พระพรหมมีจริงไหม มีคำตอบละเอียดที่สุด



บันทึก
เรื่อง สมเด็จท้าวมหาพรหมสหัมปติ
ในตำนานของลัทธิศาสนาพราหมณ์ ได้มีปรากฏว่า มีพราหมณ์สูงสุดองค์หนึ่งชื่อ พระหรหม
พระพรหมเกิดได้อย่างไร?
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ว่า
ครั้นต่อมายังมีคนอีกพวกหนึ่งที่เรียกว่า “อริยะ” นึกขึ้นว่า คน เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระเพลิง พระพาย พระพิรุณ ไฉนอยู่ดีๆ จะมีขึ้น ใครเล่าเป็นผู้สร้างขึ้น เรามานึกว่า ตัวเราอยู่ดีๆจะเกิดอย่างไร คงมีพ่อ มีแม่ต่อๆกันมา พระพาย พระเพลิง หรือพระพิรุณ ใครเป็นพ่อ พวกพราหมณ์อ้ำอึ้ง ครั้งแรกจะบอกว่าไม่รู้ก็เหลวไหล เป็นครูบาอาจารย์จะต้องเข้าใจจำเป็นต้องรู้ แปลว่าท่านเทวดาทั้งหลายทุกองค์เกิดมีขึ้นในครั้งไหน ใครเป็นผู้สร้าง ใครเป็นพ่อ พราหมณ์ทั้งหลายจึงเกิดรวมกันเข้า ปรึกษาจะทำอย่างไรดี ต้องคิดอะไรเขาเข้าใจ เพราะพราหมณ์เดี๋ยวนี้คุยว่า เป็นคนสำคัญ อ้างว่าเมื่อบูชาแล้ว ได้ยินเสียงพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระพายเหมือนพูดกับตัว คราวนี้ถูกเขาถามก็ต้องบอกว่า “ข้าพเจ้าขอพลัดไปทำพิธีถามพระเป็นเจ้าก่อน” แล้วก็ไปรวมกันตรึกตรองได้มา ของเขาดีพอใช้คือว่า มีพระเป็นเจ้าองค์หนึ่งซึ่งพราหมณ์เรียกว่า “พรหม”
และได้ทรงพระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ต่อไปอีกว่า
ท่านที่เรียกว่าพรหมนี้ จำต้องมีก่อน ส่วนพราหมณ์นั้นเล่า เมื่อก่อนที่จะเกิดขึ้น ย่อมมีธรรมปรากฏขึ้นอยู่ แล้วในโลกเพราะธรรมเป็นของไม่มีเนื้อตัว ธรรมทั้งปวงซึ่งอยู่ในโลกผสมกันเข้าจึงเป็นไข่ ไข่นี้เป็นก้อน ลอยอยู่ได้หมื่นกัล์ปไข่ก็แตก พระพรหมอยู่ในไข่นั้น บัลดาลให้ไข่แตกเป็นสองซีก ซีกบนไปเป็นฟ้า ซีกล่างไปเป็นโลกที่มนุษย์อยู่ พระพรหมจึงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงบรรดามีในสวรรค์ สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงที่จะมีในโลกนี้ ชั้นต้นสร้างให้มีไฟ ให้มาเผาผลาญสิ่งซึ่งเป็นบาปอกุสลทั้งปวงหมดแล้ว จึงสร้างน้ำดับไฟอันนั้น น้ำดับไฟแล้ว น้ำนั้นทำให้ดินชุ่มชื่นเกิดงอกงามเป็นเขา เป็นห้วยอะไรขึ้นอีก มีพืชพันธ์ธัญญาหารขึ้นบริบูรณ์ มีต้นไม้ขึ้นแล้วจึงมีสัตว์แล้วจึงมีมุมนุษย์ ในพวกมนุษย์มีผู้หนึ่งนับว่าเป็นลูกพระอาทิตย์เกิดขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ได้ปกครองประชนมาตั้งแต่นั้น
    ในตำนานได้อธิบายพระพรหมไว้ว่า มีหน้าถึง ๔ หน้า สามารถมองดูทิศทั้ง ๔ ในเวลาเดียวกัน ดูความเป็นไปของโลก ทุกหนทุกแห่งพร้อมกัน ไม่มีลูก ไม่มีเมีย ไม่รู้จักกามคุณ ถือเพศพรหมจรรย์
    แต่เรื่องของพระพรหมนี้ได้มามีเรื่องเกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา ครั้งเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้ธรรมแล้ว พระองค์ทรงพิจารณาว่าพระธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นี้ มีความล้ำลึกยากที่ปวงมนุษย์จะเข้าใจได้ และไม่อาจสั่งสอนเผยแพร่ต่อไป พระพรหมได้รู้พระดำริของพระองค์ จึงได้เสด็จมาอาราธนา ให้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศธรรมที่พระองค์ตรัสรู้แก่ชาวโลกทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ก็ได้รับคำทูลอาราธนานั้นและได้ประกาศสั่งสอนพระพุทะศาสนานับแต่พวกปัญจวคีย์เรื่อยตลอดพระชนมายุ จนเสด็จสูพระปรินิพพาน พระพุทธศาสนาจึงได้เจริญรุ่งเรืองอยู่ในนานาประเทศ เป็นลำดับตลอดมาจนบัดนี้ ในพระพุทธศาสนามีคำอาราธนาพระสงฆ์แสดงธรรมอยู่บทหนึ่งว่า พฺรหมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ กตฺอญฺชลี อนฺธิวรํ อยาจถ สนฺตีธ สตฺตาปฺปรชกฺขชาติกา เทสตุ ธมฺมํ อนุกมฺปิมํ ปชํ ฯ แปลว่า ท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นอธิบดีในโลก มีอัญชลีอันกระทำแล้วได้ทูลขอพระพรอันประเสริฐว่าสัตว์ทั้งหลายผู้มีชาติแห่งสัตว์ ผู้มีธุลีน้อยในจักษุ คือสัตว์ที่มีกิเลสน้อยมีอยู่ในโลก ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงเอ็นดู ทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์นี้
ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงมีเรื่องเกี่ยวกับพระพรหมนี้ไว้เหมือนกัน นอกจากนี้ก็ได้นำมาอธิบาย ในเรื่องคุณสมบัติของผู้เป็นใหญ่ที่เรียกว่า พรหมวิหาร ๔ โดยถือหลักพระพักตร์ทั้ง ๔ ของพระพรหม คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา กับในการทำพิธีที่สำคัญๆ พระพรหมก็ได้มีส่วนในตัวบทพระคาถาที่ชุมนุมอัญเชิญทุกครั้งไป ดังนั้นพระพรหมจึงมามีความสำคัญในพระพุทธศาสนา
อาตมาภาพแม้ไม่ได้ศึกษาใน ลัทธิศาสนาพราหมณ์โดยละเอียดก็ตามแต่เมื่อได้ทราบเรื่องเกี่ยวกับพระพรหมมากเข้า ก็มีความฉงนสงสัยว่า พระพรหมนั้นมีจริงหรือไม่ จะมีฤทธานุภาพเพียงใด และไฉนจึงมามีเรื่องราวปรากฏในพระพุทธศาสนา


เจริญพร
(องสรภาณมธุรส บ๋าวเอิง)
เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร
๘กันยายน ๒๕๐๓
ที่มา หนังสือเรื่อง พรหมลิขิต โดยองสรภาณมธุรส (บ๋าวเอิง)

ท่านสามารถเข้ามาอ่านเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คของวัด
http://www.facebook.com/Samananamboriharn
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่