555555555ไม่ใช่ของรัฐบาลนายกยิ่งรักนะครับ แต่เป้นการทุจริตในสมัยนายอภิสิดครับ
ทั้งนายไตรรงค์/และคู่หู่ต่างพรรคนางทิวา..ส่อฮั้วประมูลและทำให้รัฐเสียหาย2700ล้านบาท
เอ้า..น้าม้า..มาช่วยปกป้องผลประโยชน์ของชาติด้วยครัย...หรือว่า เรื่องนี้.."ยังไม่ได้รับรายงาน" เหมือนปี้ชวน5555555
-------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้ ( 27 มี.ค. ) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อ ประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการ รายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ(ฮั้วประมูล) ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว หลังจากนี้จะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติมภายในสัปดาห์หน้า
นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำ สั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อ ขายซึ่งวิธีการดังกล่าว ต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมามีการประกาศยกเลิกเนื่องจากมีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่ง ซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมาก ยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่ง ออกเป็นรายไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน
นายธาริต กล่าวอีกว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร คิดเป็นปริมาณมากกว่า 9 แสนตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่ร้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชน
เหม็นหึ่ง ทุจริตข้าว..DSIเตรียมฟัน รัฐเสียหาย2700ล้านบาท
ทั้งนายไตรรงค์/และคู่หู่ต่างพรรคนางทิวา..ส่อฮั้วประมูลและทำให้รัฐเสียหาย2700ล้านบาท
เอ้า..น้าม้า..มาช่วยปกป้องผลประโยชน์ของชาติด้วยครัย...หรือว่า เรื่องนี้.."ยังไม่ได้รับรายงาน" เหมือนปี้ชวน5555555
-------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้ ( 27 มี.ค. ) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อ ประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการ รายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ(ฮั้วประมูล) ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว หลังจากนี้จะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติมภายในสัปดาห์หน้า
นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำ สั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อ ขายซึ่งวิธีการดังกล่าว ต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมามีการประกาศยกเลิกเนื่องจากมีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่ง ซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมาก ยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่ง ออกเป็นรายไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน
นายธาริต กล่าวอีกว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร คิดเป็นปริมาณมากกว่า 9 แสนตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่ร้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชน