สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ในฐานะผู้หญิง ขอพูดถึงสิทธิความเท่าเทียมซักหน่อยค่ะ
บลูเป้นนักบินพานิชค่ะ ผ่านมาเยอะกับค่านิยมว่า นี่คืออาชีพของผู้ชาย ได้รับเสมอๆ กับสายตาเหยียดว่า นักบินหญิง จะทำได้ดีแค่ไหนเชียว จากนักบินชายรุ่นเก่าๆบางคน
สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการคือ สิทธิความเสมอภาคในหน้าที่การงานค่ะ พวกเรารุ้ค่ะเราเป็นเพศหญิง เพศสภาพของพวกเราอ่อนแอกว่าพวกคุณที่เป็นชาย แต่เราขอเพียงว่า พวกคุณอย่าเอาสิ่งนี้มาตัดสินว่าเราทำอะไรได้ เราทำอะไรไม่ได้ ในบางเรื่องเราทราบดีว่าทำไม่ได้ แะเราไม่ฝืนทำค่ะ เพื่อนบลูบางคนเป็นวิศวกรหญิง ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนผู้ชายมาด้วยกัน แต่เธอจะก้าวหน้าน้อยกว่าผู้ชายขั้นหนึ่งเสมอ ถึงแม้เธอจะมีความสามารถทัดเทียมกันก็ตาม
หรือพวกคุณจะไม่ยอรับว่า การกดขี่ในด้านหน้าที่การงานของเพศหญิงไม่มีอยุ่จริง ใช่ค่ะในปัจจุบันลดน้อยไปบ้างแล้ว แต่มันยังคงมีอยู่ใช่ไหมคะ
มันก็เหมือนกับนโยบายของสายการบินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ยังคงกำหนดว่า เราไม่มีนโยบายนักบินหญิงทำไม เพราะอะไร เชื่อมั้ยคะ จนป่านนี้บลูยังได้รับคำพูดประเภท ผู้หญฺิงน่ะหรอ แค่ขับรถให้ดียังทำไม่ได้ แล้วจะมาขับเครื่องบิน กรู (ผู้ชายคนพูด) ไม่กล้านั่งว่ะ นี่ไงคะ คือสาเหตุที่เรามาเรียกร้องคำว่าสิทธิความเสมอภาคค่ะ
เราขอแค่โอกาสในความก้าวหน้าทางการงานทัดเทียมกับผู้ชายอกสามศอกค่ะ ขอให้วัดกันที่ ผลงานและความสามารถ โดยไม่มีเพศสภาพมาเกี่ยวข้อง ให้เราได้ก้าวเข้าไปสู่อาชีพที่ครั้งหนึ่งพวกคุณผูกขาด และตั้งธงว่ามันคือโลกของผู้ชาย ผู้หญิงไม่มีสิทธิที่จะก้าวมาในโลกนี้เสียเถอะค่ะ เราไม่ได้ต้องการอะไรมาก และเราไม่ได้อยากจะทำได้เหมือนที่ผู้ชายทำไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ในบางเรื่องบางอาชีพที่เราทำได้ทัดเทียมกับคุณ เราแค่ขอโอกาส และความเท่าเทียมในการกระทำงานนั้นก็พอค่ะ
อ้อ อีกอย่าง เวลานั่งรถมีผู้ชายมาลุกให้นั่ง บลูจะขอบคุณและซึ้งในน้ำใจมากค่ะ เพราะบลูยอมรับว่า อ่อนแอกว่า เรี่ยวแรงน้อยกว่าผู้ชายหลายคน แต่บลูก็ไม่ว่าหากคุณไม่ลุกให้ โดยพื้นฐานความเป็นคน เราเท่าเทียมกันที่จะเหนื่อย ที่อยากจะสบาย แต่ที่บลุขอบคุณผู้ชายที่ยอมลุกให้ผู้หญิงนั่ง เพราะบลูนับถือในความเสียสละความสบายส่วนตน ให้กับคนที่เขาเห็นว่ากำลังน้อยกว่า อ่อนแอกว่าตัวเอง
บลูไม่เคยใส่ใจกับพวกแฟมินิสจ๋า ที่อะไรๆเราก็ต้องเท่าเทียมไปหมด ผู้หญิงอย่างบลูมองว่าปัญญาอ่อนค่ะ และในขณะเดียวกัน บลูเกลียดผู้หญิงที่อ้างคำว่าเพศแม่ เพราะบลูจะย้อนกลับไปว่า แล้วไง แกไม่ใช่แม่ชั้นนี่กว่า
หวังว่าผู้ชายทุกท่านคงเข้าใจผู้หญิงมากขึ้นถึงคำว่า สิทธิความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้นค่ะ
ก๊อบคำตอบตัวเองมาตอบเป้นรอบที่ 3 ทำไมช่วงนี้เรื่องแนวนี้เยอะจัง
ปล.พวกแฟมินิสจัดๆเนี่ย บลูมองว่าเป็นพวกประสาทนะคะ คือรุ้สึกว่า หล่อนจะเยอะและเรื่องมากน่ารำคาญไปถีงไหน 555
บลูเป้นนักบินพานิชค่ะ ผ่านมาเยอะกับค่านิยมว่า นี่คืออาชีพของผู้ชาย ได้รับเสมอๆ กับสายตาเหยียดว่า นักบินหญิง จะทำได้ดีแค่ไหนเชียว จากนักบินชายรุ่นเก่าๆบางคน
สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการคือ สิทธิความเสมอภาคในหน้าที่การงานค่ะ พวกเรารุ้ค่ะเราเป็นเพศหญิง เพศสภาพของพวกเราอ่อนแอกว่าพวกคุณที่เป็นชาย แต่เราขอเพียงว่า พวกคุณอย่าเอาสิ่งนี้มาตัดสินว่าเราทำอะไรได้ เราทำอะไรไม่ได้ ในบางเรื่องเราทราบดีว่าทำไม่ได้ แะเราไม่ฝืนทำค่ะ เพื่อนบลูบางคนเป็นวิศวกรหญิง ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนผู้ชายมาด้วยกัน แต่เธอจะก้าวหน้าน้อยกว่าผู้ชายขั้นหนึ่งเสมอ ถึงแม้เธอจะมีความสามารถทัดเทียมกันก็ตาม
หรือพวกคุณจะไม่ยอรับว่า การกดขี่ในด้านหน้าที่การงานของเพศหญิงไม่มีอยุ่จริง ใช่ค่ะในปัจจุบันลดน้อยไปบ้างแล้ว แต่มันยังคงมีอยู่ใช่ไหมคะ
มันก็เหมือนกับนโยบายของสายการบินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ยังคงกำหนดว่า เราไม่มีนโยบายนักบินหญิงทำไม เพราะอะไร เชื่อมั้ยคะ จนป่านนี้บลูยังได้รับคำพูดประเภท ผู้หญฺิงน่ะหรอ แค่ขับรถให้ดียังทำไม่ได้ แล้วจะมาขับเครื่องบิน กรู (ผู้ชายคนพูด) ไม่กล้านั่งว่ะ นี่ไงคะ คือสาเหตุที่เรามาเรียกร้องคำว่าสิทธิความเสมอภาคค่ะ
เราขอแค่โอกาสในความก้าวหน้าทางการงานทัดเทียมกับผู้ชายอกสามศอกค่ะ ขอให้วัดกันที่ ผลงานและความสามารถ โดยไม่มีเพศสภาพมาเกี่ยวข้อง ให้เราได้ก้าวเข้าไปสู่อาชีพที่ครั้งหนึ่งพวกคุณผูกขาด และตั้งธงว่ามันคือโลกของผู้ชาย ผู้หญิงไม่มีสิทธิที่จะก้าวมาในโลกนี้เสียเถอะค่ะ เราไม่ได้ต้องการอะไรมาก และเราไม่ได้อยากจะทำได้เหมือนที่ผู้ชายทำไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ในบางเรื่องบางอาชีพที่เราทำได้ทัดเทียมกับคุณ เราแค่ขอโอกาส และความเท่าเทียมในการกระทำงานนั้นก็พอค่ะ
อ้อ อีกอย่าง เวลานั่งรถมีผู้ชายมาลุกให้นั่ง บลูจะขอบคุณและซึ้งในน้ำใจมากค่ะ เพราะบลูยอมรับว่า อ่อนแอกว่า เรี่ยวแรงน้อยกว่าผู้ชายหลายคน แต่บลูก็ไม่ว่าหากคุณไม่ลุกให้ โดยพื้นฐานความเป็นคน เราเท่าเทียมกันที่จะเหนื่อย ที่อยากจะสบาย แต่ที่บลุขอบคุณผู้ชายที่ยอมลุกให้ผู้หญิงนั่ง เพราะบลูนับถือในความเสียสละความสบายส่วนตน ให้กับคนที่เขาเห็นว่ากำลังน้อยกว่า อ่อนแอกว่าตัวเอง
บลูไม่เคยใส่ใจกับพวกแฟมินิสจ๋า ที่อะไรๆเราก็ต้องเท่าเทียมไปหมด ผู้หญิงอย่างบลูมองว่าปัญญาอ่อนค่ะ และในขณะเดียวกัน บลูเกลียดผู้หญิงที่อ้างคำว่าเพศแม่ เพราะบลูจะย้อนกลับไปว่า แล้วไง แกไม่ใช่แม่ชั้นนี่กว่า
หวังว่าผู้ชายทุกท่านคงเข้าใจผู้หญิงมากขึ้นถึงคำว่า สิทธิความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้นค่ะ
ก๊อบคำตอบตัวเองมาตอบเป้นรอบที่ 3 ทำไมช่วงนี้เรื่องแนวนี้เยอะจัง
ปล.พวกแฟมินิสจัดๆเนี่ย บลูมองว่าเป็นพวกประสาทนะคะ คือรุ้สึกว่า หล่อนจะเยอะและเรื่องมากน่ารำคาญไปถีงไหน 555
ความคิดเห็นที่ 12
เราบอกตรงๆ นะ เป็นผู้หญิง แต่รำคาญพวก "คลั่งเพศ" มากๆ แบบว่าผู้หญิงต้องเท่าเทียมเป๊ะๆ ไม่ได้แปลว่าข่มเหง กดขี่ทางเพศ
บอกเลยว่าพวกนี้ ส่วนใหญ่มีปมในใจของตัวเอง เลยพาลกับผู้ชายทั้งโลก
ตอนนี้โลกก้าวไปถึงไหนแล้ว งานที่ไม่เกี่ยวกับพละกำลัง/ความแข็งแกร่งร่างกาย เราก็เห็นเปิดรับไปทำได้หมด แต่บางงาน ถึงเค้าให้ไปทำได้ แต่ผู้หญิงก็น้อย เพราะสิ่งแวดล้อมโดยรวมไม่เอื้อ เหมือน natural selection ง่ายๆ เช่นวิศวกรไซท์งานก่อสร้าง ผู้หญิงเรียนโยธาเยอะแยะ เจอคุมคนงานก็มาก ทำได้ดีด้วย ความรู้โอเคเลย ไม่แตกต่างจากชาย แต่เจอไม่เยอะ เพราะสักพักย้ายไปทำอย่างอื่น บางคนบอกร้อนไป ตรากตรำตัวดำ ตะโกนแข่งเครื่องจักร รบรากับแรงงาน ไม่ไหว บางคนก็ไม่ชอบที่ต้องไปสังสรรค์กินเหล้าเที่ยวดึกๆ กับพวกหัวหน้าคนงาน ทำนองซื้อใจลูกน้อง ทางบ้านห่วง ก็ย้าย บางคนแต่งงานแพลนมีลูก ก็ย้ายไปอยู่ตรงที่ๆ สบายกว่า เหมาะกับการเตรียมเลี้ยงลูก... โดยรวมวิศวะหน้าไซท์งาน ก็ชายมากกว่าหญืงอยู่ดี ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้ห้าม คุณสมบัติผ่านก็รับ
ส่วนงานที่ใช้พละกำลัง/สมรรถภาพร่างกาย อย่างทหารเกณฑ์ ทหาร ตำรวจหน่วยลงพื้นที่/ตชด จนทป่าไม้ที่กินนอนลาดตระเวณในป่า พนักงานดับเพลิงที่ต้องปีนป่ายตึกสูง ลากหัวฉีดหนักๆ ก็เห็นด้วยที่สุดที่จะให้ผู้ชายทำไป เพราะเหมาะสม
เราชอบเป็นผู้หญิง ทำงานเหมาะกัับสภาพพละกำลังเพศหญิง และชอบที่จะเจอผู้ชายที่เทคแคร์เพศหญิงและให้เกียรติ ช่วยถือของ เปิดประตู ปกป้อง ไปเดทก็คาดหวังให้เค้าเลี้ยง ( ไม่ได้อยากได้เงินเค้า แต่เป็นความคาดหวังของเราต่อเพศชาย ถ้าเงินไม่มาก เค้าเลี้ยงข้าว เราเลี้ยงหนังก็ได้)
พวกเฟมินิสต์จ๋าๆ ทั้งหลายน่ะ ดูภูมิหลังไปเถอะ มี their own issues ซ่อนอยู่ทั้งนั้น ... ที่สำคัญ ปากบอกเท่าเทียม แต่พอเจอผู้ชายไม่ลุกให้ ไม่ช่วยถือของ บอก ผู้ชายไม่เป็นสุภาพบุรุษ... ก็บอกเองว่าเท่าเทียม งง
ปล อย่างงานนักบินเราว่าผู้หญิงทำได้นะ เราเชื่อมั่นในนักบินหญิง ไม่มีปัญหาเลย เพียงแต่อย่างที่คคหข้างบนบอก เป็นเรื่องความคุ้มค่าด้วย ท้องบินไม่ได้ บางคนปวดท้องเมนส์หนัก ทำงานไม่ได้ เมนส์ก็มาทุกเดือนตามชื่อประจำเดือน คลอดก็ต้องหยุดหลายเดือน... ความคุ้มค่าในการรับก็น้อยกว่าผู้ชายที่ไม่มีเรื่องธรรมชาติของเพศแบบนี้ ในฐานะบริษัทเจ้าของเงิน เค้าก็มองหาคนที่พร่้อมทำงานให้เค้ามากกว่า โอกาสหยุดน้อยกว่า ทำกำไรให้เค้ามากกว่าเท่านั้นเอง ธุรกิจชัดๆ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงเก่งไม่เท่า บางสายการบินก็รับ แต่ไม่เยอะ ก็เหตุผลประมาณนี้ ภาพรวมนักบินพาณิชย์ทั่วโลกก็ชายมากกว่าหญิงมาก ก็เพราะแบบนี้
เราว่าผู้หญิงโดยเพศที่มีประจำเดือน ท้อง ให้นม และ อ่อนโยน นุ่มนวลกว่าเพศชาย ก็เป็นความเหมาะสมแล้วที่จะทำงานไม่เสี่ยงตาย ไม่บู๊โลดโผน ไม่ใช้พละกำลังความฟิตอย่างหนัก ... ผู้ชายก็เหมาะแล้วที่จะไปทำแบบนั้น มันเป็นความเหมาะสมของเพศ สมดุลดีแล้ว
แต่แน่นอน ทุกที่ย่อมมีคนส่วนน้อย ผู้หญิงที่ชอบงานเหนื่ิอยแรง ผู้ชายชอบงานอ่อนหวาน แต่เป็นส่วนน้อยไงคะ จะไปเหมารวมตีกรอบ แบบทุกอย่างให้แบ่งครึ่งตามเพศหมด แม้แต่ในสภา ยังมีคนคิดให้แบ่งโควต้าตามเพศ... ตลกมาก ถ้าผู้หญิงได้รับเลือกมากกว่า จะมีคนมาผู้หญิงเรียกร้องให้แบ่งโควต้าตามเพศอีกมั้ย
เราว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ ดูจากรอบตัวเรานะ ชอบจะเป็นผู้หญิง ทำงานที่ไม่ฝืนสภาพร่างกายตามธรรมชาติ อยากมีบทบาทแบบผู้หญิง ที่ว่าอ่อนหวาน อ่อนโยน ดูแลครอบครัว แล้วมันไม่ดีตรงไหน และอยากเจอผู้ชาย ที่มีบทบาทเป็นผู้ชาย สุภาพบุรุษ ไปเดทก็เลี่ยงข้าว อยู่บ้านก็ช่วยซ่อมหลังคา ซ่อมหลอดไฟ ซ่อมรถได้ ตัดหญ้า ดทขยะ ไม่ต้องมาแย่งเราชุนผ้า จัดโต๊ะอาหารหรอก
ถึงจขกท อย่าคิดมากค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าแฮปปี้ดีกับบทบาทชายหญิงในสังคม ไม่ได้เห็นเป็นการกดขี่แบบที่บางคนพยายามเผยแพร่แนวคิด เพียงแต่เค้าก็อยู่ของเค้าไปธรรมดา ไม่ได้มาพูดออกสื่อ ว่าชั้นพอใจนะ แฮปปี้ดี แต่ฝั่งเฟมินิสท์หัวรุนแรงนี่สิ จะพูดออกข่าวออกสื่อมาก เลยดูเหมือนเสียงดัง จริงๆ ผู้หญิงด้วยกันรำคาญมากๆ ด้วย แต่งหน้าสวยก็มาหาว่ายั่วผู้ชาย แต่งตัวสวยก็ว่าดูถูกความสามารถตัวเอง เป็นแม่บ้านเต็มเวลาสามีหาเลี้ยงก็หาว่าโดนกดขี่ทางเพศ (อันนี้ควรจะเป็นผู้ชายพูดมากกว่า ) ประกวดนางงามก็โวยวายว่าใช้ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ พริตตี้ก็ไปดูถูกเค้าว่าทำมาหากินกับความเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่พอใจกับความเป็นผู้หญิงของตัวเอง ก็หาว่าเค้าอยู่ในกะลา ถูกครอบวำแล้วไม่รู้ตัว ลามไปถึงการ์ตูนเด็ก เจ้าหญิวรอเจ้าชายมาช่วยและครองรักกันอย่างมีความสุข ก็ไม่ได้นะ เป็นการสร้างค่านิยมให้ผู้หญิงรอคอยชายในฝัน ลามไปถึงนั่น... คือป้าๆ เหล่านี้ไม่พอใจผู้หญิงที่สวยและมีความสุขทุกคนน่ะล่ะ
ถ้าอ้วนล่ำดำขี้เหร่ หน้ามันเยิ้ม ผมกระเซิง ใส่เสื้อเน่า กางเกงขาด รองเท้าร้อยเก้าเก้า ... ใช่เลย ผู้หญิงที่เคารพตัวเอง ไม่สนใจสิ่งภายนอก ไม่ยอมตกเป็นทาสของระบบชายเป็นใหญ่ ยืนหยัดไม่เป็นวัตถุทางเพศ นี่ล่ะ ผู้หญิงของเฟมินิสต์ ... ใครอยากเป็นล่ะเนี่ย
บอกเลยว่าพวกนี้ ส่วนใหญ่มีปมในใจของตัวเอง เลยพาลกับผู้ชายทั้งโลก
ตอนนี้โลกก้าวไปถึงไหนแล้ว งานที่ไม่เกี่ยวกับพละกำลัง/ความแข็งแกร่งร่างกาย เราก็เห็นเปิดรับไปทำได้หมด แต่บางงาน ถึงเค้าให้ไปทำได้ แต่ผู้หญิงก็น้อย เพราะสิ่งแวดล้อมโดยรวมไม่เอื้อ เหมือน natural selection ง่ายๆ เช่นวิศวกรไซท์งานก่อสร้าง ผู้หญิงเรียนโยธาเยอะแยะ เจอคุมคนงานก็มาก ทำได้ดีด้วย ความรู้โอเคเลย ไม่แตกต่างจากชาย แต่เจอไม่เยอะ เพราะสักพักย้ายไปทำอย่างอื่น บางคนบอกร้อนไป ตรากตรำตัวดำ ตะโกนแข่งเครื่องจักร รบรากับแรงงาน ไม่ไหว บางคนก็ไม่ชอบที่ต้องไปสังสรรค์กินเหล้าเที่ยวดึกๆ กับพวกหัวหน้าคนงาน ทำนองซื้อใจลูกน้อง ทางบ้านห่วง ก็ย้าย บางคนแต่งงานแพลนมีลูก ก็ย้ายไปอยู่ตรงที่ๆ สบายกว่า เหมาะกับการเตรียมเลี้ยงลูก... โดยรวมวิศวะหน้าไซท์งาน ก็ชายมากกว่าหญืงอยู่ดี ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้ห้าม คุณสมบัติผ่านก็รับ
ส่วนงานที่ใช้พละกำลัง/สมรรถภาพร่างกาย อย่างทหารเกณฑ์ ทหาร ตำรวจหน่วยลงพื้นที่/ตชด จนทป่าไม้ที่กินนอนลาดตระเวณในป่า พนักงานดับเพลิงที่ต้องปีนป่ายตึกสูง ลากหัวฉีดหนักๆ ก็เห็นด้วยที่สุดที่จะให้ผู้ชายทำไป เพราะเหมาะสม
เราชอบเป็นผู้หญิง ทำงานเหมาะกัับสภาพพละกำลังเพศหญิง และชอบที่จะเจอผู้ชายที่เทคแคร์เพศหญิงและให้เกียรติ ช่วยถือของ เปิดประตู ปกป้อง ไปเดทก็คาดหวังให้เค้าเลี้ยง ( ไม่ได้อยากได้เงินเค้า แต่เป็นความคาดหวังของเราต่อเพศชาย ถ้าเงินไม่มาก เค้าเลี้ยงข้าว เราเลี้ยงหนังก็ได้)
พวกเฟมินิสต์จ๋าๆ ทั้งหลายน่ะ ดูภูมิหลังไปเถอะ มี their own issues ซ่อนอยู่ทั้งนั้น ... ที่สำคัญ ปากบอกเท่าเทียม แต่พอเจอผู้ชายไม่ลุกให้ ไม่ช่วยถือของ บอก ผู้ชายไม่เป็นสุภาพบุรุษ... ก็บอกเองว่าเท่าเทียม งง
ปล อย่างงานนักบินเราว่าผู้หญิงทำได้นะ เราเชื่อมั่นในนักบินหญิง ไม่มีปัญหาเลย เพียงแต่อย่างที่คคหข้างบนบอก เป็นเรื่องความคุ้มค่าด้วย ท้องบินไม่ได้ บางคนปวดท้องเมนส์หนัก ทำงานไม่ได้ เมนส์ก็มาทุกเดือนตามชื่อประจำเดือน คลอดก็ต้องหยุดหลายเดือน... ความคุ้มค่าในการรับก็น้อยกว่าผู้ชายที่ไม่มีเรื่องธรรมชาติของเพศแบบนี้ ในฐานะบริษัทเจ้าของเงิน เค้าก็มองหาคนที่พร่้อมทำงานให้เค้ามากกว่า โอกาสหยุดน้อยกว่า ทำกำไรให้เค้ามากกว่าเท่านั้นเอง ธุรกิจชัดๆ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงเก่งไม่เท่า บางสายการบินก็รับ แต่ไม่เยอะ ก็เหตุผลประมาณนี้ ภาพรวมนักบินพาณิชย์ทั่วโลกก็ชายมากกว่าหญิงมาก ก็เพราะแบบนี้
เราว่าผู้หญิงโดยเพศที่มีประจำเดือน ท้อง ให้นม และ อ่อนโยน นุ่มนวลกว่าเพศชาย ก็เป็นความเหมาะสมแล้วที่จะทำงานไม่เสี่ยงตาย ไม่บู๊โลดโผน ไม่ใช้พละกำลังความฟิตอย่างหนัก ... ผู้ชายก็เหมาะแล้วที่จะไปทำแบบนั้น มันเป็นความเหมาะสมของเพศ สมดุลดีแล้ว
แต่แน่นอน ทุกที่ย่อมมีคนส่วนน้อย ผู้หญิงที่ชอบงานเหนื่ิอยแรง ผู้ชายชอบงานอ่อนหวาน แต่เป็นส่วนน้อยไงคะ จะไปเหมารวมตีกรอบ แบบทุกอย่างให้แบ่งครึ่งตามเพศหมด แม้แต่ในสภา ยังมีคนคิดให้แบ่งโควต้าตามเพศ... ตลกมาก ถ้าผู้หญิงได้รับเลือกมากกว่า จะมีคนมาผู้หญิงเรียกร้องให้แบ่งโควต้าตามเพศอีกมั้ย
เราว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ ดูจากรอบตัวเรานะ ชอบจะเป็นผู้หญิง ทำงานที่ไม่ฝืนสภาพร่างกายตามธรรมชาติ อยากมีบทบาทแบบผู้หญิง ที่ว่าอ่อนหวาน อ่อนโยน ดูแลครอบครัว แล้วมันไม่ดีตรงไหน และอยากเจอผู้ชาย ที่มีบทบาทเป็นผู้ชาย สุภาพบุรุษ ไปเดทก็เลี่ยงข้าว อยู่บ้านก็ช่วยซ่อมหลังคา ซ่อมหลอดไฟ ซ่อมรถได้ ตัดหญ้า ดทขยะ ไม่ต้องมาแย่งเราชุนผ้า จัดโต๊ะอาหารหรอก
ถึงจขกท อย่าคิดมากค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าแฮปปี้ดีกับบทบาทชายหญิงในสังคม ไม่ได้เห็นเป็นการกดขี่แบบที่บางคนพยายามเผยแพร่แนวคิด เพียงแต่เค้าก็อยู่ของเค้าไปธรรมดา ไม่ได้มาพูดออกสื่อ ว่าชั้นพอใจนะ แฮปปี้ดี แต่ฝั่งเฟมินิสท์หัวรุนแรงนี่สิ จะพูดออกข่าวออกสื่อมาก เลยดูเหมือนเสียงดัง จริงๆ ผู้หญิงด้วยกันรำคาญมากๆ ด้วย แต่งหน้าสวยก็มาหาว่ายั่วผู้ชาย แต่งตัวสวยก็ว่าดูถูกความสามารถตัวเอง เป็นแม่บ้านเต็มเวลาสามีหาเลี้ยงก็หาว่าโดนกดขี่ทางเพศ (อันนี้ควรจะเป็นผู้ชายพูดมากกว่า ) ประกวดนางงามก็โวยวายว่าใช้ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ พริตตี้ก็ไปดูถูกเค้าว่าทำมาหากินกับความเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่พอใจกับความเป็นผู้หญิงของตัวเอง ก็หาว่าเค้าอยู่ในกะลา ถูกครอบวำแล้วไม่รู้ตัว ลามไปถึงการ์ตูนเด็ก เจ้าหญิวรอเจ้าชายมาช่วยและครองรักกันอย่างมีความสุข ก็ไม่ได้นะ เป็นการสร้างค่านิยมให้ผู้หญิงรอคอยชายในฝัน ลามไปถึงนั่น... คือป้าๆ เหล่านี้ไม่พอใจผู้หญิงที่สวยและมีความสุขทุกคนน่ะล่ะ
ถ้าอ้วนล่ำดำขี้เหร่ หน้ามันเยิ้ม ผมกระเซิง ใส่เสื้อเน่า กางเกงขาด รองเท้าร้อยเก้าเก้า ... ใช่เลย ผู้หญิงที่เคารพตัวเอง ไม่สนใจสิ่งภายนอก ไม่ยอมตกเป็นทาสของระบบชายเป็นใหญ่ ยืนหยัดไม่เป็นวัตถุทางเพศ นี่ล่ะ ผู้หญิงของเฟมินิสต์ ... ใครอยากเป็นล่ะเนี่ย
แสดงความคิดเห็น
ชาว Feminist เป็นแบบนี้ทุกคนไหม? และถ้าลัทธินี้ชนะ โลกจะสงบสุขขึ้นจริงไหมครับ?
http://topicstock.ppantip.com/library/topicstock/2011/08/K10958151/K10958151.html
จำได้ว่ามีคนแอดมาหาผม แล้วบอกทำนองว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็น "เหยื่อของระบบ"
ผมก็งงๆ เขาก็บอกว่า เพราะโลกนี้ถูกครอบงำโดยลัทธิ "ชายเป็นใหญ่" แล้วอธิบายว่า ระบบนี้คือการแบ่งแยกชัดเจน ว่าผู้ชายควรทำอะำไร ( จับดาบจับปืน มีทักษะการตีรันฟันแทง ต้องใช้กำลังได้ ต้องเป็นผู้นำ มีความแข็งกร้าว ห้ามแสดงความอ่อนแอ ห้ามร้องไห้ ฯลฯ ) และผู้หญิงควรทำอะไร ( ทำกับข้าวเป็น ทำงานบ้าน โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกนี่สำคัญที่สุด )
ทีนี้ผมก็เถียงไปว่า นั่นมันสมัยก่อนมั้ง สมัยนี้ ผญ เนี่ย ทำอะไรได้ตั้งเยอะนะ เป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ เป็นรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวง ฯลฯ ได้หมดเลย ขณะที่ ผช สมัยนี้เอง ไปช่วยเลี้ยงลูก ช่วยงานบ้าน ก็ไม่ได้โดนดูถูกนะ
เขาก็แย้งมาว่า ผญ ต่อให้เป็นผู้นำ เป็นแล้วก็ต้องทำตัวให้เหมือนผู้ชายอยู่ดี ( แข็งกร้าว ดุดัน ) ถ้าไม่ทำตัวแบบนั้น ก็ไม่มีวันได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะจากเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย ส่วน ผช ก็ยังต้องถูกกดดันจากสังคมให้ทำตัวแข็งกร้าว ต้องคุมภรรยาให้อยู่ อย่าให้ภรรยาเด่นกว่าตัวเอง ที่สำคัญต้องเจ้าชู้ได้ด้วย ( เช่นคติที่ว่า "ผู้ชายไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่มีพิษ" )
เผอิญผมขี้เกียจเถียงต่อ เลยไม่ได้คุยกัน
จนกระทั่งไม่นานนี้ มีโอกาสฟังเทปเสวนาของ NGO บางกลุ่มที่ทำงานด้านวิจัยบทบาทของสื่อ เขาบอกในทำนองนี้แหละครับ ว่าสื่อยังคงผลิตซ้ำเรื่องเดิมๆ ว่าถ้าคุณอยากได้รับการยอมรับ คุณก็ต้องทำตัวแบบนี้ ซึ่งเขาหมายถึงค่านิยม "ชายเป็นใหญ่" นี่แหละครับ
และบอกต่อด้วยว่า ค่านิยมนี่แหละ ที่ทำให้ความรุนแรงยังอยู่กับมนุษย์เรา ( การฆ่าฟัน แก่งแย่งอำนาจ หรือมีคู่หลายๆ คน มันเป็นเรื่องของผู้ชาย ถ้าผู้หญิงจะขึ้นมาโดดเด่น ก็ต้องคิดแบบผู้ชาย ทำแบบผู้ชายด้วย ลงท้ายเมื่อมีเจ้าพ่อได้ ก็มีเจ้าแม่ได้บ้าง หรือมีคาสโนว่าได้ ก็มีคาสโนวี่ได้ อะไรแบบนั้น ) ถ้าถอดรื้อค่านิยมนี้ออกไปได้ สังคมก็จะมีความสงบสุขมากขึ้น
ตอนหลังผมถึงมารู้ว่า นี่มันแนวคิดแบบ Feminist ( สตรีนิยม ) ซึ่งวิธีคิดจะคล้ายกับพวก Communist ( สังคมนิยม ) เอามากๆ
ถ้าสหายชาวมาร์กซิสต์ บอกว่าโลกนี้คือการครอบงำของทุนนิยมและศักดินา ชาวกรรมกรและเกษตรกร จงปฏิวัติเพื่อล้มชุดความคิดแบบทุนนิยมและศักดินา เพราะโลกจะได้เท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้นในที่สุด
ชาวเฟมินิสต์ ก็จะบอกว่าโลกนี้คือการครอบงำของลัทธิชายเป็นใหญ่ ทำให้มนุษย์เคยชินกับการใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา ดังนั้นถ้าสามารถถอดรื้อความคิดชายเป็นใหญ่ได้ ความรุนแรงก็จะหายไป โลกก็จะสงบสุขในที่สุด
จึงเป็นที่มาของคำถามนี้ครับ
- 2 ลัทธินี้ มีความเกี่ยวข้องกันมาก่อนหรือไม่? ทำไมวิธีคิดถึงคล้ายๆ กัน
- พวกเขาคิดแบบนี้กันทุกคนไหม? แล้วถ้า Feminist ชนะ โลกจะสงบสุขจริงไหมครับ?
- ถ้าใช่ แสดงว่าบุคลิกแบบเพศหญิง ไม่มีความรุนแรงใช่หรือไม่?
ตามนี้แหละครับ