นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากที่ติดตามดูข้อมูลของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้ ยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณจะเกิดภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะหากดูจากปริมาณการขยายตัวของสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันที่มียอดให้กู้สะสมประมาณ 9 ล้านล้านบาทและสถาบันการเงินเฉพาะกิจอีก 3 ล้านล้านบาทยังไม่ถือว่าโตมากจนผิดปกติ ยังสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ดีขึ้นตามภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และหากดูจากคุณภาพการปล่อยสินเชื่อของธนาคารก็มั่นใจว่ากระบวนการปล่อยกู้ยังดี ไม่ได้หย่อนมาตรฐานที่กำหนด ที่สำคัญประชาชนยังสามารถชำระหนี้คืนได้ สะท้อนจากหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่สูง
“เท่าที่ดูการให้สินเชื่อของธนาคารไม่ว่าจะให้กู้แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรายย่อย หรือให้กู้แก่โครงการก็ไม่ได้โตผิดปกติยังไม่น่าห่วง ที่สำคัญสินเชื่อที่ให้แก่รายย่อยไม่ได้ขยายมาก แต่อาจจะโตมากจากสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งก็มีเหตุผลอธิบายได้ ว่าเป็นผลจากนโยบายภาครัฐ แต่สินเชื่อบ้านไม่ได้สูงเช่นสินเชื่อเหล่านี้ ที่สำคัญไม่ได้มีเอ็นพีแอลเพิ่มจึงยังไม่น่าห่วง” นางสาลินีกล่าว
นางสาลินี กล่าวว่า การที่ปริมาณอสังหาริมทรัพย์มีมากกว่าความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคบ้าง ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่ต้องมีไว้มากกว่าความต้องการของตลาดบ้างไม่อย่างนั้นอาจสร้างไม่ทัน แต่เท่าที่เข้าไปดูข้อมูลจำนวนที่อยู่อาศัยส่วนเกินขณะนี้มีไม่มากถึงขั้นเป็นอันตราย
และที่สำคัญนักลงทุนยังสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ปกติไม่ได้เป็นปัญหา ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมสินเชื่อในภาคอสังหาฯเพิ่มเติม
“เราไม่ได้ห้ามการกู้บ้านหลังที่ 2 ตราบใดที่ดูคุณภาพสินเชื่อที่คนกู้ซื้อผ่านแบงก์ ถ้าแบงก์ให้กู้ก็แสดงว่าผู้ซื้อมีศักยภาพผ่อนได้ ยิ่งไม่น่าห่วง เพราะแบงก์สกรีนให้เราส่วนหนึ่งแล้ว สินเชื่อบ้านโต 10% กว่าไม่ได้น่าห่วง เพราะโตใกล้เคียงกับสินเชื่อรวม ฉะนั้นจึงยังไม่ต้องเรียกผู้ประกอบการ หรือแบงก์มาหารือ หรือออกมาตรการอะไรเพิ่มเติม” นางสาลินีกล่าว.
แหล่งที่มา : ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/eco/340648
ตอกฝาโลงฟองสบู่อสังหาฯ ธปท.ยันไร้สัญญาณเก็งกำไรยังไม่คุมเข้ม
“เท่าที่ดูการให้สินเชื่อของธนาคารไม่ว่าจะให้กู้แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรายย่อย หรือให้กู้แก่โครงการก็ไม่ได้โตผิดปกติยังไม่น่าห่วง ที่สำคัญสินเชื่อที่ให้แก่รายย่อยไม่ได้ขยายมาก แต่อาจจะโตมากจากสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งก็มีเหตุผลอธิบายได้ ว่าเป็นผลจากนโยบายภาครัฐ แต่สินเชื่อบ้านไม่ได้สูงเช่นสินเชื่อเหล่านี้ ที่สำคัญไม่ได้มีเอ็นพีแอลเพิ่มจึงยังไม่น่าห่วง” นางสาลินีกล่าว
นางสาลินี กล่าวว่า การที่ปริมาณอสังหาริมทรัพย์มีมากกว่าความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคบ้าง ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่ต้องมีไว้มากกว่าความต้องการของตลาดบ้างไม่อย่างนั้นอาจสร้างไม่ทัน แต่เท่าที่เข้าไปดูข้อมูลจำนวนที่อยู่อาศัยส่วนเกินขณะนี้มีไม่มากถึงขั้นเป็นอันตราย
และที่สำคัญนักลงทุนยังสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ปกติไม่ได้เป็นปัญหา ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมสินเชื่อในภาคอสังหาฯเพิ่มเติม
“เราไม่ได้ห้ามการกู้บ้านหลังที่ 2 ตราบใดที่ดูคุณภาพสินเชื่อที่คนกู้ซื้อผ่านแบงก์ ถ้าแบงก์ให้กู้ก็แสดงว่าผู้ซื้อมีศักยภาพผ่อนได้ ยิ่งไม่น่าห่วง เพราะแบงก์สกรีนให้เราส่วนหนึ่งแล้ว สินเชื่อบ้านโต 10% กว่าไม่ได้น่าห่วง เพราะโตใกล้เคียงกับสินเชื่อรวม ฉะนั้นจึงยังไม่ต้องเรียกผู้ประกอบการ หรือแบงก์มาหารือ หรือออกมาตรการอะไรเพิ่มเติม” นางสาลินีกล่าว.
แหล่งที่มา : ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/eco/340648