นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 6 ข่าวร้ายกับความแค้นของวลาร์ด
http://ppantip.com/topic/30066103
บทที่ 7 จุดจบของร็อคนีย์
หลังจากนำตัววูล์ฟเข้าห้องฉุกเฉินและเฝ้าดูจนแน่ใจว่าเขาปลอดภัยดีแล้ววลาร์ดจึงไปหา
เทเลอร์ โดยระหว่างทางเขาได้แวะเข้าห้องทำงานของสมิธเพื่อหยิบแฟ้มสองสามเล่มจากนั้นจึงเดินไปยังห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยซึ่งเมื่อเปิดประตูเด็กหนุ่มก็ได้ยินเขาสั่ง
“นั่ง”
ลูกครึ่งแวมไพร์ปฏิบัติตาม คุณเทเลอร์กล่าวต่อเสียงเรียบ
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป”
“ครับ”วลาร์ดตอบสั้นๆ
“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงของเทเลอร์ราบเรียบเหมือนทุกครั้งแต่ลูกครึ่งแวมไพร์รู้ดีว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ หลังจากพยายามคิดหาคำพูดที่ฟังแล้วเหมาะสมสุดท้ายเด็กหนุ่มจึงนึกคำตอบได้แค่เพียง
“ผมอยากสานงานคุณสมิธให้เสร็จ”
“ฉันมอบหมายงานนั้นให้คนอื่นไปแล้ว อีกอย่างเธอเป็นนักล่ามีหน้าที่ต่อสู้และทำลายอมนุษย์ไม่ใช่ออกไปสอดแนมคนทั่วไปแบบนี้”
“ร็อคนีย์ไม่ใช่คนทั่วไป”วลาร์ดแย้ง เทเลอร์เคาะนิ้วลงบนแฟ้มที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะกล่าวพูดเสียงเข้ม
“เขาเป็นนักการเมืองคนสำคัญ การที่เธอบุกเข้าไปข่มขู่เขาแบบนี้ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร ถึงองค์กรของเราจะมีนักการเมืองหลายคนสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจ แม้แต่การสังหารมนุษย์กลายพันธุ์บางครั้งมันก็ต้องอยู่ในขอบเขต เพราะถ้าร็อคนีย์แกล้งปล่อยข่าวหน่วยงานของเราขึ้นมาคนเหล่านั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
เทเลอร์มองวลาร์ดที่กำลังทำสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตากลับฉายความเจ็บปวดออกมาจางๆ เขาถอนใจค่อนข้างยาวก่อนจะกล่าวต่อ
“ฉันเข้าใจดีว่าการจากไปของดิกสันกับสมิธสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะสมิธซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เก่าแก่และมีความสนิทสนมกับพวกเธอมาก แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าการจากไปของเขาจะทำให้คนใจเย็นอย่างเธอทำอะไรวู่วามไร้สติและขาดวินัยเช่นนั้”
ลูกครึ่งแวมไพร์ก้มหน้าลงคล้ายสำนึกผิด เทเลอร์ระบายลมหายใจออกมาเบาก่อนประสานมือไว้บนโต๊ะพร้อมกับถาม
“ทีนี้บอกฉันได้หรือยังว่าเธอไปที่นั่นทำไม”
วลาร์ดขมวดคิ้วเหมือนไม่อยากตอบแต่พอเขาเหลือบมองเทเลอร์และเห็นแววตาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างเห็นใจแล้วจึงเปลี่ยนใจ
“ผมโกรธที่ช่วยอะไรทุกคนไม่ได้”เด็กหนุ่มพูดเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
“ตั้งแต่คุณอันเดอร์ฮิล แอลลิสัน วิคตอเรียตลอดจนมาถึงคุณสมิธ”
เขาขยับมือไปกุมดาบและกำแน่น
“แล้วตอนนี้วูล์ฟยังมาป่วยเพราะความเลินเล่อของผมอีก”
“ไม่มีใครรู้ว่ามนุษย์หมาป่าตัวนั้นมีเชื้อแบคทีเรีย การที่วูล์ฟติดเชื้อไม่ได้เกิดมาจากความประมาทของเธอ”
เทเลอร์ขัด วลาร์ดส่ายหน้า
“ถ้าผมไม่ตัดสินใจจับเป็น มนุษย์หมาป่าตัวนั้นก็ไม่มีโอกาสอาละวาดทำร้ายใคร และวูล์ฟก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บ”
“มันเป็นคำสั่งของฉัน”เทเลอร์พูด “ฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ร็อคนีย์”
เขากลับไปที่คำถามเดิมอีกครั้ง วลาร์ดจึงเปิดหยิบภาพถ่ายจากแฟ้มเล่มหนึ่งยื่นส่งให้
“ผมติดใจภาพถ่ายของเขา จะเห็นว่ารูปด้านซ้ายใบหน้าของร็อคนีย์มีรอยจ้ำขนาดใหญ่”
เทเลอร์มองภาพตามที่ลูกครึ่งแวมไพร์บอกแล้วขมวดคิ้ว
“เขาอาจจะแพ้พวกละอองเกสร”
“ในข่าวบอกว่ารอยนั่นหายไปหลังจากที่เขาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำประมาณสองนาที”วลาร์ดพูดต่อ เทเลอร์จึงวางภาพทั้งสองลงบนโต๊ะและวางมือทับเอาไว้
“เธอต้องการจะบอกอะไร”
“สมิธเคยเฝ้าดูพฤติกรรมของร็อคนีย์มาพักหนึ่ง เขาไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนจนกระทั่งทางเราจับได้ว่าวิลสันเป็นมนุษย์หมาป่าและเป็นคนของอิลูมิเนติค”
“วิลสัน อดีตหัวหน้าหน่วยพิเศษขององค์กรใช่ไหม” เทเลอร์ถามพลางลูบคางอย่างใช้ความคิด “ตอนนั้นฉันเองก็สงสัยเขาเหมือนกันแต่เพราะคดีฆาตกรรมเมืองร็อคทาวน์ทำให้ไม่มีโอกาสได้สืบหาความจริง”
เขามองหน้าลูกครึ่งแวมไพร์
“แล้ววิลสันเกี่ยวข้องอะไรกับร็อคนีย์”
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบ รู้แต่กว่าหลังไรซินปรากฏตัวไม่นานร็อคนีย์ก็มีท่าทางแปลกไป แต่ยังไม่ทันได้สืบให้แน่ชัดคุณสมิธก็ถูกส่งไปทำงานด้านอื่น คุณอันเดอร์ฮิลเองก็เตรียมที่จะส่งเจ้าหน้าที่คนใหม่ไปเฝ้าดูแต่กลับมาถูกฆ่าตายเสียก่อน”
วลาร์ดสูดลมหายใจค่อนข้างลึกและระบายออกช้าๆเหมือนต้องการข่มความเศร้าที่กำลังพลุ่งขึ้นมาจากนั้นเขาจึงพูดต่อ
“ตอนที่เข้าไปในห้องคุณสมิธและเห็นรูปนี้ผมก็ฉุกคิดได้ว่ามันเหมือนกับการสลายตัวของพวกมนุษย์กลายพันธุ์ แต่จากการที่เนื้อเยื่อของเขาคืนสภาพกลับเป็นปรกติแสดงว่าร็อคนีย์ต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่องและคนที่จะทำแบบนั้นได้มีแต่ไรซิน”
“เธอจึงบุกเข้าไปในบ้านพักของร็อคนีย์”
“ครับ”วลาร์ดตอบพร้อมกับพยักหน้ารับ”ผมตั้งใจจะเค้นให้เขายอมบอกสถานที่นัดพบกับไรซิน แต่ถึงจะเป็นคนขี้ขลาดแต่ร็อคนีย์ก็ยังกลัวอิทธิพลของไรซินมากกว่า เพราะขนาดถูกดาบจ่อคอหอยเขายังไม่ยอมพูดอะไร”
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอเสียเวลาเปล่า”เทเลอร์กล่าวอย่างเคร่งขรึมแต่วลาร์ดกลับสั่นศีรษะ
“ก็ไม่เชิงหรอกครับเพราะการที่ผมบุกเข้าไปหาร็อคนีย์ในครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอิลูมิเนติคจริง “พูดพลางชี้ไปแถวบริเวณท้องแขนของตัวเอง”เขามีรอยสักจักษุดารา”
“งั้นก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรร้าย ฉันจะรีบแจ้งให้คุณแอชเชอร์ทราบ”
“คงไม่ทันหรอกครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดเมื่อเห็นเทเลอร์ขยับจะหยิบโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้ว
“เพราะอะไร”
“ระหว่างที่คาดคั้นร็อคนีย์ผมสังเกตเห็นเงาสะท้อนมาจากอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ ถึงจะแค่แวบเดียวแต่ผมก็แน่ใจว่าเราถูกจับตามอง และถ้าคนเหล่านั้นเป็นพวกอันเทสต์ ป่านนี้ไรซินคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
“นี่เธอกำลังจะบอกว่าร็อคนีย์อาจถูกกำจัด”
“ครับ ถึงไม่ยอมบอก ไรซินก็คงไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไป ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเราคงได้ยินข่าวการตายของเขา”
*/*/*/*/*
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 7 จุดจบของร็อคนีย์
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 6 ข่าวร้ายกับความแค้นของวลาร์ด
http://ppantip.com/topic/30066103
บทที่ 7 จุดจบของร็อคนีย์
หลังจากนำตัววูล์ฟเข้าห้องฉุกเฉินและเฝ้าดูจนแน่ใจว่าเขาปลอดภัยดีแล้ววลาร์ดจึงไปหา
เทเลอร์ โดยระหว่างทางเขาได้แวะเข้าห้องทำงานของสมิธเพื่อหยิบแฟ้มสองสามเล่มจากนั้นจึงเดินไปยังห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยซึ่งเมื่อเปิดประตูเด็กหนุ่มก็ได้ยินเขาสั่ง
“นั่ง”
ลูกครึ่งแวมไพร์ปฏิบัติตาม คุณเทเลอร์กล่าวต่อเสียงเรียบ
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป”
“ครับ”วลาร์ดตอบสั้นๆ
“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงของเทเลอร์ราบเรียบเหมือนทุกครั้งแต่ลูกครึ่งแวมไพร์รู้ดีว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ หลังจากพยายามคิดหาคำพูดที่ฟังแล้วเหมาะสมสุดท้ายเด็กหนุ่มจึงนึกคำตอบได้แค่เพียง
“ผมอยากสานงานคุณสมิธให้เสร็จ”
“ฉันมอบหมายงานนั้นให้คนอื่นไปแล้ว อีกอย่างเธอเป็นนักล่ามีหน้าที่ต่อสู้และทำลายอมนุษย์ไม่ใช่ออกไปสอดแนมคนทั่วไปแบบนี้”
“ร็อคนีย์ไม่ใช่คนทั่วไป”วลาร์ดแย้ง เทเลอร์เคาะนิ้วลงบนแฟ้มที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะกล่าวพูดเสียงเข้ม
“เขาเป็นนักการเมืองคนสำคัญ การที่เธอบุกเข้าไปข่มขู่เขาแบบนี้ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร ถึงองค์กรของเราจะมีนักการเมืองหลายคนสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจ แม้แต่การสังหารมนุษย์กลายพันธุ์บางครั้งมันก็ต้องอยู่ในขอบเขต เพราะถ้าร็อคนีย์แกล้งปล่อยข่าวหน่วยงานของเราขึ้นมาคนเหล่านั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
เทเลอร์มองวลาร์ดที่กำลังทำสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตากลับฉายความเจ็บปวดออกมาจางๆ เขาถอนใจค่อนข้างยาวก่อนจะกล่าวต่อ
“ฉันเข้าใจดีว่าการจากไปของดิกสันกับสมิธสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะสมิธซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เก่าแก่และมีความสนิทสนมกับพวกเธอมาก แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าการจากไปของเขาจะทำให้คนใจเย็นอย่างเธอทำอะไรวู่วามไร้สติและขาดวินัยเช่นนั้”
ลูกครึ่งแวมไพร์ก้มหน้าลงคล้ายสำนึกผิด เทเลอร์ระบายลมหายใจออกมาเบาก่อนประสานมือไว้บนโต๊ะพร้อมกับถาม
“ทีนี้บอกฉันได้หรือยังว่าเธอไปที่นั่นทำไม”
วลาร์ดขมวดคิ้วเหมือนไม่อยากตอบแต่พอเขาเหลือบมองเทเลอร์และเห็นแววตาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างเห็นใจแล้วจึงเปลี่ยนใจ
“ผมโกรธที่ช่วยอะไรทุกคนไม่ได้”เด็กหนุ่มพูดเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
“ตั้งแต่คุณอันเดอร์ฮิล แอลลิสัน วิคตอเรียตลอดจนมาถึงคุณสมิธ”
เขาขยับมือไปกุมดาบและกำแน่น
“แล้วตอนนี้วูล์ฟยังมาป่วยเพราะความเลินเล่อของผมอีก”
“ไม่มีใครรู้ว่ามนุษย์หมาป่าตัวนั้นมีเชื้อแบคทีเรีย การที่วูล์ฟติดเชื้อไม่ได้เกิดมาจากความประมาทของเธอ”
เทเลอร์ขัด วลาร์ดส่ายหน้า
“ถ้าผมไม่ตัดสินใจจับเป็น มนุษย์หมาป่าตัวนั้นก็ไม่มีโอกาสอาละวาดทำร้ายใคร และวูล์ฟก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บ”
“มันเป็นคำสั่งของฉัน”เทเลอร์พูด “ฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ร็อคนีย์”
เขากลับไปที่คำถามเดิมอีกครั้ง วลาร์ดจึงเปิดหยิบภาพถ่ายจากแฟ้มเล่มหนึ่งยื่นส่งให้
“ผมติดใจภาพถ่ายของเขา จะเห็นว่ารูปด้านซ้ายใบหน้าของร็อคนีย์มีรอยจ้ำขนาดใหญ่”
เทเลอร์มองภาพตามที่ลูกครึ่งแวมไพร์บอกแล้วขมวดคิ้ว
“เขาอาจจะแพ้พวกละอองเกสร”
“ในข่าวบอกว่ารอยนั่นหายไปหลังจากที่เขาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำประมาณสองนาที”วลาร์ดพูดต่อ เทเลอร์จึงวางภาพทั้งสองลงบนโต๊ะและวางมือทับเอาไว้
“เธอต้องการจะบอกอะไร”
“สมิธเคยเฝ้าดูพฤติกรรมของร็อคนีย์มาพักหนึ่ง เขาไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนจนกระทั่งทางเราจับได้ว่าวิลสันเป็นมนุษย์หมาป่าและเป็นคนของอิลูมิเนติค”
“วิลสัน อดีตหัวหน้าหน่วยพิเศษขององค์กรใช่ไหม” เทเลอร์ถามพลางลูบคางอย่างใช้ความคิด “ตอนนั้นฉันเองก็สงสัยเขาเหมือนกันแต่เพราะคดีฆาตกรรมเมืองร็อคทาวน์ทำให้ไม่มีโอกาสได้สืบหาความจริง”
เขามองหน้าลูกครึ่งแวมไพร์
“แล้ววิลสันเกี่ยวข้องอะไรกับร็อคนีย์”
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบ รู้แต่กว่าหลังไรซินปรากฏตัวไม่นานร็อคนีย์ก็มีท่าทางแปลกไป แต่ยังไม่ทันได้สืบให้แน่ชัดคุณสมิธก็ถูกส่งไปทำงานด้านอื่น คุณอันเดอร์ฮิลเองก็เตรียมที่จะส่งเจ้าหน้าที่คนใหม่ไปเฝ้าดูแต่กลับมาถูกฆ่าตายเสียก่อน”
วลาร์ดสูดลมหายใจค่อนข้างลึกและระบายออกช้าๆเหมือนต้องการข่มความเศร้าที่กำลังพลุ่งขึ้นมาจากนั้นเขาจึงพูดต่อ
“ตอนที่เข้าไปในห้องคุณสมิธและเห็นรูปนี้ผมก็ฉุกคิดได้ว่ามันเหมือนกับการสลายตัวของพวกมนุษย์กลายพันธุ์ แต่จากการที่เนื้อเยื่อของเขาคืนสภาพกลับเป็นปรกติแสดงว่าร็อคนีย์ต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่องและคนที่จะทำแบบนั้นได้มีแต่ไรซิน”
“เธอจึงบุกเข้าไปในบ้านพักของร็อคนีย์”
“ครับ”วลาร์ดตอบพร้อมกับพยักหน้ารับ”ผมตั้งใจจะเค้นให้เขายอมบอกสถานที่นัดพบกับไรซิน แต่ถึงจะเป็นคนขี้ขลาดแต่ร็อคนีย์ก็ยังกลัวอิทธิพลของไรซินมากกว่า เพราะขนาดถูกดาบจ่อคอหอยเขายังไม่ยอมพูดอะไร”
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอเสียเวลาเปล่า”เทเลอร์กล่าวอย่างเคร่งขรึมแต่วลาร์ดกลับสั่นศีรษะ
“ก็ไม่เชิงหรอกครับเพราะการที่ผมบุกเข้าไปหาร็อคนีย์ในครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอิลูมิเนติคจริง “พูดพลางชี้ไปแถวบริเวณท้องแขนของตัวเอง”เขามีรอยสักจักษุดารา”
“งั้นก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรร้าย ฉันจะรีบแจ้งให้คุณแอชเชอร์ทราบ”
“คงไม่ทันหรอกครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดเมื่อเห็นเทเลอร์ขยับจะหยิบโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้ว
“เพราะอะไร”
“ระหว่างที่คาดคั้นร็อคนีย์ผมสังเกตเห็นเงาสะท้อนมาจากอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ ถึงจะแค่แวบเดียวแต่ผมก็แน่ใจว่าเราถูกจับตามอง และถ้าคนเหล่านั้นเป็นพวกอันเทสต์ ป่านนี้ไรซินคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
“นี่เธอกำลังจะบอกว่าร็อคนีย์อาจถูกกำจัด”
“ครับ ถึงไม่ยอมบอก ไรซินก็คงไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไป ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเราคงได้ยินข่าวการตายของเขา”
*/*/*/*/*