จากกระทู้
http://ppantip.com/topic/30421660
เกี่ยวกับเรื่องบันทึกการประชุมของ สสร.2550 ที่บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 68
ว่าใ้ห้ยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ไม่ใช่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คุณม่่วงคันแสดงความคิดเห็นไว้ใน คห.15 โดยการยกข้อความบันทึกการประชุมมา
แล้วบอกว่า หายังไงก็หาไม่เจอคำว่า ห้ามผู้ทราบเรื่องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ก็เพราะความไม่เข้าใจ (ไม่รู้เรื่อง) แหละครับ ทำให้คุณม่วงคันถามหาสิ่งที่เห็นอยู่ตำตาไม่เจอ
เห็นตำตาแต่บอกว่าหาไม่เจอ
คุณม่วงคันครับ มันเป็นยังงี้ครับ
บันทึกการประชุมนี้ คือการแปรญัตติถ้อยคำที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550
ตามภาพความคิดเห็นของคุณม่วงคันที่ผมยกมา
ในกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลืองที่ผมเน้นนั้น คือถ้อยคำที่ สสร.50 แปรญัตติ
แปรจากคำว่า
"ผู้รู้" เป็น
"ผู้ทราบการกระทำดังกล่าว"
แล้วผู้ทราบการกระทำดังกล่าวต้องทำอย่างไร
ก็ทำอย่างที่ผมเน้นขีดเส้นใต้ไว้นั่นแหละครับ คือ
มีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง
นี่คือ
"เจตนารมณ์" ของมาตรา 68 ครับ
สสร.50 จึงได้บัญญัติถ้อยคำไว้ในมาตรา 68 ว่า
เสนอเรื่องให้อัยการสูเงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ...
หมายถึงว่า ให้อัยการสูงสุดตรวจสอบคำร้องก่อนว่า มีมูลไหม หากมีมูลก็ส่งต่อให้ศาล รธน.
หากไม่มีมูล ก็ไม่ส่ง ยุติเรื่องไป
(ใช้คำว่า
และ อันหมายถึงทำในสิ่งที่คล้อยตามกัน คืออัยการสูงสุดตรวจสอบและส่งศาล
หากอยากให้ยื่นถึงศาลโดยตรงได้ด้วย รัฐธรรมนูญต้องใช้คำว่า
หรือ คือส่งอัยการสูงสุดหรือศาล รธน.
อีกอย่าง หากมีเจตนารมณ์ให้ยื่นต่อศาลได้โดยตรง จะบอกให้ยื่นอัยการหาพระแสงด้ามกุดทำไมครับ เสียเวลาเปล่า ๆ)
จะเ็ห็นนะครับ
เจตนารมณ์มาตรา 68 คือยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น
ไม่มีเจตนารมณ์ให้ยื่นต่อศาล รธน. โดยตรง ไม่มีบทบัญญัติถ้อยคำให้ยื่นต่อศาลโดยตรง
มันชัดยิ่งกว่าชัด
ฉะนั้น การศาลรัฐธรรมนูญมารับเรื่องโดยตรง มันจึงเป็นการทำหน้าที่นอกเหนือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
สมควรติดคุกครับ
หวังว่าคุณม่วงคันคงจะพอเข้าใจบ้างนะครับ
หากมีอะไรเห็นแย้งเห็นต่างก็โพสต์ไว้นะครับ
แต่ผมคงจะยังไม่ได้ตอบ จนกว่าจะเย็นจะค่ำ
เพราะช่วงนี้ต้องลงทุ่งนาครับ หาเก็บผักฟันฟืนเผาถ่านแลกเงินซื้อยาดองประทังชีวิต
เย็น ๆ ค่ำ ๆ จะกลับมาอีกทีครับ
เฮ้อออ... คุณม่วงคันครับ คือมันเป็นยังงี้ครับ ผมจะสาธยายให้ัฟัง จะได้เข้าใจนะครับ
เกี่ยวกับเรื่องบันทึกการประชุมของ สสร.2550 ที่บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 68
ว่าใ้ห้ยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ไม่ใช่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คุณม่่วงคันแสดงความคิดเห็นไว้ใน คห.15 โดยการยกข้อความบันทึกการประชุมมา
แล้วบอกว่า หายังไงก็หาไม่เจอคำว่า ห้ามผู้ทราบเรื่องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ก็เพราะความไม่เข้าใจ (ไม่รู้เรื่อง) แหละครับ ทำให้คุณม่วงคันถามหาสิ่งที่เห็นอยู่ตำตาไม่เจอ
เห็นตำตาแต่บอกว่าหาไม่เจอ
คุณม่วงคันครับ มันเป็นยังงี้ครับ
บันทึกการประชุมนี้ คือการแปรญัตติถ้อยคำที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550
ตามภาพความคิดเห็นของคุณม่วงคันที่ผมยกมา
ในกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลืองที่ผมเน้นนั้น คือถ้อยคำที่ สสร.50 แปรญัตติ
แปรจากคำว่า "ผู้รู้" เป็น "ผู้ทราบการกระทำดังกล่าว"
แล้วผู้ทราบการกระทำดังกล่าวต้องทำอย่างไร
ก็ทำอย่างที่ผมเน้นขีดเส้นใต้ไว้นั่นแหละครับ คือมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง
นี่คือ "เจตนารมณ์" ของมาตรา 68 ครับ
สสร.50 จึงได้บัญญัติถ้อยคำไว้ในมาตรา 68 ว่า
เสนอเรื่องให้อัยการสูเงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ...
หมายถึงว่า ให้อัยการสูงสุดตรวจสอบคำร้องก่อนว่า มีมูลไหม หากมีมูลก็ส่งต่อให้ศาล รธน.
หากไม่มีมูล ก็ไม่ส่ง ยุติเรื่องไป
(ใช้คำว่า และ อันหมายถึงทำในสิ่งที่คล้อยตามกัน คืออัยการสูงสุดตรวจสอบและส่งศาล
หากอยากให้ยื่นถึงศาลโดยตรงได้ด้วย รัฐธรรมนูญต้องใช้คำว่า หรือ คือส่งอัยการสูงสุดหรือศาล รธน.
อีกอย่าง หากมีเจตนารมณ์ให้ยื่นต่อศาลได้โดยตรง จะบอกให้ยื่นอัยการหาพระแสงด้ามกุดทำไมครับ เสียเวลาเปล่า ๆ)
จะเ็ห็นนะครับ
เจตนารมณ์มาตรา 68 คือยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น
ไม่มีเจตนารมณ์ให้ยื่นต่อศาล รธน. โดยตรง ไม่มีบทบัญญัติถ้อยคำให้ยื่นต่อศาลโดยตรง
มันชัดยิ่งกว่าชัด
ฉะนั้น การศาลรัฐธรรมนูญมารับเรื่องโดยตรง มันจึงเป็นการทำหน้าที่นอกเหนือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
สมควรติดคุกครับ
หวังว่าคุณม่วงคันคงจะพอเข้าใจบ้างนะครับ
หากมีอะไรเห็นแย้งเห็นต่างก็โพสต์ไว้นะครับ
แต่ผมคงจะยังไม่ได้ตอบ จนกว่าจะเย็นจะค่ำ
เพราะช่วงนี้ต้องลงทุ่งนาครับ หาเก็บผักฟันฟืนเผาถ่านแลกเงินซื้อยาดองประทังชีวิต
เย็น ๆ ค่ำ ๆ จะกลับมาอีกทีครับ