นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 13 คำชักชวน
http://ppantip.com/topic/30189262
บทที่ 14 เป้าล่อ
เสียงซู่ซ่าของใบไม้ยามต้องกระแสลมทำให้หญิงสาวสองคนที่กำลังเดินหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานต้องหยุดชะงักและหันมองรอบตัวด้วยความหวาดระแวง เมื่อไม่พบสิ่งผิดปรกติทั้งคู่จึงเริ่มออกเดินแต่ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแสกสากดังมาจากพุ่มไม้ไม่ห่างจากพวกเธอเท่าใดนัก สองสาวจึงหันไปมองและถอนใจออกมาพร้อมกันเพราะเจ้าของเสียงคือสุนัขจิ้งจอกกำลังมุดหัวลงไปในถังขยะ หญิงสาวคนหนึ่งจึงหัวเราะ
“ตกใจแทบแย่ที่แท้ก็”
คำพูดของเธอหยุดอยู่แค่นั้น เพื่อนที่มาด้วยกันจึงหันไปมองและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังยืนตกตะลึงอ้าปากค้างจ้องอะไรบางอย่างแถวถังขยะ ความสงสัยเธอจึงหันหน้าไปมองและต้องยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกเพราะสิ่งที่เห็นไม่ใช่สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยแต่กลับเป็นอะไรบางอย่างคล้ายคนแต่มีรูปร่างสูงใหญ่ดำทะมึน สิ่งที่สร้างความสยองขวัญมากกว่าก็คือใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวราวอสูรร้าย ยิ่งเมื่อมันส่งเสียงร้องคำราม หญิงสาวก็รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมาถึงไขสันหลัง ความหวาดกลัวทำให้พวกเธอตกตะลึงยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกายแต่พอปิศาจร้ายแยกเขี้ยวคำรามอีกครั้งหญิงสาวทั้งสองจึงทิ้งข้าวของที่ถือมาทั้งหมดแล้ววิ่งหนีสุดชีวิตพร้อมกับกรีดร้อง
“ปิศาจ!”
*/*/*/*/*
หลังจากอ่านแฟ้มข้อมูลส่วนบุคคลของนักธุรกิจที่เสียชีวิตติดต่อกันห้ารายแล้วเทเลอร์ค่อยๆเอนตัวพิงพนักพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด เพราะเบื้องหน้าของคนเหล่านี้คือเจ้าของธุรกิจมูลค่ามหาศาลแต่เมื่อสายของเขาสืบลึกลงไปกลับพบว่าทุกคนมีส่วนพัวพันกับองค์กรลึกลับและจะเดินทางออกจากเมืองเกือบจะพร้อมกันทุกวันที่สิบสามของเดือน ดังนั้นข้อสงสัยของวลาร์ดที่ว่านักธุรกิจเหล่านี้อาจทำงานให้กับอิลูมิเนติคจึงมีน้ำหนัก เมื่อเขาเสนอความคิดนี้ไปยังแอชเชอร์ก็ได้รับความเห็นชอบด้วย ตอนนี้งานของหน่วยนักล่านอกจากจะคอยกำจัดอสูรกับมนุษย์กลายพันธุ์และสืบหาห้องทดลองของไรซินแล้ว ยังต้องหาข้อมูลนักธุรกิจว่าคนไหนมีพฤติกรรมผิดปรกติส่วนทางด้านนักการเมือง ส่วนกลางจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
เทเลอร์หยิบแฟ้มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผู้ประกอบการสิ่งทอจำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อจะหาข้อมูลเพิ่มเติมแต่ยังไม่ทันได้ลงมือเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หัวหน้าหน่วยนักล่าจึงเอื้อมมือไปรับสายเมื่อฟังอีกฝ่ายรายงานจนจบเขาจึงถามกลับไปสองสามคำจากนั้นจึงวางหูลงและหันไปกดปุ่มโทรศัพท์ติดต่อภายใน
“ให้วลาร์ดกับวูล์ฟมาพบผมที่ห้อง”
ไม่ถึงสามนาทีนักล่าทั้งสองก็ก้าวเข้ามาในห้องแต่ยังไม่ทันจะได้นั่งเทเลอร์ก็พูดขึ้น
“สายของเรารายงานมาว่าพบมนุษย์กลายพันธุ์ในสวนสาธารณะ”
วูล์ฟชะงักกึกส่วนวลาร์ดยังคงหย่อนตัวลงนั่งเหมือนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
“ทางตำรวจว่ายังไงครับ” เขาถาม เทเลอร์ส่ายหน้า
“พวกเขายังไม่รู้เรื่องนี้”
“เหลือเชื่อ มนุษย์กลายพันธุ์ไม่ใช่ตัวเล็กๆ ต่อให้อยู่ในสวนสาธารณะก็ไม่มีทางรอดตาคนไปได้”
วูล์ฟพูดขึ้นมาบ้าง เทเลอร์จึงโน้มตัวมาข้างหน้ามือประสานกันไว้บนโต๊ะก่อนอธิบาย
“ที่ไม่รู้เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ตัวนี้เอาแต่เดินวนเวียนอยู่ในสวนสาธารณะจนกระทั่งมีผู้หญิงสองคนไปเจอ โชคดีที่ตำรวจที่พวกเธอพบเป็นสายของเรา เขาจึงรีบรายงานมาโดยไม่แจ้งกลับศูนย์”
“แล้วตอนนี้อมนุษย์ตัวนั้นกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ” วลาร์ดถาม เทเลอร์สั่นศีรษะ
“ไม่ทำอะไรเลย มันเอาแต่เดินกลับไปกลับมาแล้วส่งเสียงหอนเหมือนสุนัข”
คำตอบของหัวหน้าทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์นั่งคิด สักพักเขาจึงพูดเสียงเรียบ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องออกไป”
ทั้งเทเลอร์และวูล์ฟหันไปมองวลาร์ดพร้อมกัน
“ทำไม”
“เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ตัวนี้ถูกส่งมาเพื่อล่อผมกับวูล์ฟ”
“นายรู้ได้ยังไง” หนุ่มหมาป่าถาม ลูกครึ่งแวมไพร์จึงอธิบาย
“จากพฤติกรรมของมัน เจ้านี่เอาแต่เดินวนกับส่งเสียงเห่าหอน แสดงว่าเขาอาจจะเป็นคนธรรมดาที่ถูกไรซินฉีดยาบางอย่างให้กลายสภาพ”
เทเลอร์นิ่วหน้าพลางคิดตามเมื่อฟังเหตุผล เขามองหน้าวลาร์ดแล้วถาม
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น”
“เพราะผมกับวูล์ฟติดเชื้อจากมนุษย์หมาป่ามาเกือบสองอาทิตย์ ไรซินคงคิดว่าเราสองคนคงป่วยจนออกไปทำงานไม่ไหว แต่เพื่อความมั่นใจเขาเลยส่งมนุษย์กลายพันธุ์ออกมาเพื่อทดสอบ”
“ซึ่งถ้าพวกเธอออกไปไรซินก็จะรู้ทันทีว่าแบคทีเรียของเขาไม่ได้ผล” เทเลอร์พูดและเคาะนิ้วเบาๆเมื่อวลาร์ดผงกศีรษะรับ
“ถ้าเธอสองคนไม่ออกไป แล้วจะให้ใครมาทำหน้าที่นี้”
“แฮมเมอร์ไงครับ” วูล์ฟรีบเสนอ “เขาเคยช่วยวิคตอเรียสู้กับมนุษย์หมาป่า”
“ถึงจะเคยเป็นนาวิกโยธินมาก่อนแต่แฮมเมอร์ก็เป็นแค่คนธรรมดา” เทเลอร์ค้านแต่
วลาร์ดกลับส่ายหน้า
“มนุษย์กลายพันธุ์ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวล่อ มันไม่แข็งแรงพอจะต่อสู้กับใคร แค่ปืนกับเครื่องช็อตไฟฟ้าก็จัดการมันได้แล้วครับ”
“เธอแน่ใจอย่างนั้นหรือ”
“ถ้ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ว่านั่นบ้าพลังเหมือนใครบางคนแถวนี้ คงฉีกต้นไม้หมดสวนไปแล้ว”
เทเลอร์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะผงกศีรษะช้าๆและเลื่อนมือไปยังโทรศัพท์ติดต่อภายใน
“ให้แฮมเมอร์กับสตีฟมาพบผมที่ห้อง”
เขาเลื่อนมือออกจากปุ่มและหันกลับไปที่วลาร์ด
“อยู่ที่นี่ก่อน เธอต้องให้คำแนะนำพวกเขาว่าควรทำยังไง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ เมื่อกล่าวคำอนุญาตแฮมเมอร์กับสตีฟจึงก้าวเข้ามาในห้อง ทั้งสองเอ่ยคำทักทายวลาร์ดกับวูล์ฟก่อนนั่งลงและมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อรู้ว่าพวกเขาจะต้องทำหน้าที่เป็นนักล่าชั่วคราว
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 14 เป้าล่อ (พร้อมอวดปกภาคสามค่ะ)
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 13 คำชักชวน
http://ppantip.com/topic/30189262
บทที่ 14 เป้าล่อ
เสียงซู่ซ่าของใบไม้ยามต้องกระแสลมทำให้หญิงสาวสองคนที่กำลังเดินหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานต้องหยุดชะงักและหันมองรอบตัวด้วยความหวาดระแวง เมื่อไม่พบสิ่งผิดปรกติทั้งคู่จึงเริ่มออกเดินแต่ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแสกสากดังมาจากพุ่มไม้ไม่ห่างจากพวกเธอเท่าใดนัก สองสาวจึงหันไปมองและถอนใจออกมาพร้อมกันเพราะเจ้าของเสียงคือสุนัขจิ้งจอกกำลังมุดหัวลงไปในถังขยะ หญิงสาวคนหนึ่งจึงหัวเราะ
“ตกใจแทบแย่ที่แท้ก็”
คำพูดของเธอหยุดอยู่แค่นั้น เพื่อนที่มาด้วยกันจึงหันไปมองและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังยืนตกตะลึงอ้าปากค้างจ้องอะไรบางอย่างแถวถังขยะ ความสงสัยเธอจึงหันหน้าไปมองและต้องยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกเพราะสิ่งที่เห็นไม่ใช่สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยแต่กลับเป็นอะไรบางอย่างคล้ายคนแต่มีรูปร่างสูงใหญ่ดำทะมึน สิ่งที่สร้างความสยองขวัญมากกว่าก็คือใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวราวอสูรร้าย ยิ่งเมื่อมันส่งเสียงร้องคำราม หญิงสาวก็รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมาถึงไขสันหลัง ความหวาดกลัวทำให้พวกเธอตกตะลึงยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกายแต่พอปิศาจร้ายแยกเขี้ยวคำรามอีกครั้งหญิงสาวทั้งสองจึงทิ้งข้าวของที่ถือมาทั้งหมดแล้ววิ่งหนีสุดชีวิตพร้อมกับกรีดร้อง
“ปิศาจ!”
*/*/*/*/*
หลังจากอ่านแฟ้มข้อมูลส่วนบุคคลของนักธุรกิจที่เสียชีวิตติดต่อกันห้ารายแล้วเทเลอร์ค่อยๆเอนตัวพิงพนักพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด เพราะเบื้องหน้าของคนเหล่านี้คือเจ้าของธุรกิจมูลค่ามหาศาลแต่เมื่อสายของเขาสืบลึกลงไปกลับพบว่าทุกคนมีส่วนพัวพันกับองค์กรลึกลับและจะเดินทางออกจากเมืองเกือบจะพร้อมกันทุกวันที่สิบสามของเดือน ดังนั้นข้อสงสัยของวลาร์ดที่ว่านักธุรกิจเหล่านี้อาจทำงานให้กับอิลูมิเนติคจึงมีน้ำหนัก เมื่อเขาเสนอความคิดนี้ไปยังแอชเชอร์ก็ได้รับความเห็นชอบด้วย ตอนนี้งานของหน่วยนักล่านอกจากจะคอยกำจัดอสูรกับมนุษย์กลายพันธุ์และสืบหาห้องทดลองของไรซินแล้ว ยังต้องหาข้อมูลนักธุรกิจว่าคนไหนมีพฤติกรรมผิดปรกติส่วนทางด้านนักการเมือง ส่วนกลางจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
เทเลอร์หยิบแฟ้มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผู้ประกอบการสิ่งทอจำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อจะหาข้อมูลเพิ่มเติมแต่ยังไม่ทันได้ลงมือเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หัวหน้าหน่วยนักล่าจึงเอื้อมมือไปรับสายเมื่อฟังอีกฝ่ายรายงานจนจบเขาจึงถามกลับไปสองสามคำจากนั้นจึงวางหูลงและหันไปกดปุ่มโทรศัพท์ติดต่อภายใน
“ให้วลาร์ดกับวูล์ฟมาพบผมที่ห้อง”
ไม่ถึงสามนาทีนักล่าทั้งสองก็ก้าวเข้ามาในห้องแต่ยังไม่ทันจะได้นั่งเทเลอร์ก็พูดขึ้น
“สายของเรารายงานมาว่าพบมนุษย์กลายพันธุ์ในสวนสาธารณะ”
วูล์ฟชะงักกึกส่วนวลาร์ดยังคงหย่อนตัวลงนั่งเหมือนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
“ทางตำรวจว่ายังไงครับ” เขาถาม เทเลอร์ส่ายหน้า
“พวกเขายังไม่รู้เรื่องนี้”
“เหลือเชื่อ มนุษย์กลายพันธุ์ไม่ใช่ตัวเล็กๆ ต่อให้อยู่ในสวนสาธารณะก็ไม่มีทางรอดตาคนไปได้”
วูล์ฟพูดขึ้นมาบ้าง เทเลอร์จึงโน้มตัวมาข้างหน้ามือประสานกันไว้บนโต๊ะก่อนอธิบาย
“ที่ไม่รู้เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ตัวนี้เอาแต่เดินวนเวียนอยู่ในสวนสาธารณะจนกระทั่งมีผู้หญิงสองคนไปเจอ โชคดีที่ตำรวจที่พวกเธอพบเป็นสายของเรา เขาจึงรีบรายงานมาโดยไม่แจ้งกลับศูนย์”
“แล้วตอนนี้อมนุษย์ตัวนั้นกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ” วลาร์ดถาม เทเลอร์สั่นศีรษะ
“ไม่ทำอะไรเลย มันเอาแต่เดินกลับไปกลับมาแล้วส่งเสียงหอนเหมือนสุนัข”
คำตอบของหัวหน้าทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์นั่งคิด สักพักเขาจึงพูดเสียงเรียบ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องออกไป”
ทั้งเทเลอร์และวูล์ฟหันไปมองวลาร์ดพร้อมกัน
“ทำไม”
“เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ตัวนี้ถูกส่งมาเพื่อล่อผมกับวูล์ฟ”
“นายรู้ได้ยังไง” หนุ่มหมาป่าถาม ลูกครึ่งแวมไพร์จึงอธิบาย
“จากพฤติกรรมของมัน เจ้านี่เอาแต่เดินวนกับส่งเสียงเห่าหอน แสดงว่าเขาอาจจะเป็นคนธรรมดาที่ถูกไรซินฉีดยาบางอย่างให้กลายสภาพ”
เทเลอร์นิ่วหน้าพลางคิดตามเมื่อฟังเหตุผล เขามองหน้าวลาร์ดแล้วถาม
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น”
“เพราะผมกับวูล์ฟติดเชื้อจากมนุษย์หมาป่ามาเกือบสองอาทิตย์ ไรซินคงคิดว่าเราสองคนคงป่วยจนออกไปทำงานไม่ไหว แต่เพื่อความมั่นใจเขาเลยส่งมนุษย์กลายพันธุ์ออกมาเพื่อทดสอบ”
“ซึ่งถ้าพวกเธอออกไปไรซินก็จะรู้ทันทีว่าแบคทีเรียของเขาไม่ได้ผล” เทเลอร์พูดและเคาะนิ้วเบาๆเมื่อวลาร์ดผงกศีรษะรับ
“ถ้าเธอสองคนไม่ออกไป แล้วจะให้ใครมาทำหน้าที่นี้”
“แฮมเมอร์ไงครับ” วูล์ฟรีบเสนอ “เขาเคยช่วยวิคตอเรียสู้กับมนุษย์หมาป่า”
“ถึงจะเคยเป็นนาวิกโยธินมาก่อนแต่แฮมเมอร์ก็เป็นแค่คนธรรมดา” เทเลอร์ค้านแต่
วลาร์ดกลับส่ายหน้า
“มนุษย์กลายพันธุ์ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวล่อ มันไม่แข็งแรงพอจะต่อสู้กับใคร แค่ปืนกับเครื่องช็อตไฟฟ้าก็จัดการมันได้แล้วครับ”
“เธอแน่ใจอย่างนั้นหรือ”
“ถ้ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ว่านั่นบ้าพลังเหมือนใครบางคนแถวนี้ คงฉีกต้นไม้หมดสวนไปแล้ว”
เทเลอร์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะผงกศีรษะช้าๆและเลื่อนมือไปยังโทรศัพท์ติดต่อภายใน
“ให้แฮมเมอร์กับสตีฟมาพบผมที่ห้อง”
เขาเลื่อนมือออกจากปุ่มและหันกลับไปที่วลาร์ด
“อยู่ที่นี่ก่อน เธอต้องให้คำแนะนำพวกเขาว่าควรทำยังไง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ เมื่อกล่าวคำอนุญาตแฮมเมอร์กับสตีฟจึงก้าวเข้ามาในห้อง ทั้งสองเอ่ยคำทักทายวลาร์ดกับวูล์ฟก่อนนั่งลงและมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อรู้ว่าพวกเขาจะต้องทำหน้าที่เป็นนักล่าชั่วคราว