นิทานชาวสวน (ที่ไม่ได้ทำสวน)
ฮบันทึกของผู้เฒ่า (๗๐)
เมื่อได้เขียนบทบันทึก อะไรก็ได้ ถึงเรื่องหนังสือพิมพ์ทหารสื่อสาร ยุคเสี้ยวศตวรรษแรกไป ๓ ตอนแล้วนั้น ก็นึกถึงเรื่องงานเขียนของตนเอง ซึ่งเริ่มขึ้นหลังจากกำเนิดหนังสือฉบับดังกล่าวเพียง ๖ เดือนเท่านั้น โดยไม่รู้จักมักจี่กัน เหมือนอยู่ห่างคนละโลก ทั้ง ๆ ที่ใกล้กันเพียงคนละฝั่งคลองเปรมประชากรเท่านั้น
จึงย้อนกลับมาพลิกบันทึกส่วนตัวของผู้เฒ่า เมื่อสมัยยังอยู่ในวัยหนุ่ม เริ่มแรกที่จะลงมือเขียนหนังสือ อ่านแล้วก็เห็นว่าควรจะก็อปปี้เอามาลงในบันทึกปัจจุบัน เพื่อทุ่นแรงในยามที่จะลดการพิมพ์คอมพ์นี้ จะดีกว่า เริ่มเมื่อเกษียณอายุราชการกันเลยทีเดียว
อาทิตย์ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๕
ครบรอบปีที่ ๔๔ มีผลงานได้ลงพิมพ์ รวม ๒๔๑ เรื่อง ในจำนวนนี้เรื่องสั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๖๗ เรื่อง สามก๊ก เพิ่มขึ้นเป็น ๒๓ ตอน สำนักพิมพ์คณาธร รับจะพิมพ์สามก๊กฉบับลิ่วล้อเป็นพ็อคเก็ตบุคส์ ภายในต้นปี ๒๕๓๖
๑๑ ต.ค.๓๖
ครบรอบปีที่ ๔๕ มีผลงานได้ลงพิมพ์ รวม ๒๖๕ เรื่อง ในจำนวนนี้เรื่องสั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๗๐ เรื่อง สามก๊กเพิ่มขึ้นเป็น ๓๕ ตอน
เมื่อ พ.ค.๓๖ ได้เสนอเรื่องสามก๊กให้ มาตุภูมิ รายสัดาห์ พิจารณา
เมื่อ มิ.ย.๓๖ ส่งสามก๊กให้ นครไทยเบื้องหลังข่าว พิจารณา
เมื่อ ก.ค.๓๖ ได้เสนอเรื่องสามก๊ก ให้ ไทนคร พิจารณา
เมื่อ ส.ค.๓๖ ได้เสนอเรื่องสามก๊กให้ มติชนสุดสัปดาห์ พิจารณา
ทั้ง ๔ รายเงียบหายไปโดยไม่ได้รับตอบเลยทั้งสิ้น
สำนักพิมพ์คณาธร ทิ้งเรื่องสามก๊กหายเงียบไปปีกว่า ติดต่อทางจดหมายก็ไม่ได้รับตอบ เข้าใจว่าจะเลิกกิจการไปแล้ว
๒๓ มิ.ย.๓๗
ได้ส่งเรื่องสามก๊กทั้งหมด ให้สำนักพิมพ์ดอกหญ้าพิจารณาอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะให้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ได้รับความสำเร็จก็จะเก็บเอาไว้พิมพ์แจกในงานศพเท่านั้น
๑๑ ต.ค.๓๗
ครบรอบปีที่ ๔๖ ได้เขียนสามก๊กฉบับลิ่วล้อจบตามที่ต้องการแล้ว เป็นจำนวน ๔๐ ชุด ๙๘ ตอน เมื่อ พ.ค.๓๗ ได้ลงพิมพ์แล้วรวมทั้งสิ้น ๕๖ ตอน
๑ ม.ค.๓๘
สำนักพิมพ์ดอกหญ้าได้เลื่อนการพิจารณา สามก๊กฉบับลิ่วล้อ จากปี ๒๕๓๗ เป็นปี ๒๕๓๘ และได้ลงมือตรวจต้นฉบับเพื่อคัดเลือกเรื่องที่จะพิมพ์แล้ว ต้องรอฟังผลอีกอย่างน้อย ๑ เดือน
๙ มิ.ย.๓๙
เมื่อวันก่อนติดต่อสำนักพิมพ์ดอกหญ้า แจ้งว่าไม่เคยคิดจะไม่พิมพ์ สามก๊กฉบับลิ่วล้อ แต่ทางสำนักพิมพ์มีปัญหา เรื่องการจำหน่ายอยู่บ้าง จึงชะลอการผลิตไว้ เราจึงเขียนจดหมายยืนยันไปว่า ขอให้งดการพิมพ์สามก๊กของเราเสีย ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า จะเป็นการเอาทุนไปจมเสียเปล่า ๆ เพราะมีอยู่มากมายแล้วในท้องตลาด และผู้เขียนก็ไม่ได้มีชื่อเสียงในทางใดเลย เป็นการบอกเลิกติดต่อ เพราะเป็นเวลาครบ ๒ ปี พอดี
๑๑ ต.ค.๓๙
ครบรอบ ๔๘ ปี ของการเป็นนักเขียนหนังสือ มีผลงานได้ลงพิมพ์แล้ว ๔๐๗ ชิ้น เป็น สามก๊ก ๑๑๐ ตอน
๑๓ ต.ค.๓๙
ใน ๒-๓ วันที่ผ่านมานี้ เมื่อมีเวลาว่างก็จะหวลไปคิดถึงชีวิตในด้านการเขียนหนังสือ แล้วก็พบว่า แบ่งออกได้เป็น ๓ ช่วง คือ
ช่วงแรก พ.ศ.๒๔๙๑ – ๒๕๐๑ เป็นเวลาของการฝึกฝน แสวงหาและพากเพียรพยายาม ในการสร้างงาน มานะ บากบั่น อดทน ทะเยอทะยาน อยากดี อยากดัง อยากได้เงิน หวัง.......แล้วก็ผิดหวัง
เมื่อหวลกลับไปอ่านบันทึกตอนแรกก็พบว่าได้มีการบันทึกความในใจไว้อย่างระทดท้อแทบจะสิ้นกำลังใจ ดังเช่นเมื่อ ๓๐ ก.ย.๙๔....................
เราเพิ่งจะสำนึกว่า พื้นความรู้เดิมของเรายังอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับของผู้อื่น ที่ก้าวออกมาเกือบ ๆ จะพร้อมกับเรา มิหนำซ้ำวิถีชีวิตของเราก็วนเวียนอยู่ในวงแคบนิดเดียว เรายังโง่ต่อโลกและชีวิตเหลือเกิน เราเพิ่งสำนึกได้ เมื่อใกล้จะครบ ๓ ปีนี้เอง
แต่เรายังมีหน้าที่ ๆ จะต้องวนเวียนอยู่ในวงแคบนั้นอีกต่อไป เราจะต้องอยู่ ทำหน้าที่ของเราอย่างซื่อสัตย์ต่อไปอีก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องห่างเหินกับงานที่เรารักไปบ้าง แม้จะเป็นการฝืนกับความรู้สึกของเราอย่างทารุณก็ตาม
เพราะสิ่งที่ผลักดัน ให้เราสร้างงานอันเป็นที่รัก ออกมาได้จนถึงบัดนี้ก็คือ ความตั้งใจจริง กับ ความอดทน เพียงสองประการเท่านั้น
เรายังอ่อนทั้งวัย อ่อนทั้งวุฒิ และความจัดเจนของชีวิต เราไม่อาจทำตามความตั้งใจของเรา ที่ได้ปรารภไว้เมื่อ ๓-๔ เดือนก่อนนั้นได้
จนกว่า......เราจะสามมารถก้าวเข้าไปยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง ในวงการประพันธ์อีกครั้งหนึ่ง ด้วยงานที่บริสุทธิ์จากสมองของเรา ซึ่งวันนั้น.......แม้จะอยู่ไกลแสนไกล ก็คงไม่พ้นความพยายามของเรา ที่จะก้าวไปให้ถึง
ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ เราจะยังมีอยู่ ก็แต่ความอดทน เท่านั้น
และเมื่อ ครบรอบ ๑๐ ปีแรก ๑๑ ต.ค.๒๕๐๐...............
๑๐ ปีบริบูรณ์ สำหรับชีวิตการประพันธ์ของเรา สิบปีเต็ม ๆ ที่ได้ย่างก้าวเข้ามาในอาณาจักรใหม่ ที่รักและหลงใหลมาแต่วัยเยาว์ ได้ผ่าน....ได้พบ....ทั้งสุข....และเศร้า....สมหวัง.....และผิดหวัง สิบปีของการเขียนหนังสือ บางคนพลุ่งโด่งขึ้นไปอยู่บนยอดสุดของโลกการประพันธ์ หลายคนพอยึดเป็นอาชีพได้ และอีกมากมายเหลือเกินที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ให้ใครได้กล่าวขวัญถึงเลย....เราก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนหลังนี้เหมือนกัน
แน่ใจเสียแล้วว่าเราไม่อาจก้าวเข้า ไปอย่างผู้ชนะได้ แต่ก็ไม่ยักยอมถอยออกมาอย่างผู้แพ้ .........แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ที่ความหวังความฝันอันวิจิตรพิสดารเมื่อสิบปีก่อนนั้น จะไม่มีวันก่อรูปร่าง เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้เลยในชีวิต แต่จะให้โยนปากกาทิ้ง แล้วสบถสาบานว่าจะไม่เขียนหนังสืออีกเลยนั้น.......อย่าหมาย สิ้นลมหายใจเสียเมื่อไรนั่นแหละ จึงจะเลิกคิดเลิกฝันกันเสียที ตราบใดที่ยังไม่ปิดฉากเข้าโลงไปเสีย ก็จะขอยืนหยัดสู้แบบหัวชนกำแพง อยู่อย่างนั้นแหละ..........
นิทานชาวสวน ๒๖ พ.ค.๕๖
ฮบันทึกของผู้เฒ่า (๗๐)
เมื่อได้เขียนบทบันทึก อะไรก็ได้ ถึงเรื่องหนังสือพิมพ์ทหารสื่อสาร ยุคเสี้ยวศตวรรษแรกไป ๓ ตอนแล้วนั้น ก็นึกถึงเรื่องงานเขียนของตนเอง ซึ่งเริ่มขึ้นหลังจากกำเนิดหนังสือฉบับดังกล่าวเพียง ๖ เดือนเท่านั้น โดยไม่รู้จักมักจี่กัน เหมือนอยู่ห่างคนละโลก ทั้ง ๆ ที่ใกล้กันเพียงคนละฝั่งคลองเปรมประชากรเท่านั้น
จึงย้อนกลับมาพลิกบันทึกส่วนตัวของผู้เฒ่า เมื่อสมัยยังอยู่ในวัยหนุ่ม เริ่มแรกที่จะลงมือเขียนหนังสือ อ่านแล้วก็เห็นว่าควรจะก็อปปี้เอามาลงในบันทึกปัจจุบัน เพื่อทุ่นแรงในยามที่จะลดการพิมพ์คอมพ์นี้ จะดีกว่า เริ่มเมื่อเกษียณอายุราชการกันเลยทีเดียว
อาทิตย์ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๕
ครบรอบปีที่ ๔๔ มีผลงานได้ลงพิมพ์ รวม ๒๔๑ เรื่อง ในจำนวนนี้เรื่องสั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๖๗ เรื่อง สามก๊ก เพิ่มขึ้นเป็น ๒๓ ตอน สำนักพิมพ์คณาธร รับจะพิมพ์สามก๊กฉบับลิ่วล้อเป็นพ็อคเก็ตบุคส์ ภายในต้นปี ๒๕๓๖
๑๑ ต.ค.๓๖
ครบรอบปีที่ ๔๕ มีผลงานได้ลงพิมพ์ รวม ๒๖๕ เรื่อง ในจำนวนนี้เรื่องสั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๗๐ เรื่อง สามก๊กเพิ่มขึ้นเป็น ๓๕ ตอน
เมื่อ พ.ค.๓๖ ได้เสนอเรื่องสามก๊กให้ มาตุภูมิ รายสัดาห์ พิจารณา
เมื่อ มิ.ย.๓๖ ส่งสามก๊กให้ นครไทยเบื้องหลังข่าว พิจารณา
เมื่อ ก.ค.๓๖ ได้เสนอเรื่องสามก๊ก ให้ ไทนคร พิจารณา
เมื่อ ส.ค.๓๖ ได้เสนอเรื่องสามก๊กให้ มติชนสุดสัปดาห์ พิจารณา
ทั้ง ๔ รายเงียบหายไปโดยไม่ได้รับตอบเลยทั้งสิ้น
สำนักพิมพ์คณาธร ทิ้งเรื่องสามก๊กหายเงียบไปปีกว่า ติดต่อทางจดหมายก็ไม่ได้รับตอบ เข้าใจว่าจะเลิกกิจการไปแล้ว
๒๓ มิ.ย.๓๗
ได้ส่งเรื่องสามก๊กทั้งหมด ให้สำนักพิมพ์ดอกหญ้าพิจารณาอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะให้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ได้รับความสำเร็จก็จะเก็บเอาไว้พิมพ์แจกในงานศพเท่านั้น
๑๑ ต.ค.๓๗
ครบรอบปีที่ ๔๖ ได้เขียนสามก๊กฉบับลิ่วล้อจบตามที่ต้องการแล้ว เป็นจำนวน ๔๐ ชุด ๙๘ ตอน เมื่อ พ.ค.๓๗ ได้ลงพิมพ์แล้วรวมทั้งสิ้น ๕๖ ตอน
๑ ม.ค.๓๘
สำนักพิมพ์ดอกหญ้าได้เลื่อนการพิจารณา สามก๊กฉบับลิ่วล้อ จากปี ๒๕๓๗ เป็นปี ๒๕๓๘ และได้ลงมือตรวจต้นฉบับเพื่อคัดเลือกเรื่องที่จะพิมพ์แล้ว ต้องรอฟังผลอีกอย่างน้อย ๑ เดือน
๙ มิ.ย.๓๙
เมื่อวันก่อนติดต่อสำนักพิมพ์ดอกหญ้า แจ้งว่าไม่เคยคิดจะไม่พิมพ์ สามก๊กฉบับลิ่วล้อ แต่ทางสำนักพิมพ์มีปัญหา เรื่องการจำหน่ายอยู่บ้าง จึงชะลอการผลิตไว้ เราจึงเขียนจดหมายยืนยันไปว่า ขอให้งดการพิมพ์สามก๊กของเราเสีย ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า จะเป็นการเอาทุนไปจมเสียเปล่า ๆ เพราะมีอยู่มากมายแล้วในท้องตลาด และผู้เขียนก็ไม่ได้มีชื่อเสียงในทางใดเลย เป็นการบอกเลิกติดต่อ เพราะเป็นเวลาครบ ๒ ปี พอดี
๑๑ ต.ค.๓๙
ครบรอบ ๔๘ ปี ของการเป็นนักเขียนหนังสือ มีผลงานได้ลงพิมพ์แล้ว ๔๐๗ ชิ้น เป็น สามก๊ก ๑๑๐ ตอน
๑๓ ต.ค.๓๙
ใน ๒-๓ วันที่ผ่านมานี้ เมื่อมีเวลาว่างก็จะหวลไปคิดถึงชีวิตในด้านการเขียนหนังสือ แล้วก็พบว่า แบ่งออกได้เป็น ๓ ช่วง คือ
ช่วงแรก พ.ศ.๒๔๙๑ – ๒๕๐๑ เป็นเวลาของการฝึกฝน แสวงหาและพากเพียรพยายาม ในการสร้างงาน มานะ บากบั่น อดทน ทะเยอทะยาน อยากดี อยากดัง อยากได้เงิน หวัง.......แล้วก็ผิดหวัง
เมื่อหวลกลับไปอ่านบันทึกตอนแรกก็พบว่าได้มีการบันทึกความในใจไว้อย่างระทดท้อแทบจะสิ้นกำลังใจ ดังเช่นเมื่อ ๓๐ ก.ย.๙๔....................
เราเพิ่งจะสำนึกว่า พื้นความรู้เดิมของเรายังอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับของผู้อื่น ที่ก้าวออกมาเกือบ ๆ จะพร้อมกับเรา มิหนำซ้ำวิถีชีวิตของเราก็วนเวียนอยู่ในวงแคบนิดเดียว เรายังโง่ต่อโลกและชีวิตเหลือเกิน เราเพิ่งสำนึกได้ เมื่อใกล้จะครบ ๓ ปีนี้เอง
แต่เรายังมีหน้าที่ ๆ จะต้องวนเวียนอยู่ในวงแคบนั้นอีกต่อไป เราจะต้องอยู่ ทำหน้าที่ของเราอย่างซื่อสัตย์ต่อไปอีก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องห่างเหินกับงานที่เรารักไปบ้าง แม้จะเป็นการฝืนกับความรู้สึกของเราอย่างทารุณก็ตาม
เพราะสิ่งที่ผลักดัน ให้เราสร้างงานอันเป็นที่รัก ออกมาได้จนถึงบัดนี้ก็คือ ความตั้งใจจริง กับ ความอดทน เพียงสองประการเท่านั้น
เรายังอ่อนทั้งวัย อ่อนทั้งวุฒิ และความจัดเจนของชีวิต เราไม่อาจทำตามความตั้งใจของเรา ที่ได้ปรารภไว้เมื่อ ๓-๔ เดือนก่อนนั้นได้
จนกว่า......เราจะสามมารถก้าวเข้าไปยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง ในวงการประพันธ์อีกครั้งหนึ่ง ด้วยงานที่บริสุทธิ์จากสมองของเรา ซึ่งวันนั้น.......แม้จะอยู่ไกลแสนไกล ก็คงไม่พ้นความพยายามของเรา ที่จะก้าวไปให้ถึง
ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ เราจะยังมีอยู่ ก็แต่ความอดทน เท่านั้น
และเมื่อ ครบรอบ ๑๐ ปีแรก ๑๑ ต.ค.๒๕๐๐...............
๑๐ ปีบริบูรณ์ สำหรับชีวิตการประพันธ์ของเรา สิบปีเต็ม ๆ ที่ได้ย่างก้าวเข้ามาในอาณาจักรใหม่ ที่รักและหลงใหลมาแต่วัยเยาว์ ได้ผ่าน....ได้พบ....ทั้งสุข....และเศร้า....สมหวัง.....และผิดหวัง สิบปีของการเขียนหนังสือ บางคนพลุ่งโด่งขึ้นไปอยู่บนยอดสุดของโลกการประพันธ์ หลายคนพอยึดเป็นอาชีพได้ และอีกมากมายเหลือเกินที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ให้ใครได้กล่าวขวัญถึงเลย....เราก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนหลังนี้เหมือนกัน
แน่ใจเสียแล้วว่าเราไม่อาจก้าวเข้า ไปอย่างผู้ชนะได้ แต่ก็ไม่ยักยอมถอยออกมาอย่างผู้แพ้ .........แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ที่ความหวังความฝันอันวิจิตรพิสดารเมื่อสิบปีก่อนนั้น จะไม่มีวันก่อรูปร่าง เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้เลยในชีวิต แต่จะให้โยนปากกาทิ้ง แล้วสบถสาบานว่าจะไม่เขียนหนังสืออีกเลยนั้น.......อย่าหมาย สิ้นลมหายใจเสียเมื่อไรนั่นแหละ จึงจะเลิกคิดเลิกฝันกันเสียที ตราบใดที่ยังไม่ปิดฉากเข้าโลงไปเสีย ก็จะขอยืนหยัดสู้แบบหัวชนกำแพง อยู่อย่างนั้นแหละ..........