นักเล่นหุ้นวีไอ-เทคนิค จัดพอร์ตปั้นกำไรบนคลื่นดัชนี 1,600 จุด

กระทู้สนทนา
16 พ.ค. 2556 เวลา 12:29:40 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะสะดุดไปบ้างในบ้างช่วง แต่ดัชนีก็สามารถไต่ระดับจากต้นปีที่ 1,407.45 จุด มาปิดที่ 1,622.48 จุด (10 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 15.3% เข้าใกล้จุดสูงสุดของปีที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ไว้

การก้าวข้ามจุดเสี่ยงในจังหวะตลาดหุ้นกระทิง เป็นสิ่งที่ยากและนักลงทุนหวาดกลัวกันไม่น้อย ซึ่ง "ประชาชาติธุรกิจ" ได้พูดคุยกับนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด 2 ท่านเพื่อแนะการวางกลยุทธ์ลงทุนในสถานการณ์นี้

"ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" นักลงทุนหุ้นคุณค่าหรือแนววีไอ บอกว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นสูง จนแตะระดับเหนือ 1,600 จุด โดยขั้นแรก นักลงทุนควรพิจารณาว่าหุ้นตัวใดในพอร์ตมีราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) และสร้างกำไรได้สูงแล้ว ก็ควรทยอยขายออกครั้งละประมาณ 1 ใน 3 เพื่อล็อกกำไรหาผลตอบแทนช่วงตลาดปรับตัวขึ้น

ลำดับถัดมา เมื่อได้กำไรจากการขายหุ้นแล้ว สามารถนำเงินบางส่วนเข้าซื้อหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยเลือกหุ้นที่มีพีอีต่ำกว่า 10 เท่า เทียบกับตลาดปัจจุบันที่มีพี/อีประมาณ 19 เท่า หุ้นพีอีต่ำจะช่วยวัดได้ระดับหนึ่งว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไรจึงจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า เช่น ค่าพี/อี 10 เท่า นักลงทุนจะใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 10 ปี เป็นต้น

เลือกหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% เทียบกับอัตราเงินเฟ้อ และสุดท้ายเป็นหุ้นที่มีราคาตามมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ต่ำกว่า 2 เท่า โดยกลุ่มหุ้นที่เข้าข่ายคุณสมบัติเหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) บมจ.บ้านปู (BANPU) รวมถึงหุ้นส่งออกที่บางบริษัทพบว่ามีความโดดเด่นด้านอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล

"ตอนนี้นักลงทุนอาจจะต้องมานั่งดูพอร์ตตัวเองมากขึ้น ว่า หุ้นที่มีอยู่ราคาแพงเกินไปหรือไม่ พี/อีสูงเกินไป ก็ควรจะทำกำไรออกบ้าง แล้วหันไปมองหุ้นที่ยังมีราคาถูกเกินไป ซึ่งก็ยังมีอยู่ในตลาดอีกหลายตัว โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นได้ในอนาคต และเชื่อมั่นว่าถ้าจัดพอร์ตอย่างเหมาะสมแบบนี้ อย่างน้อยก็ควรจะได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี หรือมากกว่านั้น" ภาววิทย์แนะนำ

มุมมองของ "เสี่ยป๋อง" หรือ "วัชระ แก้วสว่าง" นักลงทุนแนวเทคนิคอลที่ใช้กราฟวิเคราะห์การลงทุน ระบุว่า ดูสถิติย้อนหลังของเดือนพฤษภาคมของทุกปี ดัชนีตลาดหุ้นไทยมักจะมีทิศทางปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง แต่พอช่วงปลายเดือนจะปรับตัวลดลงบ้าง ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุน "ทยอยขาย" ในช่วงที่หุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเพื่อทำกำไรบางส่วน โดยเฉพาะในจังหวะที่ดัชนีขึ้นสูงจนถึง 1,700 จุด "ดัชนีระดับ 1,600 จุด บอกทิศทางค่อนข้างยาก เป็นได้ทั้งไปต่อหรืออาจจะจบรอบลงก็ได้ เพียงแต่ถ้ามองกันสั้น ๆ เฉพาะเดือนนี้ ปกติที่ดัชนีมักจะปรับตัวขึ้น

เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในหลาย ๆ ปี และที่สำคัญก็มักจะปรับตัวลงท้ายเดือนด้วย ดังนั้น ควรลงทุนแบบระวัง แบ่งขายไปบางส่วน เหลือไว้แค่ตัวที่ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐก็พอ" วัชระกล่าว

ส่วนหุ้นบางกลุ่มที่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น เช่น "กลุ่มก่อสร้าง" ซึ่งจะได้รับผลดีจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เพื่อเชื่อมโยงประเทศอาเซียนรองรับการเติบโตทางการค้า แนะนำว่ายังสามารถถือต่อได้เพราะแนวโน้มผลประกอบการจะสะท้อนกับงานที่ได้รับต่อเนื่อง

การเลือกการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแบบเทคนิคอลหรือแบบวีไอ ย่อมไม่มีสูตรตายตัว แต่นักลงทุนสามารถสร้างกำไรได้ในทุกจังหวะ หากศึกษาและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนของตัวเอง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่