จากกระทู้เรื่องรถไฟความเร็วสูง ที่ตั้งมานาน แล้ว ขอรายงานถึงความเคลื่อนไหว ของสภา ถึงการพิจารณา พรบ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พ.ศ. ........
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 โดยมี นายกิติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานกรรมาธิการฯ
ในการประชุมครั้งนี้มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สภาพัฒน์ ) ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ตัวแทนจากสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร กระทรวงคมนาคม ร่วมด้วย
นายอาคม ในฐานะที่เป็น ตัวแทน สภาพัฒน์ ชี้แจงย้ำตอนหนึ่งไว้ ว่า ประเทศเรายังมี ความด้อยเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ด้อยเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ด้อยเรื่องความสามารถของคน ต้องมีการพัฒนาให้ได้
และยังคาดการณ์ด้วยว่า การค้าชายแดนใน 5 ปีข้างหน้า เมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว จะเพิ่มขึ้น 5 % โดยเฉพาะการค้าขายทางบกจะเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนได้เข้าถึงมากขึ้น
กรรมาธิการหลายท่าน ได้ถามว่า โครงการนี้ได้จัดลำดับในการพัฒนาหรือไม่ว่า เรื่องใดเป็นเรื่องด่วน และ รัฐบาลได้ถามความเห็นเรื่องเงินกู้และแผนงานโครงการ เห็นด้วยทุกโครงการเพียงใด และตอบโจทย์ได้หรือไม่ ใครเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ และ ใครจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า โครงการใดจะทำก่อนหลังอย่างใด
รัฐได้คำนวณการก่อสร้าง การบริหาร การจัดการ ต้นทุน และค่าจ่ายที่จะกำหนดราคาค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงเท่าไหร่ และโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้ เป้าหมายหลัก เพื่อขนคน ใช่หรือไม่ และ เหตุใดจึงไม่ทำรถไฟรางคู่ให้ครอบคลุม ซึ่งสมารถขนทั้งคน และ สินค้า และ จะดีกว่าหรือไม่ ที่จะสร้าง มอร์เตอร์เวย์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายอาคมได้ลุกขึ้นมาชี้แจงว่า ........เรามีความจำเป็น ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ สนามบิน ทางบกต้องมีการปรับปรุง ไม่อย่างนั้นจะสู้ประเทศอื่นๆ ไม่ได้
นายอาคมยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า การพัฒนาต้องจากแผนการลงทุนทั้งประเทศ ความเห็นของตน เห็นว่า โจทย์ของประเทศมีอยู่หลายเรื่อง แนวที่ดูคือ ความเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน แหล่งผลิต และ การเชื่อมต่อระหว่างเมือง
ส่วนเรื่องความคุ้มหรือไม่นั้น ต้องดูความสัมพันธ์กับแผนการลงทุน ต้องใช้เวลาในการวางแผนให้ครบถ้วน ทุกเรื่องต้องมีรายงานความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ ไม่ได้ชี้แจง ในรายละเอียดที่ กรรมาธิการถาม โดยกล่าวว่า จะให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่นกระทรวงการคลัง แกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ชี้แจงต่อไป
ซี่งประชาชน คงต้องรอฟังการประชุมของคณะกรรมาธิการคณะนี้ ในคราวหน้า
ข่าวคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับรถไฟความเร็วสูง ที่เคยตั้งกระทู้มานานแล้ว
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 โดยมี นายกิติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานกรรมาธิการฯ
ในการประชุมครั้งนี้มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สภาพัฒน์ ) ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ตัวแทนจากสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร กระทรวงคมนาคม ร่วมด้วย
นายอาคม ในฐานะที่เป็น ตัวแทน สภาพัฒน์ ชี้แจงย้ำตอนหนึ่งไว้ ว่า ประเทศเรายังมี ความด้อยเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ด้อยเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ด้อยเรื่องความสามารถของคน ต้องมีการพัฒนาให้ได้
และยังคาดการณ์ด้วยว่า การค้าชายแดนใน 5 ปีข้างหน้า เมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว จะเพิ่มขึ้น 5 % โดยเฉพาะการค้าขายทางบกจะเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนได้เข้าถึงมากขึ้น
กรรมาธิการหลายท่าน ได้ถามว่า โครงการนี้ได้จัดลำดับในการพัฒนาหรือไม่ว่า เรื่องใดเป็นเรื่องด่วน และ รัฐบาลได้ถามความเห็นเรื่องเงินกู้และแผนงานโครงการ เห็นด้วยทุกโครงการเพียงใด และตอบโจทย์ได้หรือไม่ ใครเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ และ ใครจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า โครงการใดจะทำก่อนหลังอย่างใด
รัฐได้คำนวณการก่อสร้าง การบริหาร การจัดการ ต้นทุน และค่าจ่ายที่จะกำหนดราคาค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงเท่าไหร่ และโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้ เป้าหมายหลัก เพื่อขนคน ใช่หรือไม่ และ เหตุใดจึงไม่ทำรถไฟรางคู่ให้ครอบคลุม ซึ่งสมารถขนทั้งคน และ สินค้า และ จะดีกว่าหรือไม่ ที่จะสร้าง มอร์เตอร์เวย์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายอาคมได้ลุกขึ้นมาชี้แจงว่า ........เรามีความจำเป็น ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ สนามบิน ทางบกต้องมีการปรับปรุง ไม่อย่างนั้นจะสู้ประเทศอื่นๆ ไม่ได้
นายอาคมยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า การพัฒนาต้องจากแผนการลงทุนทั้งประเทศ ความเห็นของตน เห็นว่า โจทย์ของประเทศมีอยู่หลายเรื่อง แนวที่ดูคือ ความเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน แหล่งผลิต และ การเชื่อมต่อระหว่างเมือง
ส่วนเรื่องความคุ้มหรือไม่นั้น ต้องดูความสัมพันธ์กับแผนการลงทุน ต้องใช้เวลาในการวางแผนให้ครบถ้วน ทุกเรื่องต้องมีรายงานความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ ไม่ได้ชี้แจง ในรายละเอียดที่ กรรมาธิการถาม โดยกล่าวว่า จะให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่นกระทรวงการคลัง แกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ชี้แจงต่อไป
ซี่งประชาชน คงต้องรอฟังการประชุมของคณะกรรมาธิการคณะนี้ ในคราวหน้า