ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
โลวจุนหงี.....เศรษฐีชตาตก
ตอนที่ ๔ รอดตายกลายเป็นโจร
"เล่าเซี่ยงชุน"
โลวจุนหงีนั้นคิดว่าถึงที่ตายแน่แล้วก็หมดสติไป ไม่รู้ว่า เอียนเชงได้ตามมาช่วย
เมื่อเห็นศัตรูตายหมดแล้ว เอียนเชงก็ออกจากที่ซ่อน เอากระบี่ตัดเชือกที่มัดโลวจุนหงี กับขื่อคาออกแล้วก็ร้องไห้
โลวจุนหงีได้ยินเสียงร้องไห้จึงลืมตาขึ้นดู เห็นเอียนเชง สอึกสอื้นอยู่ก็ปลอบว่า ถ้าไม่ถึงที่จวนตัวเช่นนี้ก็คงไม่ได้พบหน้ากัน
เอียนเชงบอกว่า ได้ตามหลังมาตั้งแต่ออกจากเมือง เมื่อนายเข้าพักในโรงเตี๊ยม ก็ไปแอบอยู่ในศาลเจ้าใกล้ ๆ นั้น พอเช้าก็ตามมาอีกจนเห็นว่าผู้คุมกำลังจะลงมือทำร้าย จึงเอาเกาทัณฑ์ขว้างมาฆ่าผู้คุมทั้งสองเสีย
โลวจุนหงีเหลียวไปเห็นศพของผู้คุมทั้งสองก็ว่า
"....เจ้ามาช่วยชีวิตเราไว้ ฆ่าผู้คุมทั้งสองตาย โทษก็มากขึ้นอีก เราจะหนีไปสำนักอาศัยที่ไหนดี....."
เอียนเชงบอกว่า เดิมซ้องกั๋งแกล้งทรมานท่านให้เข้าเป็นพวกพ้อง ครั้งนี้ถ้าไม่ไปเขาเนียซัวเปาะ ที่อื่นก็อาศัยไม่ได้ โลวจุนหงีว่าเท้าเจ็บเดินไม่ไหวจะทำอย่างไร
เอียนเชงชักลูกเกาทัณฑ์ที่ศพผู้คุมมาเก็บไว้ เหน็บกระบี่ให้รัดกุม แล้วก็อุ้มโลวจุนหงีขึ้นบ่าแบก เดินไปทางทิศตะวันออก ประมาณทางได้สิบลี้ก็แวะโรงเตี๊ยมซื้ออาหารกินแล้ว แล้วให้นายพักอาศัยอยู่ก่อน ตนเองก็ฉวยเกาทัณฑ์มือเข้าป่า ไปเที่ยวล่าสัตว์เพื่อเอาไว้เป็นเสบียงในการเดินทางข้างหน้า
แต่พอเอียนเชงกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ก็เห็นทหารถืออาวุธ มาจับเอาตัวโลวจุนหงีมัดใส่เกวียน เดินทางออกจากโรงเตี๊ยม กลับไปในเมืองแล้ว จะตามไปช่วยก็ไม่ได้ เพราะทหารมีมากคนด้วยกัน โอกาสที่จะรอดเห็นจะยาก
เอียนเชงจนปัญญาที่จะช่วยโลวจุนหงี ให้รอดพ้นจากการถูกจับ ด้วยตนเองได้ จึงออกเดินทางมุ่งไปขอความช่วยเหลือจากพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ เดินไปได้พักหนึ่งก็สวนทางกับชายสองคน มีสิ่งของและถืออาวุธมาด้วย
เอียนเชงคิดจะแย่งชิงเอาสิ่งของ จึงตรงเข้าไปทุบคนเดินหลังล้มลงแล้วก็จะทุบคนหน้าอีก ชายคนนั้นเหลียวมาเห็นจึงเอากระบองสั้น ตีถูกเอียนเชงล้มลง คนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมา เอาเท้าเหยียบเอียนเชงไว้ แล้วชักกระบี่ออกจะฟัน
เอียนเชงก็ร้องห้ามไว้และบอกว่าเป็นบ่าวของโลวจุนหงี ชื่อเอียนเชง จะไปแจ้งข่าวที่เขาเนียซัวเปาะ ทั้งสองจึงยั้งมือไว้แล้วบอกว่า คนหนึ่งชื่อ เจียสิว อีกคนหนึ่งชื่อ เอียหยง เป็นนายโจรอยู่เขาเนียซัวเปาะ ซ้องกั๋งใช้ให้มาฟังข่าวโลวจุนหงีที่เมืองปักเกีย เอียนเชงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยตลอด เอียหยงก็อาสาพาเอียนเชงไปเขาเนียซัวเปาะ และให้เจียสิวไปสืบข่าวที่เมืองปักเกียต่อไป ทั้งสองฝ่ายก็แยกกันไป
เจียสิวเดินทางมาถึงเมืองปักเกียตอนค่ำ ประตูเมืองปิดเข้าไม่ได้ จึงอาศัยนอนที่โรงเตี๊ยมนอกเมือง พอรุ่งเช้าเข้าไปในเมือง ได้ยินชาวบ้านตามตลาดเล่าลือกันว่า เที่ยงวันนี้เขาจะเอาโลวจุนหงีมาฆ่าเสียที่กลางตลาด
เจียสิวจึงหาโรงเตี๊ยมที่มีเหลาสูงใกล้ตลาด ขอโต๊ะที่อยู่ในเหลานั่งสั่งสุราอาหารมากินรออยู่ พอใกล้จะถึงเวลาเที่ยงชาวตลาดแถวนั้น พากันปิดประตูร้านโรงเสียสิ้น เจ้าของโรงเตี๊ยมก็เข้ามาเตือนเจียสิวว่าใคร ๆ เขาก็คิดเงินไปกันหมดแล้ว เจียสิวว่าเราหากลัวไม่ เจ้าลงไปเสียให้พ้น เราจะเสพสุราอย่ามาวุ่นวายรบกวนจะตีเอา
เจ้าของโรงเตี๊ยมตกใจกลัวก็ลงไป เสียจากเหลา
เมื่อถึงเวลาขุนนางกรมการเมืองและผู้คุมเตรียมการพร้อมแล้ว ชัวฮกกับ ชัวเค่ง สองพี่น้องที่จะเป็นคนฆ่าก็พาโลวจุนหงี เดินมาถึงสี่แยกกลางตลาด มีทหารถืออาวุธควบคุม และตีม้าล่อกลองเสียงอื้ออึง เจียสิวก็ลุกขึ้นไปยืนดูอยู่ที่หน้าต่าง ขบวนที่คุมนักโทษนั้นหยุดอยู่ที่ทางแยก กลางตลาดตรงหน้าโรงเตี๊ยมพอดี
ชัวฮกถือกระบี่เข้าไปบอกโลวจุนหงีให้คุกเข่าลง แล้วชัวเค่งก็เข้ายึดคาที่ใส่คอไว้กระซิบบอกว่า
"...มิใช่ว่าข้าพเจ้าสองคนพี่น้องนี้ไม่ช่วยท่านเมื่อไร เหลือสติปัญญาแล้ว ท่านจงตั้งใจให้ดีข้าพเจ้าจัดเครื่องเซ่นไว้คอยท่า ท่านตายเชิญไปกินเครื่องเซ่นเถิด....."
พูดขาดคำก็มีผู้ร้องขึ้นว่าได้เวลาแล้ว พวกผู้คุมก็ถอดคาที่คอโลวจุนหงีออก และพาไปผูกไว้กับหลัก ชัวฮกชักกระบี่ออกจากฝักยืนรออยู่ใกล้ ๆ เจ้าหน้าที่ก็อ่านคำพิพากษา คณะกรมการเมืองก็ร้องขึ้นพร้อมกันว่าชอบแล้ว
พอชัวฮกขยับตัวเจียสิวก็ลุกขึ้นชูอาวุธสองมือ ร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังว่าพวกเขาเนียซัวเปาะมาพร้อมแล้ว ชัวฮกกับชัวเค่งได้ยินก็ช่วยกันตัดเชือกที่มัดโลวจุนหงีออก แล้วชวนกันวิ่งหนีไป
เจียสิวก็โดดลงจากเหลาตรงเข้าไล่ฟันขุนนางกรมการเมือง กับผู้คุมและทหาร แตกตื่นวุ่นวายวิ่งเหยียบกันล้มตายไปหลายคน ที่เหลือก็หนีกระจัดกระจายไป เพราะไม่รู้ว่าโจรเขาเนียซัวเปาะมีกี่คน
เจียสิวจึง ฉุดมือโลวจุนหงีพาหนีไปทางทิศใต้ โลวจุนหงีตกใจตัวสั่นวิ่งไม่ใคร่จะทันเจียสิว ทั้งสองพากันวิ่งไปโดยไม่รู้หนทาง โลวจุนหงีนั้นไม่มีสติที่จะหาทางหนีไปให้พ้นได้ เพราะเจ้าเมืองสั่งให้ปิดประตูเมืองทุกด้าน และให้ทหารแยกย้ายกันตามจนทัน ต่างกรูกันเข้าล้อมจับได้ทั้งสองคน พาไปให้เนียตงซีเจ้าเมือง
เจียสิวก็ด่าเจ้าเมืองด้วยคำหยาบช้า และประกาศว่า
".....ซ้องกั๋งพี่เราเจ้าของตำบลเนียซัวเปาะ จะยกกองทัพมาตีเมืองปักเกีย จับผู้รักษาเมืองกับญาติพี่น้อง ฆ่าเสียให้สิ้นทั้งสามชั่วโคตร....."
บรรดาขุนนางและกรมการเมือง รวมทั้งตัวเจ้าเมือง ต่างก็ตกใจกลัวนั่งตลึงกันไปหมด ไม่มีใครโต้ตอบว่าอะไร เจ้าเมืองสั่งให้เอาคามาใส่สองนักโทษมอบให้ชัวฮกกับชัวเค่งเอาไปจำคุกไว้อย่างเดิม
สองพี่น้องก็ช่วยดูแลโลวจุนหงีและเจียสิวให้มีที่กินอยู่หลับนอนตามสบาย ไม่ลำบากแต่ประการใด
ขณะนั้น โงวหยง กุนซือ กับ ไตจง และนายโจรเขาเนียซัวเปาะ ได้เดินทางมาถึงเมืองปักเกีย รู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็เขียนหนังสือหลายฉบับเที่ยวปักไว้ทั้งนอกเมืองในเมือง มีความว่า
"....พวกของซ้องกั๋งที่เขาเนียซัวเปาะ สัตย์ซื่อสุจริตด้วยกันทั้งสิ้น เขียนหนังสือมาทิ้งให้ผู้รักษาเมือง และกรมการเมืองทั้งปวงซึ่งรักษาเมืองปักเกีย ตำบลไต้เม่งฮู้รู้ทั่วกัน ด้วยโลวจุนหงีเป็นคนสัตย์ซื่อ เราจึงเชิญโลวจุนหงีมาปรารถนาจะได้ช่วยกันทำราชการบำรุงแผ่นดิน เหตุไฉนจึงคบคิดกันแกล้งใส่ความ ทำโทษโลวจุนหงี เราให้เจียสิวมาฟังข่าว ไม่รู้ว่าเหตุอย่างไรจึงจับตัวเจียสิวขังคุกไว้ด้วยกันทั้งสองคน แม้ว่าเห็นแก่กัน อย่าให้ชีวิตคนทั้งสองเป็นอันตราย จงส่งตัวลีกูซึ่งเป็นชู้ของนางเกสีออกมา เราหาว่ากล่าวการอื่นต่อไปไม่ ถ้าทำให้คนทั้งสองเป็นอันตราย คงจะยกพวกมาปราบปรามเมืองปักเกีย แก้แค้นทดแทนให้จงได้ ถ้าท่านผู้ซื่อสัตย์และราษฎรชาวเมืองปักเกียรู้ความในหนังสือแล้ว อย่าได้ตกใจจงอุตส่าห์หากินไปเถิด....."
เนียตงซีเจ้าเมืองได้อ่านแล้วก็วิตกยิ่งขึ้น จึงให้รอชำระโทษนักโทษทั้งสองไว้ก่อน แล้วมีหนังสือบอกเข้าไปกราบทูล พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ กับ ชัวไทซือ ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงให้ทราบ และจัดนายทหารคุมไพร่พลยกออกมาช่วยป้องกันพวกโจรต่อไป
พร้อมทั้งเรียกชัวฮกชัวเค่งมาสั่งกำชับว่า คนโทษสองคนนี้สำคัญนัก ระวังอย่าให้ตาย และระวังอย่าให้หนีได้ ทั้งคอยดูแลอย่าให้ลำบาก ทั้งสองก็ยินดีที่จะได้ช่วยเหลือโลวจุนหงีและเจียสิว ให้มีความสุขยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
แล้วเนียตงซีเจ้าเมืองปักเกียก็ให้ บุนตัด กับ ลีเสง นายทหารใหญ่ยกออกไปตั้งค่ายนอกเมืองเพื่อป้องกันกองทัพโจรจะยกมาตี รออยู่ไม่นานซ้องกั๋งก็ยกพลจากเขาเนียซัวเปาะเป็นห้ากอง ไพร่พลมากมายเฉพาะตัวนายนั้นกว่าสามสิบคน มาทำศึกชิงเมืองปักเกียอยู่เป็นแรมเดือน แต่ก็ไม่สามารถจะตีหักเอาเมืองได้
บังเอิญซ้องกั๋งป่วยเป็นฝีขึ้นที่กลางหลังอาการสาหัส จึงต้องถอยทัพกลับไปรักษาตัว แต่ทางเมืองปักเกียก็ไม่กล้าสั่งประหารนักโทษทั้งสองนายนั้นเหมือนกัน
โลวจุนหงี...เศรษฐีชตาตก (๔)
โลวจุนหงี.....เศรษฐีชตาตก
ตอนที่ ๔ รอดตายกลายเป็นโจร
"เล่าเซี่ยงชุน"
โลวจุนหงีนั้นคิดว่าถึงที่ตายแน่แล้วก็หมดสติไป ไม่รู้ว่า เอียนเชงได้ตามมาช่วย
เมื่อเห็นศัตรูตายหมดแล้ว เอียนเชงก็ออกจากที่ซ่อน เอากระบี่ตัดเชือกที่มัดโลวจุนหงี กับขื่อคาออกแล้วก็ร้องไห้
โลวจุนหงีได้ยินเสียงร้องไห้จึงลืมตาขึ้นดู เห็นเอียนเชง สอึกสอื้นอยู่ก็ปลอบว่า ถ้าไม่ถึงที่จวนตัวเช่นนี้ก็คงไม่ได้พบหน้ากัน
เอียนเชงบอกว่า ได้ตามหลังมาตั้งแต่ออกจากเมือง เมื่อนายเข้าพักในโรงเตี๊ยม ก็ไปแอบอยู่ในศาลเจ้าใกล้ ๆ นั้น พอเช้าก็ตามมาอีกจนเห็นว่าผู้คุมกำลังจะลงมือทำร้าย จึงเอาเกาทัณฑ์ขว้างมาฆ่าผู้คุมทั้งสองเสีย
โลวจุนหงีเหลียวไปเห็นศพของผู้คุมทั้งสองก็ว่า
"....เจ้ามาช่วยชีวิตเราไว้ ฆ่าผู้คุมทั้งสองตาย โทษก็มากขึ้นอีก เราจะหนีไปสำนักอาศัยที่ไหนดี....."
เอียนเชงบอกว่า เดิมซ้องกั๋งแกล้งทรมานท่านให้เข้าเป็นพวกพ้อง ครั้งนี้ถ้าไม่ไปเขาเนียซัวเปาะ ที่อื่นก็อาศัยไม่ได้ โลวจุนหงีว่าเท้าเจ็บเดินไม่ไหวจะทำอย่างไร
เอียนเชงชักลูกเกาทัณฑ์ที่ศพผู้คุมมาเก็บไว้ เหน็บกระบี่ให้รัดกุม แล้วก็อุ้มโลวจุนหงีขึ้นบ่าแบก เดินไปทางทิศตะวันออก ประมาณทางได้สิบลี้ก็แวะโรงเตี๊ยมซื้ออาหารกินแล้ว แล้วให้นายพักอาศัยอยู่ก่อน ตนเองก็ฉวยเกาทัณฑ์มือเข้าป่า ไปเที่ยวล่าสัตว์เพื่อเอาไว้เป็นเสบียงในการเดินทางข้างหน้า
แต่พอเอียนเชงกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ก็เห็นทหารถืออาวุธ มาจับเอาตัวโลวจุนหงีมัดใส่เกวียน เดินทางออกจากโรงเตี๊ยม กลับไปในเมืองแล้ว จะตามไปช่วยก็ไม่ได้ เพราะทหารมีมากคนด้วยกัน โอกาสที่จะรอดเห็นจะยาก
เอียนเชงจนปัญญาที่จะช่วยโลวจุนหงี ให้รอดพ้นจากการถูกจับ ด้วยตนเองได้ จึงออกเดินทางมุ่งไปขอความช่วยเหลือจากพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ เดินไปได้พักหนึ่งก็สวนทางกับชายสองคน มีสิ่งของและถืออาวุธมาด้วย
เอียนเชงคิดจะแย่งชิงเอาสิ่งของ จึงตรงเข้าไปทุบคนเดินหลังล้มลงแล้วก็จะทุบคนหน้าอีก ชายคนนั้นเหลียวมาเห็นจึงเอากระบองสั้น ตีถูกเอียนเชงล้มลง คนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมา เอาเท้าเหยียบเอียนเชงไว้ แล้วชักกระบี่ออกจะฟัน
เอียนเชงก็ร้องห้ามไว้และบอกว่าเป็นบ่าวของโลวจุนหงี ชื่อเอียนเชง จะไปแจ้งข่าวที่เขาเนียซัวเปาะ ทั้งสองจึงยั้งมือไว้แล้วบอกว่า คนหนึ่งชื่อ เจียสิว อีกคนหนึ่งชื่อ เอียหยง เป็นนายโจรอยู่เขาเนียซัวเปาะ ซ้องกั๋งใช้ให้มาฟังข่าวโลวจุนหงีที่เมืองปักเกีย เอียนเชงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยตลอด เอียหยงก็อาสาพาเอียนเชงไปเขาเนียซัวเปาะ และให้เจียสิวไปสืบข่าวที่เมืองปักเกียต่อไป ทั้งสองฝ่ายก็แยกกันไป
เจียสิวเดินทางมาถึงเมืองปักเกียตอนค่ำ ประตูเมืองปิดเข้าไม่ได้ จึงอาศัยนอนที่โรงเตี๊ยมนอกเมือง พอรุ่งเช้าเข้าไปในเมือง ได้ยินชาวบ้านตามตลาดเล่าลือกันว่า เที่ยงวันนี้เขาจะเอาโลวจุนหงีมาฆ่าเสียที่กลางตลาด
เจียสิวจึงหาโรงเตี๊ยมที่มีเหลาสูงใกล้ตลาด ขอโต๊ะที่อยู่ในเหลานั่งสั่งสุราอาหารมากินรออยู่ พอใกล้จะถึงเวลาเที่ยงชาวตลาดแถวนั้น พากันปิดประตูร้านโรงเสียสิ้น เจ้าของโรงเตี๊ยมก็เข้ามาเตือนเจียสิวว่าใคร ๆ เขาก็คิดเงินไปกันหมดแล้ว เจียสิวว่าเราหากลัวไม่ เจ้าลงไปเสียให้พ้น เราจะเสพสุราอย่ามาวุ่นวายรบกวนจะตีเอา
เจ้าของโรงเตี๊ยมตกใจกลัวก็ลงไป เสียจากเหลา
เมื่อถึงเวลาขุนนางกรมการเมืองและผู้คุมเตรียมการพร้อมแล้ว ชัวฮกกับ ชัวเค่ง สองพี่น้องที่จะเป็นคนฆ่าก็พาโลวจุนหงี เดินมาถึงสี่แยกกลางตลาด มีทหารถืออาวุธควบคุม และตีม้าล่อกลองเสียงอื้ออึง เจียสิวก็ลุกขึ้นไปยืนดูอยู่ที่หน้าต่าง ขบวนที่คุมนักโทษนั้นหยุดอยู่ที่ทางแยก กลางตลาดตรงหน้าโรงเตี๊ยมพอดี
ชัวฮกถือกระบี่เข้าไปบอกโลวจุนหงีให้คุกเข่าลง แล้วชัวเค่งก็เข้ายึดคาที่ใส่คอไว้กระซิบบอกว่า
"...มิใช่ว่าข้าพเจ้าสองคนพี่น้องนี้ไม่ช่วยท่านเมื่อไร เหลือสติปัญญาแล้ว ท่านจงตั้งใจให้ดีข้าพเจ้าจัดเครื่องเซ่นไว้คอยท่า ท่านตายเชิญไปกินเครื่องเซ่นเถิด....."
พูดขาดคำก็มีผู้ร้องขึ้นว่าได้เวลาแล้ว พวกผู้คุมก็ถอดคาที่คอโลวจุนหงีออก และพาไปผูกไว้กับหลัก ชัวฮกชักกระบี่ออกจากฝักยืนรออยู่ใกล้ ๆ เจ้าหน้าที่ก็อ่านคำพิพากษา คณะกรมการเมืองก็ร้องขึ้นพร้อมกันว่าชอบแล้ว
พอชัวฮกขยับตัวเจียสิวก็ลุกขึ้นชูอาวุธสองมือ ร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังว่าพวกเขาเนียซัวเปาะมาพร้อมแล้ว ชัวฮกกับชัวเค่งได้ยินก็ช่วยกันตัดเชือกที่มัดโลวจุนหงีออก แล้วชวนกันวิ่งหนีไป
เจียสิวก็โดดลงจากเหลาตรงเข้าไล่ฟันขุนนางกรมการเมือง กับผู้คุมและทหาร แตกตื่นวุ่นวายวิ่งเหยียบกันล้มตายไปหลายคน ที่เหลือก็หนีกระจัดกระจายไป เพราะไม่รู้ว่าโจรเขาเนียซัวเปาะมีกี่คน
เจียสิวจึง ฉุดมือโลวจุนหงีพาหนีไปทางทิศใต้ โลวจุนหงีตกใจตัวสั่นวิ่งไม่ใคร่จะทันเจียสิว ทั้งสองพากันวิ่งไปโดยไม่รู้หนทาง โลวจุนหงีนั้นไม่มีสติที่จะหาทางหนีไปให้พ้นได้ เพราะเจ้าเมืองสั่งให้ปิดประตูเมืองทุกด้าน และให้ทหารแยกย้ายกันตามจนทัน ต่างกรูกันเข้าล้อมจับได้ทั้งสองคน พาไปให้เนียตงซีเจ้าเมือง
เจียสิวก็ด่าเจ้าเมืองด้วยคำหยาบช้า และประกาศว่า
".....ซ้องกั๋งพี่เราเจ้าของตำบลเนียซัวเปาะ จะยกกองทัพมาตีเมืองปักเกีย จับผู้รักษาเมืองกับญาติพี่น้อง ฆ่าเสียให้สิ้นทั้งสามชั่วโคตร....."
บรรดาขุนนางและกรมการเมือง รวมทั้งตัวเจ้าเมือง ต่างก็ตกใจกลัวนั่งตลึงกันไปหมด ไม่มีใครโต้ตอบว่าอะไร เจ้าเมืองสั่งให้เอาคามาใส่สองนักโทษมอบให้ชัวฮกกับชัวเค่งเอาไปจำคุกไว้อย่างเดิม
สองพี่น้องก็ช่วยดูแลโลวจุนหงีและเจียสิวให้มีที่กินอยู่หลับนอนตามสบาย ไม่ลำบากแต่ประการใด
ขณะนั้น โงวหยง กุนซือ กับ ไตจง และนายโจรเขาเนียซัวเปาะ ได้เดินทางมาถึงเมืองปักเกีย รู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็เขียนหนังสือหลายฉบับเที่ยวปักไว้ทั้งนอกเมืองในเมือง มีความว่า
"....พวกของซ้องกั๋งที่เขาเนียซัวเปาะ สัตย์ซื่อสุจริตด้วยกันทั้งสิ้น เขียนหนังสือมาทิ้งให้ผู้รักษาเมือง และกรมการเมืองทั้งปวงซึ่งรักษาเมืองปักเกีย ตำบลไต้เม่งฮู้รู้ทั่วกัน ด้วยโลวจุนหงีเป็นคนสัตย์ซื่อ เราจึงเชิญโลวจุนหงีมาปรารถนาจะได้ช่วยกันทำราชการบำรุงแผ่นดิน เหตุไฉนจึงคบคิดกันแกล้งใส่ความ ทำโทษโลวจุนหงี เราให้เจียสิวมาฟังข่าว ไม่รู้ว่าเหตุอย่างไรจึงจับตัวเจียสิวขังคุกไว้ด้วยกันทั้งสองคน แม้ว่าเห็นแก่กัน อย่าให้ชีวิตคนทั้งสองเป็นอันตราย จงส่งตัวลีกูซึ่งเป็นชู้ของนางเกสีออกมา เราหาว่ากล่าวการอื่นต่อไปไม่ ถ้าทำให้คนทั้งสองเป็นอันตราย คงจะยกพวกมาปราบปรามเมืองปักเกีย แก้แค้นทดแทนให้จงได้ ถ้าท่านผู้ซื่อสัตย์และราษฎรชาวเมืองปักเกียรู้ความในหนังสือแล้ว อย่าได้ตกใจจงอุตส่าห์หากินไปเถิด....."
เนียตงซีเจ้าเมืองได้อ่านแล้วก็วิตกยิ่งขึ้น จึงให้รอชำระโทษนักโทษทั้งสองไว้ก่อน แล้วมีหนังสือบอกเข้าไปกราบทูล พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ กับ ชัวไทซือ ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงให้ทราบ และจัดนายทหารคุมไพร่พลยกออกมาช่วยป้องกันพวกโจรต่อไป
พร้อมทั้งเรียกชัวฮกชัวเค่งมาสั่งกำชับว่า คนโทษสองคนนี้สำคัญนัก ระวังอย่าให้ตาย และระวังอย่าให้หนีได้ ทั้งคอยดูแลอย่าให้ลำบาก ทั้งสองก็ยินดีที่จะได้ช่วยเหลือโลวจุนหงีและเจียสิว ให้มีความสุขยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
แล้วเนียตงซีเจ้าเมืองปักเกียก็ให้ บุนตัด กับ ลีเสง นายทหารใหญ่ยกออกไปตั้งค่ายนอกเมืองเพื่อป้องกันกองทัพโจรจะยกมาตี รออยู่ไม่นานซ้องกั๋งก็ยกพลจากเขาเนียซัวเปาะเป็นห้ากอง ไพร่พลมากมายเฉพาะตัวนายนั้นกว่าสามสิบคน มาทำศึกชิงเมืองปักเกียอยู่เป็นแรมเดือน แต่ก็ไม่สามารถจะตีหักเอาเมืองได้
บังเอิญซ้องกั๋งป่วยเป็นฝีขึ้นที่กลางหลังอาการสาหัส จึงต้องถอยทัพกลับไปรักษาตัว แต่ทางเมืองปักเกียก็ไม่กล้าสั่งประหารนักโทษทั้งสองนายนั้นเหมือนกัน