จขกท ปีนี้อายุเข้า 45 แล้ว (ยังละอ่อนอยู่มาก
) เพิ่งมารู้ตัวว่าต้องลด นน อย่างจริงจังก็เมื่อต้นปีนี้เอง หลังจากปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาตั้งแต่เข้าหลักสี่ได้สองปี เพราะบอกกับตัวเองว่า อายุมากแล้วคงลด นน ได้ยาก แถมมีลูกสามีแล้ว ไม่ต้องไปห่วงสวยอะไรแล้ว (ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยจะสวยนะคะ)
เมื่อปลงกับชีวิตได้แบบนี้ อิชั้นก็สุขสนุกกับการกินมากถึงมากที่สุด ผ่านไปสองปีพึ่งมารู้ตัวว่า อวบอ้วนขนาดใครๆก็ทักว่า ท้องเหรอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(แน๊ะ ใครจะมาท้องตอน 44 หละเนี่ย )
ก่อนหน้าจะตั้งท้องเรามี นน ไม่เกิน 48 โลมาตลอด ส่วนสูงก็แค่ 152 ซม เอง (ตอนนี้ดูเหมือนจะเตี้ยลงไปแล้ว) และเป็นคนที่มีรูปร่างกึ่งอวบๆตันๆ พออ้วนขึ้นมันไปออกที่พุงกับก้นมากที่สุด ต้นแขนก็ออกนิดหน่อย
ปีที่แล้วตอนกลับไทยใครทักว่าอ้วนยังไม่สน แต่พอปลายปี 12 รู้สึกว่าตัวเองก้มลงผูกรองเท้าไม่ได้ ติดพุงมาก
หลังฉลองเทศกาลต่างๆเสร็จ ก็ถามตัวเองว่า จะอยากอ้วนบวมแบบนี้ไปอีกนานไหม และรู้สึกได้เลยว่าตัวเองเหนื่อยง่าย เดินลุยหิมะไปเล่นกะลูกแค่สิบนาทีก็หอบ แล้วเราก็เป็นภูมิแพ้ด้วย ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิยิ่งอาการหนัก เลยถามตัวเองว่า ลองเริ่มต้น ออกกำลังกายและลด นน ดูไหม แต่อีกใจก็ขัดแย้งว่า มีคนเขาบอกว่า อายุยิ่งมาก การเผาผลาญน้อยลง การลด นน คงต้องใช้เวลานาน และอาจลดลงได้น้อย อาจไม่ดีต่อกระดูก อาจจะ ฯลฯ อีกหลายข้ออ้างที่ไม่อยากจะลด นน แต่ก็บอกกับตัวเองว่า เอาน่ะลองดูสักตั้ง นน ไม่ลดไม่เป็นไรขอแข็งแรงไว้ก่อนก็ได้
เมื่อตั้งใจจะลด นน อุปสรรคก็มาเพียบ เราหักดิบกับตัวเองเลยคือ งดอาหารทุกชนิดหลังหนึ่งทุ่ม เพราะปกติกินทั้งวันทั้งคืนถ้าจะไม่กินก็คือหลับ แล้วคิดดูซิคะ ร่างกายมันเคยชินกับการนั่งดูทีวีหรือเล่นเน็ตแล้วมีอะไรในปากมาเคี้ยวเล่น กระเพาะก็ปล่อยน้ำย่อยตลอด ความอยากมันก็ทุรนทุรายว่า อยากกินๆ โอ๊ย..ทรมานสุดๆ
การเอาชนะความอยากให้ได้คือปราการด้านแรกของการเริ่มต้นลด นน (อันนี้คิดเองค่ะ) โดยเฉพาะคนที่ปล่อยตัวปล่อยใจตามใจปากแบบเรา
การสร้างวินัยในการกิน เลือกกิน ปริมาณการกิน และรู้เวลากิน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เราไม่ได้นับหรือวัดว่า เรากินไปกี่แคล กี่ทัพภี แต่เราใช้ใจและความรู้สึกของเราในการกิน
คือบางคนอาจบอกว่า ต้องลดแป้งกินข้าวน้อยลง แต่เราลดข้าวไม่ได้ต้องกินข้าว เน้นโปรตีน นม แต่เรากินโปรตีนมากไม่ได้ สรุปคือ เราทำตามสภาพร่างกายของเรา เรียนรู้ว่า ร่างกายเราเป็นอย่างไร ต้องการอะไร กินแค่ไหน และกินให้ครบทุกหมวดอาหารนั่นแหละใช่เลย
ทำไมเราถึงบอกว่า กินตามสภาพร่างกายของเรา เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างร่างกายไม่เหมือนกัน กิจกรรมที่ทำไม่เหมือนกัน การอ่านคำแนะนำต่างๆ หรือสูตรลด นน ต่างๆ มันเป็นแค่แนวทางให้เรานำมาประยุกต์ใช้กับเราเท่านั้น
การเรียนรู้ร่างกายของเราให้เท่าทันกับความหิวและความอยากให้ได้นั้นเป็นอีกข้อที่เราใช้ลด นน เพราะเมื่อเราแยกได้ว่า อันนี้ร่างการหิว เราก็กินของที่ดีมีประโยชน์และกินอย่างพอเหมาะให้หายหิว พอแค่ท้องอิ่ม ถ้าคุณกินเกินกว่านั้น มันหมายถึง ไขมันในอนาคต
แล้วความอยากหล่ะ ทำอย่างไรกับมันดี เราก็ต้องมีเมตตากับมันมากๆ อย่าไปปิดกั้นความอยากให้มันทุรนทุรายนัก เพราะมันจะแปลงกายเป็น โยโย่ได้ ถามตัวเองว่า อยากกินมาใช่ไหมขนมหวานๆ อาหารอ้วนๆแบบนี้ ถ้าอยากกินมากก็จัดสนองความอยากซะนิดหนึ่ง แค่นิดเดียวนะอย่าไปหลวมตัวกินเยอะ แล้วถ้ากินเยอะก็อย่าไปโกรธ หรือโมโหตัวเอง ให้อภัยตัวเองแล้วเริ่มควบคุมมันใหม่ (อันนี้เราเป็นบ่อย)
การกินอาหารแบ่งเป็น 6 มื้อ อันนี้ดีมากๆ เห็นด้วยเลย กินน้อยๆไม่อิ่มมากแต่ได้กินบ่อย ความอยากก็ลดลง
ความตั้งใจอยู่ที่ไหน ไขมันจะหายไปทันที เห็นได้เลยว่า การออกกำลังกายและการควบคุมการกินอย่างถูกต้อง เน้นนะคะว่ากินอย่างถูกต้องไม่ใช่อด จะทำให้ นน มันลดลงได้และไม่ทรมาน
ตอนลด นน คุณต้องพักผ่อนให้เต็มที ข้อนี้ใช่เลย
เราเองก็เคยวูบตอนที่ลด นน ช่วงแรก เพราะอะไร เพราะเรายังนอนดึก คือรู้สึกเพลียๆแต่ยังอยากเล่นเน็ต ก็เลยวูบไปหนึ่งครั้ง ตั้งแต่นั้นก็นอนเร็วขึ้น และทำให้เราตื่นเช้ากว่าเดิมมาก ทุกเช้าจะตื่นมาแบบสดชื่นมาก กระปรี้กระเปร่าสุดๆ ( เหมือนสาวอายุ16 มาก )
ตอนออกกำลังกายแรกๆ ร่างกายส่งผลอะไรบ้าง
ปวดสาระพัดปวด ปวดไปหมดแขนขา กระดูกก็ลั่นกรอบแกบๆ แต่ก็ยังออกกำลังกายต่อไป ปวดมากก็พักสองวัน ปวดนิดหน่อยก็ทำต่อไป
การกินกล้วยหอม กาแฟดำ ก่อนออกกำลัง ดีมากเลย เห็นด้วย
ตอนแรกเรายังไม่รู้ ออกกำลังกายแบบท้องว่าง พอตื่นได้สักพักก็กินแต่น้ำแล้วไปออกกำลังกาย ดิฉันเดี้ยงค่ะไม่มีแรงพอกินอาหารเช้าก่อนก็จุกอีก กว่าจะมาเจอว่า กินกล้วยหอมก็เกือบจะเลิกออกกำลังกายตอนเช้า บางวันเรากินไข่ต้มหรือขนมโฮวีทปังปิ้ง สลับกันไป
ออกกำลังกายที่บ้านได้ไหม บอกได้เลยค่ะ ว่าจะออกที่ไหนก็ได้
เราออกกำลังกายเองอยู่ที่บ้าน ตั้งแต่ต้นเดือน มค มันเป็นช่วงฤดูหนาวของที่นี่ จะออกไปออกกำลังกายนอกบ้านไม่ได้เลยมันหนาวมาก เราก็เต้นแอโรบิคอยู่แต่ในบ้าน อุณหภูมิบ้านก็ไม่เกิน 25 องศา ก็เต้นซะเหงื่อโชก พอช่วงอากาศดีก็ได้ไปเดินหรือวิ่ง เพิ่งจะมีอากาศดีๆได้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง
บางครั้ง นน ไม่ลด แต่ไม่ดูอ้วนขึ้น เห็นด้วยค่ะ
เมื่อลด นน ไปสักพัก นน จะคงที เราควรจะหลอกล่อร่างกายด้วยการกินให้เยอะขึ้นเพื่อร่างกายได้ไม่สะสมอาหารไว้ อันนี้เห็นด้วย แล้วพอเราออกกำลังกายให้มากขึ้น มันก็จะลดลง แต่ไม่เร็วเหมือนช่วงแรกๆ และร่างกายกระชับมากขึ้นจริงๆ
ควรชั่ง นน ทุกวันไหม อันนี้แล้วแต่คุณนะคะ
เพราะเราช่างและจดทุกวันเช้าเย็น แต่จดแล้วเราไม่ไปกังวลกะตัวเลขนะคะ แค่เอาตัวเองมาพิจารณาว่า นน เท่านี้เพราะกินแบบนี้ ทำแบบนี้ คือทดลองไปเรื่อยๆและดูผลการลดลงเป็นแบบไหน
การออกกำลังกายแบบไหน ท่าไหน หาได้ตามเน็ต
เราใช้แต่ละท่ามาประยุกต์กับตัวเรา การออกกำลังกายพร้อมกับการเขม่วพุง เก็บก้นช่วยได้เยอะมาก เดินช้อปปิ้งก็เขม่วพุงเก็บก้น นั่งดูทีวีก็เขม่วพุง (เก็บก้นไม่ได้ต้องใช้นั่ง)
ตอนนี้ผ่านไปเกือบสี่เดือน
ไม่น่าเชื่อกับตัวเองเหมือนกันว่า ไอ่พุงหลามๆเหมือนคนท้อง มันจะยุบลงไปได้จริงๆ
ตอนแรกก็บอกกับตัวเองแหละ ปีนี้ 45 แล้ว เคยท้องเคยอ้วนจนพุงบวมขนาดนั้น มันคงไม่ยุบราบแบนเหมือนสาวๆไปได้หรอก
แต่วันนี้เห็นกับตาตัวเองว่า ไขมันได้จากไป และกล้ามท้องกำลังมา กรี๊ดๆๆ ซัมเมอร์นี้ดิฉันได้ใสบิกินี่แล้วนะคะ
อันนี้ นน ล่าสุดค่ะ
บอกกับลูกสาวแล้วค่ะว่า วันนี้คุณแม่จะดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพื่อจะได้อยู่กับหนูไปอีก 35 ปีจะอยู่ช่วยเลี้ยงลูกของหนู
แล้วเจ้าลูกสาวก็ยิ้มแฉ่ง
เป็นกำลังให้กับทุกคนที่คิดจะออกกำลังกายและลด นน ค่ะ
ลดความอ้วนอยู่ที่ใจ อายุเท่าไหร่ไม่สำคัญ
เมื่อปลงกับชีวิตได้แบบนี้ อิชั้นก็สุขสนุกกับการกินมากถึงมากที่สุด ผ่านไปสองปีพึ่งมารู้ตัวว่า อวบอ้วนขนาดใครๆก็ทักว่า ท้องเหรอ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนหน้าจะตั้งท้องเรามี นน ไม่เกิน 48 โลมาตลอด ส่วนสูงก็แค่ 152 ซม เอง (ตอนนี้ดูเหมือนจะเตี้ยลงไปแล้ว) และเป็นคนที่มีรูปร่างกึ่งอวบๆตันๆ พออ้วนขึ้นมันไปออกที่พุงกับก้นมากที่สุด ต้นแขนก็ออกนิดหน่อย
ปีที่แล้วตอนกลับไทยใครทักว่าอ้วนยังไม่สน แต่พอปลายปี 12 รู้สึกว่าตัวเองก้มลงผูกรองเท้าไม่ได้ ติดพุงมาก หลังฉลองเทศกาลต่างๆเสร็จ ก็ถามตัวเองว่า จะอยากอ้วนบวมแบบนี้ไปอีกนานไหม และรู้สึกได้เลยว่าตัวเองเหนื่อยง่าย เดินลุยหิมะไปเล่นกะลูกแค่สิบนาทีก็หอบ แล้วเราก็เป็นภูมิแพ้ด้วย ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิยิ่งอาการหนัก เลยถามตัวเองว่า ลองเริ่มต้น ออกกำลังกายและลด นน ดูไหม แต่อีกใจก็ขัดแย้งว่า มีคนเขาบอกว่า อายุยิ่งมาก การเผาผลาญน้อยลง การลด นน คงต้องใช้เวลานาน และอาจลดลงได้น้อย อาจไม่ดีต่อกระดูก อาจจะ ฯลฯ อีกหลายข้ออ้างที่ไม่อยากจะลด นน แต่ก็บอกกับตัวเองว่า เอาน่ะลองดูสักตั้ง นน ไม่ลดไม่เป็นไรขอแข็งแรงไว้ก่อนก็ได้
เมื่อตั้งใจจะลด นน อุปสรรคก็มาเพียบ เราหักดิบกับตัวเองเลยคือ งดอาหารทุกชนิดหลังหนึ่งทุ่ม เพราะปกติกินทั้งวันทั้งคืนถ้าจะไม่กินก็คือหลับ แล้วคิดดูซิคะ ร่างกายมันเคยชินกับการนั่งดูทีวีหรือเล่นเน็ตแล้วมีอะไรในปากมาเคี้ยวเล่น กระเพาะก็ปล่อยน้ำย่อยตลอด ความอยากมันก็ทุรนทุรายว่า อยากกินๆ โอ๊ย..ทรมานสุดๆ
การเอาชนะความอยากให้ได้คือปราการด้านแรกของการเริ่มต้นลด นน (อันนี้คิดเองค่ะ) โดยเฉพาะคนที่ปล่อยตัวปล่อยใจตามใจปากแบบเรา
การสร้างวินัยในการกิน เลือกกิน ปริมาณการกิน และรู้เวลากิน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เราไม่ได้นับหรือวัดว่า เรากินไปกี่แคล กี่ทัพภี แต่เราใช้ใจและความรู้สึกของเราในการกิน
คือบางคนอาจบอกว่า ต้องลดแป้งกินข้าวน้อยลง แต่เราลดข้าวไม่ได้ต้องกินข้าว เน้นโปรตีน นม แต่เรากินโปรตีนมากไม่ได้ สรุปคือ เราทำตามสภาพร่างกายของเรา เรียนรู้ว่า ร่างกายเราเป็นอย่างไร ต้องการอะไร กินแค่ไหน และกินให้ครบทุกหมวดอาหารนั่นแหละใช่เลย
ทำไมเราถึงบอกว่า กินตามสภาพร่างกายของเรา เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างร่างกายไม่เหมือนกัน กิจกรรมที่ทำไม่เหมือนกัน การอ่านคำแนะนำต่างๆ หรือสูตรลด นน ต่างๆ มันเป็นแค่แนวทางให้เรานำมาประยุกต์ใช้กับเราเท่านั้น
การเรียนรู้ร่างกายของเราให้เท่าทันกับความหิวและความอยากให้ได้นั้นเป็นอีกข้อที่เราใช้ลด นน เพราะเมื่อเราแยกได้ว่า อันนี้ร่างการหิว เราก็กินของที่ดีมีประโยชน์และกินอย่างพอเหมาะให้หายหิว พอแค่ท้องอิ่ม ถ้าคุณกินเกินกว่านั้น มันหมายถึง ไขมันในอนาคต
แล้วความอยากหล่ะ ทำอย่างไรกับมันดี เราก็ต้องมีเมตตากับมันมากๆ อย่าไปปิดกั้นความอยากให้มันทุรนทุรายนัก เพราะมันจะแปลงกายเป็น โยโย่ได้ ถามตัวเองว่า อยากกินมาใช่ไหมขนมหวานๆ อาหารอ้วนๆแบบนี้ ถ้าอยากกินมากก็จัดสนองความอยากซะนิดหนึ่ง แค่นิดเดียวนะอย่าไปหลวมตัวกินเยอะ แล้วถ้ากินเยอะก็อย่าไปโกรธ หรือโมโหตัวเอง ให้อภัยตัวเองแล้วเริ่มควบคุมมันใหม่ (อันนี้เราเป็นบ่อย)
การกินอาหารแบ่งเป็น 6 มื้อ อันนี้ดีมากๆ เห็นด้วยเลย กินน้อยๆไม่อิ่มมากแต่ได้กินบ่อย ความอยากก็ลดลง
ความตั้งใจอยู่ที่ไหน ไขมันจะหายไปทันที เห็นได้เลยว่า การออกกำลังกายและการควบคุมการกินอย่างถูกต้อง เน้นนะคะว่ากินอย่างถูกต้องไม่ใช่อด จะทำให้ นน มันลดลงได้และไม่ทรมาน
ตอนลด นน คุณต้องพักผ่อนให้เต็มที ข้อนี้ใช่เลย
เราเองก็เคยวูบตอนที่ลด นน ช่วงแรก เพราะอะไร เพราะเรายังนอนดึก คือรู้สึกเพลียๆแต่ยังอยากเล่นเน็ต ก็เลยวูบไปหนึ่งครั้ง ตั้งแต่นั้นก็นอนเร็วขึ้น และทำให้เราตื่นเช้ากว่าเดิมมาก ทุกเช้าจะตื่นมาแบบสดชื่นมาก กระปรี้กระเปร่าสุดๆ ( เหมือนสาวอายุ16 มาก )
ตอนออกกำลังกายแรกๆ ร่างกายส่งผลอะไรบ้าง
ปวดสาระพัดปวด ปวดไปหมดแขนขา กระดูกก็ลั่นกรอบแกบๆ แต่ก็ยังออกกำลังกายต่อไป ปวดมากก็พักสองวัน ปวดนิดหน่อยก็ทำต่อไป
การกินกล้วยหอม กาแฟดำ ก่อนออกกำลัง ดีมากเลย เห็นด้วย
ตอนแรกเรายังไม่รู้ ออกกำลังกายแบบท้องว่าง พอตื่นได้สักพักก็กินแต่น้ำแล้วไปออกกำลังกาย ดิฉันเดี้ยงค่ะไม่มีแรงพอกินอาหารเช้าก่อนก็จุกอีก กว่าจะมาเจอว่า กินกล้วยหอมก็เกือบจะเลิกออกกำลังกายตอนเช้า บางวันเรากินไข่ต้มหรือขนมโฮวีทปังปิ้ง สลับกันไป
ออกกำลังกายที่บ้านได้ไหม บอกได้เลยค่ะ ว่าจะออกที่ไหนก็ได้
เราออกกำลังกายเองอยู่ที่บ้าน ตั้งแต่ต้นเดือน มค มันเป็นช่วงฤดูหนาวของที่นี่ จะออกไปออกกำลังกายนอกบ้านไม่ได้เลยมันหนาวมาก เราก็เต้นแอโรบิคอยู่แต่ในบ้าน อุณหภูมิบ้านก็ไม่เกิน 25 องศา ก็เต้นซะเหงื่อโชก พอช่วงอากาศดีก็ได้ไปเดินหรือวิ่ง เพิ่งจะมีอากาศดีๆได้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง
บางครั้ง นน ไม่ลด แต่ไม่ดูอ้วนขึ้น เห็นด้วยค่ะ
เมื่อลด นน ไปสักพัก นน จะคงที เราควรจะหลอกล่อร่างกายด้วยการกินให้เยอะขึ้นเพื่อร่างกายได้ไม่สะสมอาหารไว้ อันนี้เห็นด้วย แล้วพอเราออกกำลังกายให้มากขึ้น มันก็จะลดลง แต่ไม่เร็วเหมือนช่วงแรกๆ และร่างกายกระชับมากขึ้นจริงๆ
ควรชั่ง นน ทุกวันไหม อันนี้แล้วแต่คุณนะคะ
เพราะเราช่างและจดทุกวันเช้าเย็น แต่จดแล้วเราไม่ไปกังวลกะตัวเลขนะคะ แค่เอาตัวเองมาพิจารณาว่า นน เท่านี้เพราะกินแบบนี้ ทำแบบนี้ คือทดลองไปเรื่อยๆและดูผลการลดลงเป็นแบบไหน
การออกกำลังกายแบบไหน ท่าไหน หาได้ตามเน็ต
เราใช้แต่ละท่ามาประยุกต์กับตัวเรา การออกกำลังกายพร้อมกับการเขม่วพุง เก็บก้นช่วยได้เยอะมาก เดินช้อปปิ้งก็เขม่วพุงเก็บก้น นั่งดูทีวีก็เขม่วพุง (เก็บก้นไม่ได้ต้องใช้นั่ง)
ตอนนี้ผ่านไปเกือบสี่เดือน
ไม่น่าเชื่อกับตัวเองเหมือนกันว่า ไอ่พุงหลามๆเหมือนคนท้อง มันจะยุบลงไปได้จริงๆ
ตอนแรกก็บอกกับตัวเองแหละ ปีนี้ 45 แล้ว เคยท้องเคยอ้วนจนพุงบวมขนาดนั้น มันคงไม่ยุบราบแบนเหมือนสาวๆไปได้หรอก
แต่วันนี้เห็นกับตาตัวเองว่า ไขมันได้จากไป และกล้ามท้องกำลังมา กรี๊ดๆๆ ซัมเมอร์นี้ดิฉันได้ใสบิกินี่แล้วนะคะ
อันนี้ นน ล่าสุดค่ะ
บอกกับลูกสาวแล้วค่ะว่า วันนี้คุณแม่จะดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพื่อจะได้อยู่กับหนูไปอีก 35 ปีจะอยู่ช่วยเลี้ยงลูกของหนู
แล้วเจ้าลูกสาวก็ยิ้มแฉ่ง
เป็นกำลังให้กับทุกคนที่คิดจะออกกำลังกายและลด นน ค่ะ