เตือนหุ้นไทยเสี่ยงโวลุ่ม รายย่อยพุ่ง 65 %
วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2014 เวลา 10:35 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - คอลัมน์ : ข่าวหน้า1 พิมพ์
นักวิเคราะห์เตือนระวัง!ตลาดหุ้นเสี่ยงแล้ว เหตุนักลงทุนรายย่อยเก็งกำไรสนั่น พบโวลุ่มเทรดบวม 65% ของตลาดรวม จากปกติจะอยู่ที่ราว 50% ชี้ทำให้ตลาดผันผวน ผงะหุ้นตัวเล็กเป็นกระทิงดันพี/อี ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ พุ่ง 79.89 เท่า โบรกฯแตะมือโหนดัชนี 1,650 จุด หลังทดสอบ 1,600 จุดแล้ว ห่วงบริษัทจดทะเบียนปั๊มกำไรไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งแรง เตือนรับมือปรับฐานใหญ่ เลวร้ายสุดดิ่งลึก 25%
นับจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เข้าบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตลาดหุ้นไทยทั้ง 2 กระดาน คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)อยู่ในภาวะที่ร้อนแรง โดยในรอบเกือบ 9 เดือน (สิ้นสุด 25 ก.ย.57)ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นถึง 23% ส่วนตลาด mai ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็ก มีภาวะการเก็งกำไรสูงส่งผลให้อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)พุ่งขึ้นสูงที่ 79.89 เท่า และSET มีการซื้อขายที่พี/อี 18.47 เท่า (ข้อมูล ณ 25 ก.ย.57)ทั้งนี้เป็นผลจากความเชื่อมั่นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
++น่ากลัว !โวลุ่มเทรดรายย่อยพุ่ง 65%
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน)(บมจ.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีภาวะการเก็งกำไรจากนักลงทุนรายย่อย โดยจะเห็นได้ว่านักลงทุนในประเทศ มีสัดส่วนการซื้อขายหรือโวลุ่มเทรดสูงถึง 65% ของมูลค่าการซื้อขายโดยรวมซึ่งถือว่ามากเกินไปจากปกติจะอยู่ที่ราวกว่า 50% จากสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่มากนี้จะทำให้ตลาดมีความผันผวนตามมาจึงควรจะต้องระวังการลงทุนด้วย
altสอดคล้องกับนายนคร คลศรีชัย ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บล.ไอร่าฯ กล่าวว่า ในระยะสั้นมีสัญญาณเตือนสภาพการเก็งกำไรที่ร้อนแรงเกินไป โดยเห็นได้จากดัชนี MAI ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กในตลาด จะเห็นว่า ดัชนีราคาขึ้นมาต่อเนื่องในปี 2557 ซึ่งเป็นภาวะเดียวกับปี 2556 ดังนั้นคาดว่าท้ายที่สุดจะเผชิญความผันผวน จึงมองความเสี่ยงจากนักเก็งกำไรในประเทศกันเอง
จากรายงานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงวันที่ 22 -25 กันยายน 2557 กระดานSET มีมูลค่าการซื้อขายระหว่าง 4.4-5.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน กระดาน mai มีมูลค่าการซื้อขาย 5.8-6.8 พันล้านบาท ต่อวัน
++โบรกฯโหนดัชนี 1,640-1,650 จุด
อย่างไรก็ตามบล.ไอร่าฯ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไตรมาส 4 นี้ ยังเป็นขาขึ้น และไตรมาส 4 คาดว่าจะปรับขึ้นไปที่ 1,640 จุด คาดว่ากลุ่มสื่อสารจะเป็นกลุ่มหลักดันดัชนีไปสู่ระดับดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ยังปรับตัวน้อยกว่าตลาด
ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้หุ้นไทยปรับขึ้น คือ ทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง แสดงถึงการบริโภคของโลกที่ยังคงเติบโต จึงมีผลในทางบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นโลก และตลาดหุ้นไทยเช่นเดียวกัน ส่วนทิศทางเศรษฐกิจไทย เมื่อมองจากทิศทางกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินในประเทศ ทิศทางกำไรของธนาคารพาณิชย์มีกำไรต่อหุ้นเติบโตขึ้น ทำให้คาดว่าในไตรมาส 4/2557 ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปได้
สอดคล้องกับนางสาวศิริพรรณ สุทธาโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.)ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2557 และปี 2558 ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี คาดการณ์การเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะเติบเฉลี่ยมากกว่า 10% ในปี 2558 โดยมูลค่าหุ้นไทยยังน่าจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการเติบโตดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่าปีหน้าหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,700 จุด ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่ามีโอกาสแตะ 1,630-1,650 จุด
++ห่วงกำไรบจ.โตไม่ทันราคาหุ้น
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวงฯ ให้สัมภาษณ์"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะกระทิง หรือเป็นขาขึ้นมานานแล้ว โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 ถึงปัจจุบันดัชนี SET ปรับขึ้นมาแล้วเกือบ 25% แต่มูลค่าเหมาะสมปัจจัยพื้นฐานสำหรับปีนี้ บล.บัวหลวงฯให้ดัชนีSET 1,580 จุด ส่วนปีหน้า ให้เป้าดัชนี 1,750 จุด
"ตอนนี้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ทำกำไรไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะบจ.ที่อิงกำลังซื้อรากหญ้า ที่จะเห็นว่าราคาพืชผลเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ"
นายพิเชษฐ กล่าวและว่า นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังไม่ได้ปรับฐานครั้งใหญ่ แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จากข่าวลบธนาคารกลางสหรัฐฯอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าหุ้นไทยจะปรับตัวลง 10% หรือเลวร้ายสุดอาจดิ่งลึกถึง 25% ช่วงนั้นจึงถือเป็นโอกาสเข้าซื้อ
++ลุ้นปี 58 ทำนิวโฮ 1,760 จุด
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นปี 2558 นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัสฯ คาดว่าจะขึ้นไปถึง 1,760 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ทำสถิติใหม่ โดยคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 12.5% จากปีนี้(2557) ปัจจัยที่จะมาสนับสนุนหลักในปีหน้า คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะช่วยให้การบริโภคภายในประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามสำหรับปีนี้บล.เอเซีย พลัสฯ มองว่า การซื้อขายหุ้นไทยไม่ควรจะเกินระดับ 1,570 จุด หรือที่ระดับพี/อี ไม่เกิน 16 เท่า ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/57 นี้คาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานลงมาได้ เนื่องจากปัจจุบันดัชนีปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับพี/อี เกิน 16 เท่าไปแล้ว
นายพีระพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวงฯ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุด โดยมองว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าตัวเลขจีดีพี ของไทยจะสามารถเติบโตได้ถึง 4% จากการใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ปลายปีนี้(2557)ที่จะมีการลงทุนอีกมาก โดยเฉพาะการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ทั้งนี้ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไป และปัจจุบันดัชนีฯเทรดในระดับค่าพี/อี 18 เท่า ซึ่งถือว่าเกือบจะเต็มมูลค่าหุ้นแล้ว ส่งผลให้ตลาดฯมีโอกาสที่จะปรับฐานลงมาราว 5-7% ได้ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังไม่มีการปรับฐานที่แท้จริง เนื่องจากการปรับฐานที่แท้จริงต้องใช้ระยะเวลา 2-3 เดือนในการปรับตัวลง แต่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดฯปรับตัวลงไปเพียง 2-3 วัน แล้วรีบาวด์ขึ้นมา จึงยังไม่เรียกว่าเป็นการปรับฐานเท่าไร
อนึ่งภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ดัชนีSET สามารถปรับตัวขึ้นที่ระดับ 1,600 จุด ได้สำเร็จ ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยปิดที่ 1,600 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด คิดเป็น 0.51%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,987
วันที่ 28 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557
จากข่าวนี้ Q3 พวกบริษัทหลักทรัพย์กำไรบานแน่ๆ เตรียมซื้อเก็งกำไรไว้ครับ รายย่อยเทรดกันเยอะมากๆ
และกำไรจากprop trade อีก
เริ่มมีสัญญาณซื้อในกลุ่มหลักทรัพย์
วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2014 เวลา 10:35 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - คอลัมน์ : ข่าวหน้า1 พิมพ์
นักวิเคราะห์เตือนระวัง!ตลาดหุ้นเสี่ยงแล้ว เหตุนักลงทุนรายย่อยเก็งกำไรสนั่น พบโวลุ่มเทรดบวม 65% ของตลาดรวม จากปกติจะอยู่ที่ราว 50% ชี้ทำให้ตลาดผันผวน ผงะหุ้นตัวเล็กเป็นกระทิงดันพี/อี ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ พุ่ง 79.89 เท่า โบรกฯแตะมือโหนดัชนี 1,650 จุด หลังทดสอบ 1,600 จุดแล้ว ห่วงบริษัทจดทะเบียนปั๊มกำไรไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งแรง เตือนรับมือปรับฐานใหญ่ เลวร้ายสุดดิ่งลึก 25%
นับจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เข้าบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตลาดหุ้นไทยทั้ง 2 กระดาน คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)อยู่ในภาวะที่ร้อนแรง โดยในรอบเกือบ 9 เดือน (สิ้นสุด 25 ก.ย.57)ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นถึง 23% ส่วนตลาด mai ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็ก มีภาวะการเก็งกำไรสูงส่งผลให้อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)พุ่งขึ้นสูงที่ 79.89 เท่า และSET มีการซื้อขายที่พี/อี 18.47 เท่า (ข้อมูล ณ 25 ก.ย.57)ทั้งนี้เป็นผลจากความเชื่อมั่นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
++น่ากลัว !โวลุ่มเทรดรายย่อยพุ่ง 65%
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน)(บมจ.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีภาวะการเก็งกำไรจากนักลงทุนรายย่อย โดยจะเห็นได้ว่านักลงทุนในประเทศ มีสัดส่วนการซื้อขายหรือโวลุ่มเทรดสูงถึง 65% ของมูลค่าการซื้อขายโดยรวมซึ่งถือว่ามากเกินไปจากปกติจะอยู่ที่ราวกว่า 50% จากสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่มากนี้จะทำให้ตลาดมีความผันผวนตามมาจึงควรจะต้องระวังการลงทุนด้วย
altสอดคล้องกับนายนคร คลศรีชัย ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บล.ไอร่าฯ กล่าวว่า ในระยะสั้นมีสัญญาณเตือนสภาพการเก็งกำไรที่ร้อนแรงเกินไป โดยเห็นได้จากดัชนี MAI ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กในตลาด จะเห็นว่า ดัชนีราคาขึ้นมาต่อเนื่องในปี 2557 ซึ่งเป็นภาวะเดียวกับปี 2556 ดังนั้นคาดว่าท้ายที่สุดจะเผชิญความผันผวน จึงมองความเสี่ยงจากนักเก็งกำไรในประเทศกันเอง
จากรายงานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงวันที่ 22 -25 กันยายน 2557 กระดานSET มีมูลค่าการซื้อขายระหว่าง 4.4-5.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน กระดาน mai มีมูลค่าการซื้อขาย 5.8-6.8 พันล้านบาท ต่อวัน
++โบรกฯโหนดัชนี 1,640-1,650 จุด
อย่างไรก็ตามบล.ไอร่าฯ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไตรมาส 4 นี้ ยังเป็นขาขึ้น และไตรมาส 4 คาดว่าจะปรับขึ้นไปที่ 1,640 จุด คาดว่ากลุ่มสื่อสารจะเป็นกลุ่มหลักดันดัชนีไปสู่ระดับดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ยังปรับตัวน้อยกว่าตลาด
ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้หุ้นไทยปรับขึ้น คือ ทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง แสดงถึงการบริโภคของโลกที่ยังคงเติบโต จึงมีผลในทางบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นโลก และตลาดหุ้นไทยเช่นเดียวกัน ส่วนทิศทางเศรษฐกิจไทย เมื่อมองจากทิศทางกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินในประเทศ ทิศทางกำไรของธนาคารพาณิชย์มีกำไรต่อหุ้นเติบโตขึ้น ทำให้คาดว่าในไตรมาส 4/2557 ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปได้
สอดคล้องกับนางสาวศิริพรรณ สุทธาโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.)ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2557 และปี 2558 ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี คาดการณ์การเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะเติบเฉลี่ยมากกว่า 10% ในปี 2558 โดยมูลค่าหุ้นไทยยังน่าจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการเติบโตดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่าปีหน้าหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,700 จุด ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่ามีโอกาสแตะ 1,630-1,650 จุด
++ห่วงกำไรบจ.โตไม่ทันราคาหุ้น
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวงฯ ให้สัมภาษณ์"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะกระทิง หรือเป็นขาขึ้นมานานแล้ว โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 ถึงปัจจุบันดัชนี SET ปรับขึ้นมาแล้วเกือบ 25% แต่มูลค่าเหมาะสมปัจจัยพื้นฐานสำหรับปีนี้ บล.บัวหลวงฯให้ดัชนีSET 1,580 จุด ส่วนปีหน้า ให้เป้าดัชนี 1,750 จุด
"ตอนนี้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ทำกำไรไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะบจ.ที่อิงกำลังซื้อรากหญ้า ที่จะเห็นว่าราคาพืชผลเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ"
นายพิเชษฐ กล่าวและว่า นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังไม่ได้ปรับฐานครั้งใหญ่ แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จากข่าวลบธนาคารกลางสหรัฐฯอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าหุ้นไทยจะปรับตัวลง 10% หรือเลวร้ายสุดอาจดิ่งลึกถึง 25% ช่วงนั้นจึงถือเป็นโอกาสเข้าซื้อ
++ลุ้นปี 58 ทำนิวโฮ 1,760 จุด
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นปี 2558 นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัสฯ คาดว่าจะขึ้นไปถึง 1,760 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ทำสถิติใหม่ โดยคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 12.5% จากปีนี้(2557) ปัจจัยที่จะมาสนับสนุนหลักในปีหน้า คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะช่วยให้การบริโภคภายในประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามสำหรับปีนี้บล.เอเซีย พลัสฯ มองว่า การซื้อขายหุ้นไทยไม่ควรจะเกินระดับ 1,570 จุด หรือที่ระดับพี/อี ไม่เกิน 16 เท่า ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/57 นี้คาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานลงมาได้ เนื่องจากปัจจุบันดัชนีปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับพี/อี เกิน 16 เท่าไปแล้ว
นายพีระพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวงฯ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุด โดยมองว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าตัวเลขจีดีพี ของไทยจะสามารถเติบโตได้ถึง 4% จากการใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ปลายปีนี้(2557)ที่จะมีการลงทุนอีกมาก โดยเฉพาะการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ทั้งนี้ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไป และปัจจุบันดัชนีฯเทรดในระดับค่าพี/อี 18 เท่า ซึ่งถือว่าเกือบจะเต็มมูลค่าหุ้นแล้ว ส่งผลให้ตลาดฯมีโอกาสที่จะปรับฐานลงมาราว 5-7% ได้ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังไม่มีการปรับฐานที่แท้จริง เนื่องจากการปรับฐานที่แท้จริงต้องใช้ระยะเวลา 2-3 เดือนในการปรับตัวลง แต่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดฯปรับตัวลงไปเพียง 2-3 วัน แล้วรีบาวด์ขึ้นมา จึงยังไม่เรียกว่าเป็นการปรับฐานเท่าไร
อนึ่งภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ดัชนีSET สามารถปรับตัวขึ้นที่ระดับ 1,600 จุด ได้สำเร็จ ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยปิดที่ 1,600 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด คิดเป็น 0.51%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,987
วันที่ 28 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557
จากข่าวนี้ Q3 พวกบริษัทหลักทรัพย์กำไรบานแน่ๆ เตรียมซื้อเก็งกำไรไว้ครับ รายย่อยเทรดกันเยอะมากๆ
และกำไรจากprop trade อีก