แล้ว