นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 18 เสียงระเบิดในคืนอันเงียบสงัด

กระทู้สนทนา
บทที่ 17 อดีตของโทมัส
http://ppantip.com/topic/30299821

บทที่ 18 เสียงระเบิดในคืนอันเงียบสงัด

    การที่มนุษย์กลายพันธุ์บุกเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับสังหารแขกที่อยู่ในงานเลี้ยงจนเสียชีวิตไปถึง 9 คนสร้างความตื่นตระหนกต่อชาวเมืองเป็นอย่างมาก แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นคนของแอชเขอร์จะพยายามให้ข่าวว่าฆาตกรเป็นคนวิกลจริตแต่ก็ยังไม่มีใครเชื่อเพราะผู้รอดชีวิตต่างออกมายืนยันว่าพวกเขาถูกสัตว์หน้าตาน่ากลัวบุกเข้ามาอาละวาดทำร้ายในงาน  

    ข่าวนี้สร้างความหนักใจให้คุณเทเลอร์เป็นอย่างมาก เพราะนั่นหมายความว่าตำรวจจะต้องเพิ่มมาตรการกวดขันให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แม้ผู้อยู่ในเหตุการณ์จะพูดตรงกันว่าวัยรุ่นที่ถูกตัดคอคืออสูรร้ายแต่ข่าวลือเรื่องสัตว์ประหลาดก็ยังคงมีอยู่และแน่นอนที่สุดว่าตำรวจจะต้องเพิ่มกำลังในการตรวจตราซึ่งก็จะทำให้นักล่าทำงานลำบากมากขึ้นกว่าเดิม

    นอกจากข่าวลือเรื่องสัตว์ประหลาดแล้วเทเลอร์ยังรู้สึกกังวลใจอยู่อีกเรื่องคือปฏิริยาของ
วลาร์ด หลังพบว่ามนุษย์ทดลองเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเขาก็ดูหงุดหงิดมากขึ้น ชนิดที่แม้แต่วูล์ฟเองยังไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้ ถึงจะเข้าใจความรู้สึกของลูกครึ่งแวมไพร์ดีว่าเขาชิงชังการทดลองที่ชั่วร้ายของไรซิน แต่การนำอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานทำให้ไม่เกิดผลดี

    เทเลอร์ถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม ระหว่างคิดหาหนทางตักเตือนวลาร์ดเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ซึ่งเมื่อรับสายเขาจึงรู้ว่าผู้ติดต่อมาคือแอชเชอร์

“ครับท่าน” เทเลอร์รับคำหลังจากการอธิบายของอีกฝ่ายจบลงและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่ง “แน่ใจหรือครับว่าจะให้พวกเราทำแบบนั้น”

แอชเชอร์ตอบกลับมาสองสามคำ เทเลอร์จึงผงกศีรษะ

“รับทราบครับ ผมจะสั่งพวกเขาให้ออกปฏิบัติการทันที

เมื่อวางสายจากแอชเชอร์แล้วเทเลอร์จึงกดปุ่มโทรศัพท์ติดต่อภายในและกรอกคำสั่ง

“ให้สมิธ แฮมเมอร์ วลาร์ดกับวูล์ฟมาพบผมที่ห้องเดี๋ยวนี้”

นั่งรอไม่ถึงห้านาทีทั้งสี่จึงทยอยเข้ามาในห้อง เมื่อครบตามจำนวนเทเลอร์จึงเริ่มถ่ายทอด
สิ่งที่ได้ยินมาจากผู้นำองค์กร

“สายของคุณแอชเชอร์ได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างมา เขายืนยันว่านักธุรกิจที่ชื่อ สตีเฟ่น
พริ้นซ์ คือมนุษย์หมาป่าและเป็นหนึ่งในสมาชิกเลือดเก่าของอิลูมิเนติค”

    “ใช่พริ้นซ์ที่เป็นเจ้าของธุรกิจด้านการขนส่งหรือเปล่าครับ” สมิธถามและขมวดคิ้วเมื่อเทเลอร์ผงกศีรษะ “ไม่น่าเชื่อ เขาเป็นคนสุภาพ ใจบุญแต่ไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับใคร ผมเคยตามดูเขามาพักหนึ่งแต่ไม่มีอะไรบอกเลยว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่า”

    “คุณเคยเจอเขานอกบ้านในคืนพระจันทร์เต็มดวงหรือเปล่า” เทเลอร์ถาม สมิธพยักหน้ารับ

“สองหรือสามครั้ง ผมเฝ้าดูเขากว่าสามชั่วโมงก็ไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะกลายร่างเลยสักนิด”

“เขาอาจจะควบคุมพลังของตัวเองได้เหมือนหมาบ้าแถวนี้” วลาร์ดแทรกขึ้น วูล์ฟแอบแยกเขี้ยวและทำท่าจะขย้ำคอเพื่อนแต่ต้องหยุดเมื่อเห็นสายตาเทเลอร์

“ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบวูล์ฟ แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ในเรื่องการควบคุมพลัง ไม่ว่าจะยังไงพวกคุณลองไปสืบดู คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ถ้าเห็นอะไรผิดปรกติ ลงมือจัดการได้เลย”

“จะให้พวกเราบุกเข้าไปกำจัดเขาหรือครับ” ลูกครึ่งแวมไพร์ถาม เทเลอร์ส่ายหน้า

“ไม่ละผมอยากได้เขาแบบเป็นๆแล้วนำกลับมาที่นี่ ผมอยากรู้แหล่งกบดานของไรซินและที่ซ่อนของพวกอิลูมิเนติค”

“ถ้าเป็นสมาชิกขององค์กรนั่นจริงเขาคงไม่พูด” วลาร์ดแย้งเสียงเรียบ เทเลอร์มองหน้าเขาพร้อมกับสั่งเสียงเข้ม

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องหาวิธีเปิดปากเขา โดยไม่ใช้ดาบ”

“ไม่ใช้ดาบก็ต้องใช้กำลัง” หนุ่มหมาป่าพึมพำออกมาลอยๆก่อนจะหุบปากเงียบเมื่อเห็นสายตาของเทเลอร์

“ถึงพริ้นซ์จะเป็นมนุษย์หมาป่า แต่เขาก็เป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ถ้าพวกเธอทำอะไรเขารุนแรงเกินไปผลร้ายจะตกมาที่หน่วยของเรา เพราะฉะนั้นจงทำงานอย่างมีสติ อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ”

ประโยคสุดท้ายเขาหันมามองหน้าวลาร์ดโดยตรง เด็กหนุ่มเม้มปากเล็กน้อยก่อนรับคำเบาๆ

“ครับ”

“ออกไปทำงานได้” เทเลอร์สรุป ทั้งสี่จึงออกจากห้องตรงไปยังที่จอดรถโดยแยกกันนั่งไปคนละคัน สมิธกับวลาร์ดส่วนวูล์ฟไปกับแฮมเมอร์ ที่ต้องแยกกันเพราะหากฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวและส่งทีมเข้าขัดขวาง หนึ่งคันจะได้เป็นตัวล่อและอีกคันจะได้ไปถึงจุดหมาย

ดูเหมือนทางอิลูมิเนติคจะไม่ระแคะระคายถึงการมาของพวกนักล่า เพราะตลอดการเดินทางไม่มีใครมาขัดขวาง ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงรถทั้งสองคันจึงถึงที่หมาย หลังจากจอดในที่ลับตาคนแล้ววลาร์ดกับวูล์ฟจึงเข้าไปในคฤหาสถ์ส่วนสมิธแยกไปจัดการยามรอบบ้านในขณะที่
แฮมเมอร์คอยสังเกตการณ์อยู่หน้าประตู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่