เห็นมีฝ่ายค้านดะ กระแนะกระแหน ไอเดียของ รมต.ชัชชาติ เกี๋ยวกับเรื่องนี้ ถากถางเยาะเย้ยราวเป็นเรื่องขบขัน ว่า เป็นไปไม่ได้ เงินเดือนต้องเป็นแสน
จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะนำเสนออะไรมากนัก? เพราะอาจจะเสียเวลาเปล่า เขียนไปก็ไม่อ่าน พอถึงเวลาก็วนลูป เอาประเด็นเดิมๆ มาโพสต์อีก เช่น เรื่องการขนส่งผักผลไม้ ที่เน่าเสียง่ายต้องแข่งกับเวลา
เข้าประเด็นดีกว่า ที่ท่านชัชชาติ โยนประเด็นว่า "บ้านอยู่โคราช นั่งรถไฟความเร็วสูงมาทำงาน กทม. ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ" นั้นเพ้อเจ้อหรือไม่?
สำหรับผมเห็นว่าเป็นไปได้ และสนับสนุนแนวคิดนี้ด้วย
หลายคนห่วงเรื่องราคาว่า เงินเดือนจะหมดไปกับค่าเดินทาง??
อันนี้ รัฐบาลที่มีปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายๆ ก็คือการลดราคาให้สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ในรูประบบตั๋วเดือน เหมาจ่ายแบบลดราคาให้มากๆ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นเหล่านี้ เช่น ตั๋วเดือนไปกลับ เดือนละ 3-5 พันบาท
ไหนๆ โครงการเหล่านี้ก็ทำเพื่อประชาชนอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ทำไมจะทำไม่ได้?
ดีเสียอีกจะเป็นการการันตีว่า ในวันหนึ่งๆ รถไฟจะมีผู้โดยสารไปและกลับในจำนวนหนึ่งๆ ที่แน่นอน ดีกว่าปล่อยให้ที่นั่งว่าง
สิ่งที่จะได้กับประชาชนอย่างมากเลยก็คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ ก็สามารถปร๋อกลับไปบ้านหลังเลิกงานได้ ถ้าเป็นคนทำงานปกติ สองหรือสามทุ่มก็ถึงบ้านแล้ว กลับไปกินข้าวมื่อค่ำ มื้อดึก กับครอบครัว ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตามาขึ้นในวันหยุด
ใครมีพ่อแม่ แก่เฒ่าที่ต้องดูแล ก็ไม่ต้องห่วงพะวง ว่าวันหยุดจะต้องโหนรถไฟ เบียดเสียดขึ้นรถเมล์กลับไปเยี่ยมบ้าน หน้าเทศกาล ความแออัดก็จะลดลง เพราะคนอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกันเสียส่วนหนึ่ง
คนก็ไม่ต้องมากระจุกตัว เช่าหอพัก ห้องเช่าเท่ารูหนู อุดอู้ เบียดเสียด แย่งกันกินกันใช้
เป็นการระบายความแออัดคับคั่งของเมืองหลวงได้อีกทาง
ถ้าโครงการนี้เสร็จ และผมยังมีบุญวาสนาได้นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง และรัฐบาลผลักดันโครงการตั๋วเดือนที่ผมว่านี้ได้สำเร็จ
ผมคนหนึ่งละที่จะย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ชลบุรี และนั่งรถไฟฟ้ามาทำงานทุกวัน
ทุกวันนี้เลิกงานสี่ห้าโมง ก็ถึงบ้านสองสามทุ่มเหมือนกัน กลับไปอยู่เมืองชลได้ดูแลพ่อแม่ได้ด้วย เสาร์ อาทิตย์ ผมจะได้มีโอกาสดูฟุตบอลทีมชลบุรีแข่งได้บ้าง
เห็นมั้ยล่ะครับ ว่า คนเราถ้าคิดอย่างสร้างสรรค์ ต่อยอด มันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อยอดไปมากมาย ถ้าคิดในแง่ลบจ้องแต่จะโจมตี เขาอ้าปากมันก็หัวเราะเยาะดักหน้าเขาเสียแล้ว สมง สมองมีไม่ยอมคิดต่อ
มันก็ดักดาน ไม่ไปไหน อยู่อย่างนั้นแหละ
หรือใครจะมีความเห็นแย้ง ในสิ่งที่ผมเสนอก็เชิญโต้แย้ง ถกแถลงกันตามอัธยาศัย ได้เลยครับ
บ้านอยู่โคราช นั่งรถไฟความเร็วสูงมาทำงานที่ กทม.แบบเช้าไปเย็นกลับ เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ หรือไม่?
จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะนำเสนออะไรมากนัก? เพราะอาจจะเสียเวลาเปล่า เขียนไปก็ไม่อ่าน พอถึงเวลาก็วนลูป เอาประเด็นเดิมๆ มาโพสต์อีก เช่น เรื่องการขนส่งผักผลไม้ ที่เน่าเสียง่ายต้องแข่งกับเวลา
เข้าประเด็นดีกว่า ที่ท่านชัชชาติ โยนประเด็นว่า "บ้านอยู่โคราช นั่งรถไฟความเร็วสูงมาทำงาน กทม. ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ" นั้นเพ้อเจ้อหรือไม่?
สำหรับผมเห็นว่าเป็นไปได้ และสนับสนุนแนวคิดนี้ด้วย
หลายคนห่วงเรื่องราคาว่า เงินเดือนจะหมดไปกับค่าเดินทาง??
อันนี้ รัฐบาลที่มีปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายๆ ก็คือการลดราคาให้สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ในรูประบบตั๋วเดือน เหมาจ่ายแบบลดราคาให้มากๆ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นเหล่านี้ เช่น ตั๋วเดือนไปกลับ เดือนละ 3-5 พันบาท
ไหนๆ โครงการเหล่านี้ก็ทำเพื่อประชาชนอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ทำไมจะทำไม่ได้?
ดีเสียอีกจะเป็นการการันตีว่า ในวันหนึ่งๆ รถไฟจะมีผู้โดยสารไปและกลับในจำนวนหนึ่งๆ ที่แน่นอน ดีกว่าปล่อยให้ที่นั่งว่าง
สิ่งที่จะได้กับประชาชนอย่างมากเลยก็คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ ก็สามารถปร๋อกลับไปบ้านหลังเลิกงานได้ ถ้าเป็นคนทำงานปกติ สองหรือสามทุ่มก็ถึงบ้านแล้ว กลับไปกินข้าวมื่อค่ำ มื้อดึก กับครอบครัว ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตามาขึ้นในวันหยุด
ใครมีพ่อแม่ แก่เฒ่าที่ต้องดูแล ก็ไม่ต้องห่วงพะวง ว่าวันหยุดจะต้องโหนรถไฟ เบียดเสียดขึ้นรถเมล์กลับไปเยี่ยมบ้าน หน้าเทศกาล ความแออัดก็จะลดลง เพราะคนอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกันเสียส่วนหนึ่ง
คนก็ไม่ต้องมากระจุกตัว เช่าหอพัก ห้องเช่าเท่ารูหนู อุดอู้ เบียดเสียด แย่งกันกินกันใช้
เป็นการระบายความแออัดคับคั่งของเมืองหลวงได้อีกทาง
ถ้าโครงการนี้เสร็จ และผมยังมีบุญวาสนาได้นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง และรัฐบาลผลักดันโครงการตั๋วเดือนที่ผมว่านี้ได้สำเร็จ
ผมคนหนึ่งละที่จะย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ชลบุรี และนั่งรถไฟฟ้ามาทำงานทุกวัน
ทุกวันนี้เลิกงานสี่ห้าโมง ก็ถึงบ้านสองสามทุ่มเหมือนกัน กลับไปอยู่เมืองชลได้ดูแลพ่อแม่ได้ด้วย เสาร์ อาทิตย์ ผมจะได้มีโอกาสดูฟุตบอลทีมชลบุรีแข่งได้บ้าง
เห็นมั้ยล่ะครับ ว่า คนเราถ้าคิดอย่างสร้างสรรค์ ต่อยอด มันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อยอดไปมากมาย ถ้าคิดในแง่ลบจ้องแต่จะโจมตี เขาอ้าปากมันก็หัวเราะเยาะดักหน้าเขาเสียแล้ว สมง สมองมีไม่ยอมคิดต่อ
มันก็ดักดาน ไม่ไปไหน อยู่อย่างนั้นแหละ
หรือใครจะมีความเห็นแย้ง ในสิ่งที่ผมเสนอก็เชิญโต้แย้ง ถกแถลงกันตามอัธยาศัย ได้เลยครับ