สถานการณ์การเมืองไทยนับตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาพิเศษ
ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลง
คำปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ฟ้องโลกให้ทราบถึงเหตุการณ์การปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทย
และบอกเล่าความเจ็บปวดของฝ่ายรักษาประชาธิปไตย ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มการเมืองที่สัมพันธ์
กับการปฏิวัติ และอื่นๆ นั่งไม่ติด
นั่งไม่ติดถึงขนาดมีการกล่าวหาและใช้ถ้อยคำหยาบคายโจมตีนายกรัฐมนตรี
น่าสังเกตว่า ปฏิกิริยาตอบโต้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ในการนี้ ไม่ใช่การนิ่งเงียบอย่างใจเย็นเหมือน
หลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ทีมกฎหมายได้แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้หมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันที
ปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนี้มีปรากฏให้เห็นอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์
ที่ผ่านมา เป็นคำเสนอแนะจาก นายโภคิน พลกุล ซึ่งเข้ามามีบทบาทในฐานะฝ่ายกฎหมายสู้คดีให้
พรรคเพื่อไทย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายโภคินแสดงความเห็นถึงท่าทีการตอบโต้ในวิถีประชาธิปไตยว่า
1.คนต้องยึดกติกาที่มาโดยความชอบธรรม
2.ยึดหลักนิติธรรม
3.ต้องมีอิสระในการพิจารณาคดี และ
4.ต้องมีท่าทีที่ดีต่อกัน
เพราะหากมองหน้ากันแล้วอยากหาเรื่อง สันติก็เกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนการเดินหน้าเพื่อกดดัน
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ต้องเอาประเด็นที่ตุลาการฯทำผิด และสร้างความเสียหายหยิบยกขึ้นมา
เป็นประเด็น
แทนที่เราจะไปยืนด่าเขา เราควรเอาเวลาไปล่ารายชื่อเป็นแสนเป็นล้านรายชื่อ เพื่อแสดงให้เห็นว่า
ประชาชนต้องการอะไร แสดงความไม่เห็นด้วย เช่น ต่อมาตรา 157 การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เช่น ห้ามสภาลงมติ ทำให้สภาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เรื่องนี้ต้องใช้ประชาชนกดดัน แต่อย่าคิดว่า
จะสำเร็จเพราะมันไม่มีทางสำเร็จ แต่อย่างน้อยทำให้รู้ว่าประชาชนเขาไม่เอาคุณ
กรณีเช่นนี้ นายโภคินได้ทำมาแล้ว โดยการทำจดหมายเปิดผนึก แสดงเจตนาของพรรคเพื่อไทย
เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินรับเอาการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเอาไว้พิจารณาในคดีล้มล้าง
ระบบการปกครอง ตามมาตรา 68 รัฐธรรมนูญ 2550
ดูเหมือนว่า ข้อเสนอของนายโภคินจะได้รับการขานรับ มีการประกาศล่ารายชื่อไม่เห็นด้วยกับ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลมีการพบปะสังสรรค์และหารือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
เท่ากับว่า รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ที่ยอมถอยทางการเมืองมาตลอดปีกว่า เริ่มพลิกเกมเข้า
สู้ตามกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้
ใช้อำนาจนิติบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขกฎหมายที่เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร
ใช้ ประชาธิปไตย โชว์ต่อโลก เพื่อตักเตือน กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางประชาธิปไตย
ปลุกคนเป็นแสนเป็นล้าน จับจ้องมองดู เสาหลักประชาธิปไตย ที่อาจจะล้ำเส้น
การกำหนดแนวทางต่อสู้ตามแนวทางดังกล่าว กลายเป็นการกำหนดแนวทางการตอบโต้ของ
ฝ่ายตรงข้ามไปโดยปริยาย
เมื่อใช้อำนาจ นิติบัญญัติ ดำเนินการ แม้กลุ่มคัดค้านจะขออำนาจ ศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัย
ของศาลรัฐธรรมนูญต่อไปต้องไม่ผิดพลาด
ถ้าผิดพลาดก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น
การงัด ประชาธิปไตย ขึ้นมานำเสนอต่อประชาคมโลก ทางหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้
โลกประชาธิปไตยหันมามองประเทศไทย อีกทางหนึ่งเป็นการยึดโลเกชั่นที่เหนือกว่า
เหนือกว่าโลเกชั่น เผด็จการรัฐประหาร ที่ฝ่ายคัดค้านรัฐบาลกำลังติดกับตกลงไปอยู่ในหลุมมืด
แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร ในเรื่องการคอร์รัปชั่น การหลีกเลี่ยงถ้อยคำ ปฏิวัติรัฐประหาร มาเป็น แทรกแซง
การกล่าวโยงถึง ชายชุดดำ นั้นเป็น
ตัวอย่างให้เห็น
เห็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อเหตุการณ์การเมืองไทยในช่วงเวลานี้
ยิ่งใครใช้อารมณ์ ใช้ความหยาบคาย เป็นอาวุธในการโจมตี ยิ่งทำให้เพลี่ยงพล้ำและเสียหาย
เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ฝ่ายที่กระทำผิดกฎหมายจึงตกเป็นเบี้ยล่าง
และการนำเอา ประชาธิปไตย เป็นจุดขาย และนำเอา ความผิดพลาด ของฝ่ายคัดค้านออกมาขยาย
โดยปลุกให้ มวลชน ที่เป็นทั้งฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มคนที่ไม่แอบอิงฝ่ายใดได้ประจักษ์อย่าง
โปร่งใส ย่อมส่งผลดีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในขณะนี้
ยุทธวิธีเช่นนี้ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เคยทำ
เมื่อการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้ว โดยการใช้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นคนสวย เป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ บวกรวมกับนโยบายหาเสียง
ของพรรคเพื่อไทย บวกรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการสนับสนุน เป็นปัจจัยหลักในการดึงคะแนนเสียง
การซื้อเสียงเลือกตั้งจึงมีน้อย หัวคะแนนที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่จึงพาดพิงไปถึงพรรคการเมืองอื่น
เสียมากกว่า
การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 จึงไม่มีเหตุสุดวิสัยอันจะนำไปสู่ความล่มสลายของ
พรรคเพื่อไทย
เช่นเดียวกับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ ที่เพิ่งเสร็จสิ้น
ทีมหาเสียงเลือกตั้งของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย จึงระมัดระวังเรื่องการกระทำ
ผิดกฎหมายเลือกตั้งเป็นพิเศษ ทำให้ข่าวคราวการกระทำผิดแทบไม่มี
การดำเนินการเช่นนี้ได้ ย่อมหมายถึงความมั่นใจในคะแนนเสียงที่ประชาชนสนับสนุน
เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดที่พรรคเพื่อไทย และรัฐบาล กำลังเริ่มเปิดเกมรุกอยู่ในขณะนี้
อาจเป็นไปได้ว่า ตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ประเมินกันแล้วว่า รัฐบาล
และพรรคเพื่อไทย ยังยืนอยู่บนโลเกชั่น
ที่ได้เปรียบ
ได้เปรียบจากความคมชัดในจุดยืนประชาธิปไตย การยืนอยู่กับเหยื่อความรุนแรงในเหตุการณ์
ความรุนแรงทางการเมือง การสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการ
พูดคุยเจรจา
และยังได้เปรียบในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน
ขณะที่เวลาของรัฐบาลกำลังเข้าสู่ครึ่งวาระ พรรคเพื่อไทยจึงขยับพลิกเกมสู้ เพื่อทวงคืนความชอบธรรม
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01120556§ionid=0116&selday=2013-05-12
พรรค..และ รัฐบาลกำลังพยายามเดินในกรอบ .. .... เพื่อยืดอายุการทำงานให้ครบวาระ ......
ต้องถามกลับไปทางปชป.แล้ว ..... หาก เพื่อไทย ยังเดินตามกรอบนี้ต่อไป ปชป.
จะทำอย่างไร จะปฏิรูปพรรค หรือ จะเดินหน้า ผ่าความจริง พร้อมๆ กับรายการสายล่อฟ่า
คาดว่า ทำให้ปชช. หันกลับมาเลือกปชป. ให้ได้เสียงข้างมาก ในการเลือกตั้งครั้งหน้า....
นักรบไซเบอร์ ที่วันๆ ก็เรียกเพื่อนต่างอุดมการณ์ว่า "ควายแดง kikaทักษิณ" เหยียดหยาม
กันแบบนี้ ทำให้อะไร ดีขึ้นบ้าง คิดว่าจะทำให้เขากลับใจมาเลือก ปชป. ไหม ?
เพื่อไทยพลิกเกมสู้ "รุก"ใน"กรอบ" ทวงคืนความชอบธรรม ...... วิเคราะห์ ... มติชนออนไลน์
ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลง
คำปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ฟ้องโลกให้ทราบถึงเหตุการณ์การปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทย
และบอกเล่าความเจ็บปวดของฝ่ายรักษาประชาธิปไตย ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มการเมืองที่สัมพันธ์
กับการปฏิวัติ และอื่นๆ นั่งไม่ติด
นั่งไม่ติดถึงขนาดมีการกล่าวหาและใช้ถ้อยคำหยาบคายโจมตีนายกรัฐมนตรี
น่าสังเกตว่า ปฏิกิริยาตอบโต้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ในการนี้ ไม่ใช่การนิ่งเงียบอย่างใจเย็นเหมือน
หลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ทีมกฎหมายได้แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้หมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันที
ปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนี้มีปรากฏให้เห็นอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์
ที่ผ่านมา เป็นคำเสนอแนะจาก นายโภคิน พลกุล ซึ่งเข้ามามีบทบาทในฐานะฝ่ายกฎหมายสู้คดีให้
พรรคเพื่อไทย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายโภคินแสดงความเห็นถึงท่าทีการตอบโต้ในวิถีประชาธิปไตยว่า
1.คนต้องยึดกติกาที่มาโดยความชอบธรรม
2.ยึดหลักนิติธรรม
3.ต้องมีอิสระในการพิจารณาคดี และ
4.ต้องมีท่าทีที่ดีต่อกัน
เพราะหากมองหน้ากันแล้วอยากหาเรื่อง สันติก็เกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนการเดินหน้าเพื่อกดดัน
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ต้องเอาประเด็นที่ตุลาการฯทำผิด และสร้างความเสียหายหยิบยกขึ้นมา
เป็นประเด็น
แทนที่เราจะไปยืนด่าเขา เราควรเอาเวลาไปล่ารายชื่อเป็นแสนเป็นล้านรายชื่อ เพื่อแสดงให้เห็นว่า
ประชาชนต้องการอะไร แสดงความไม่เห็นด้วย เช่น ต่อมาตรา 157 การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เช่น ห้ามสภาลงมติ ทำให้สภาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เรื่องนี้ต้องใช้ประชาชนกดดัน แต่อย่าคิดว่า
จะสำเร็จเพราะมันไม่มีทางสำเร็จ แต่อย่างน้อยทำให้รู้ว่าประชาชนเขาไม่เอาคุณ
กรณีเช่นนี้ นายโภคินได้ทำมาแล้ว โดยการทำจดหมายเปิดผนึก แสดงเจตนาของพรรคเพื่อไทย
เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินรับเอาการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเอาไว้พิจารณาในคดีล้มล้าง
ระบบการปกครอง ตามมาตรา 68 รัฐธรรมนูญ 2550
ดูเหมือนว่า ข้อเสนอของนายโภคินจะได้รับการขานรับ มีการประกาศล่ารายชื่อไม่เห็นด้วยกับ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลมีการพบปะสังสรรค์และหารือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
เท่ากับว่า รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ที่ยอมถอยทางการเมืองมาตลอดปีกว่า เริ่มพลิกเกมเข้า
สู้ตามกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้
ใช้อำนาจนิติบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขกฎหมายที่เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร
ใช้ ประชาธิปไตย โชว์ต่อโลก เพื่อตักเตือน กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางประชาธิปไตย
ปลุกคนเป็นแสนเป็นล้าน จับจ้องมองดู เสาหลักประชาธิปไตย ที่อาจจะล้ำเส้น
การกำหนดแนวทางต่อสู้ตามแนวทางดังกล่าว กลายเป็นการกำหนดแนวทางการตอบโต้ของ
ฝ่ายตรงข้ามไปโดยปริยาย
เมื่อใช้อำนาจ นิติบัญญัติ ดำเนินการ แม้กลุ่มคัดค้านจะขออำนาจ ศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัย
ของศาลรัฐธรรมนูญต่อไปต้องไม่ผิดพลาด
ถ้าผิดพลาดก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น
การงัด ประชาธิปไตย ขึ้นมานำเสนอต่อประชาคมโลก ทางหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้
โลกประชาธิปไตยหันมามองประเทศไทย อีกทางหนึ่งเป็นการยึดโลเกชั่นที่เหนือกว่า
เหนือกว่าโลเกชั่น เผด็จการรัฐประหาร ที่ฝ่ายคัดค้านรัฐบาลกำลังติดกับตกลงไปอยู่ในหลุมมืด
แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร ในเรื่องการคอร์รัปชั่น การหลีกเลี่ยงถ้อยคำ ปฏิวัติรัฐประหาร มาเป็น แทรกแซง
การกล่าวโยงถึง ชายชุดดำ นั้นเป็น
ตัวอย่างให้เห็น
เห็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อเหตุการณ์การเมืองไทยในช่วงเวลานี้
ยิ่งใครใช้อารมณ์ ใช้ความหยาบคาย เป็นอาวุธในการโจมตี ยิ่งทำให้เพลี่ยงพล้ำและเสียหาย
เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ฝ่ายที่กระทำผิดกฎหมายจึงตกเป็นเบี้ยล่าง
และการนำเอา ประชาธิปไตย เป็นจุดขาย และนำเอา ความผิดพลาด ของฝ่ายคัดค้านออกมาขยาย
โดยปลุกให้ มวลชน ที่เป็นทั้งฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มคนที่ไม่แอบอิงฝ่ายใดได้ประจักษ์อย่าง
โปร่งใส ย่อมส่งผลดีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในขณะนี้
ยุทธวิธีเช่นนี้ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เคยทำ
เมื่อการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้ว โดยการใช้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นคนสวย เป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ บวกรวมกับนโยบายหาเสียง
ของพรรคเพื่อไทย บวกรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการสนับสนุน เป็นปัจจัยหลักในการดึงคะแนนเสียง
การซื้อเสียงเลือกตั้งจึงมีน้อย หัวคะแนนที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่จึงพาดพิงไปถึงพรรคการเมืองอื่น
เสียมากกว่า
การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 จึงไม่มีเหตุสุดวิสัยอันจะนำไปสู่ความล่มสลายของ
พรรคเพื่อไทย
เช่นเดียวกับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ ที่เพิ่งเสร็จสิ้น
ทีมหาเสียงเลือกตั้งของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย จึงระมัดระวังเรื่องการกระทำ
ผิดกฎหมายเลือกตั้งเป็นพิเศษ ทำให้ข่าวคราวการกระทำผิดแทบไม่มี
การดำเนินการเช่นนี้ได้ ย่อมหมายถึงความมั่นใจในคะแนนเสียงที่ประชาชนสนับสนุน
เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดที่พรรคเพื่อไทย และรัฐบาล กำลังเริ่มเปิดเกมรุกอยู่ในขณะนี้
อาจเป็นไปได้ว่า ตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ประเมินกันแล้วว่า รัฐบาล
และพรรคเพื่อไทย ยังยืนอยู่บนโลเกชั่น
ที่ได้เปรียบ
ได้เปรียบจากความคมชัดในจุดยืนประชาธิปไตย การยืนอยู่กับเหยื่อความรุนแรงในเหตุการณ์
ความรุนแรงทางการเมือง การสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการ
พูดคุยเจรจา
และยังได้เปรียบในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน
ขณะที่เวลาของรัฐบาลกำลังเข้าสู่ครึ่งวาระ พรรคเพื่อไทยจึงขยับพลิกเกมสู้ เพื่อทวงคืนความชอบธรรม
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01120556§ionid=0116&selday=2013-05-12
พรรค..และ รัฐบาลกำลังพยายามเดินในกรอบ .. .... เพื่อยืดอายุการทำงานให้ครบวาระ ......
ต้องถามกลับไปทางปชป.แล้ว ..... หาก เพื่อไทย ยังเดินตามกรอบนี้ต่อไป ปชป.
จะทำอย่างไร จะปฏิรูปพรรค หรือ จะเดินหน้า ผ่าความจริง พร้อมๆ กับรายการสายล่อฟ่า
คาดว่า ทำให้ปชช. หันกลับมาเลือกปชป. ให้ได้เสียงข้างมาก ในการเลือกตั้งครั้งหน้า....
นักรบไซเบอร์ ที่วันๆ ก็เรียกเพื่อนต่างอุดมการณ์ว่า "ควายแดง kikaทักษิณ" เหยียดหยาม
กันแบบนี้ ทำให้อะไร ดีขึ้นบ้าง คิดว่าจะทำให้เขากลับใจมาเลือก ปชป. ไหม ?