ฐานเศรษฐกิจ :
พาณิชย์เปิดประมูลเอเฟทคึก , เอกชนแห่ตบเท้าเข้าประมูล ข้าวแสนดี มั่นใจได้ทั้งคลัง พร้อมขอให้กระทรวงนำข้าวใหม่ออกมาประมูลบ้าง เชื่อจะมีเอกชนสนใจอีกมาก ด้านคต.เสนอ'นิวัฒน์ธำรง'ขายข้าวอีก6แสนตันมูลค่า12,000ล้านบาททั้งข้าวขาว5%ข้าวหอมมะลิ และปลายข้าว
นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กก.ผจก. บ.จก ข้าวแสนดี
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวถุง ภายใต้แบรนด์ข้าวแสนดีกล่าวกับว่า.. ได้มาประมูลข้าวผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟท)ในโกดังจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งเป็นข้าวข้าว5%โดยคาดว่าน่าจะได้ทั้งคลังทั้งนี้บริษัทได้ประมูลข้าวครั้งนี้จำนวน9พันตันซึ่งหากได้3พันตัน ก็ถือว่า.. เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ แล้ว
ทั้งนี้ตนมองว่า การเปิดประมุลดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกคนสามารถเข้ามาเล่นได้และไม่จำกัดปริมาณจะเป็นกองเล็กหรือกองใหญ่ก็ได้ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ทั้งผู้ประกอบการเจ้าของคลัง ต่างสนใจที่จะเข้ามาประมูลกันมากขึ้นเพราะที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลครั้งละจำนวนหลายแสนตันทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กไม่สามารถเข้ามาประมูลได้
“ อยากให้กระทรวงพาณิชย์ นำข้าวใหม่เข้ามาประมูลบ้าง เพราะสมัยคุณกิตติรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการ ก.พาณิชย์ เอกชนก็เคยขอว่าหากรัฐบาลจะรับจำนำก็ดำเนินการไปแต่ขอให้แบ่งข้าวให้ตลาดข้าวถุงหรือตลาดอาหารสัตว์บ้างแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเรามีเงินแต่เราซื้อของไม่ได้และต้องซื้อเป็นจำนวนมากๆก็ไม่ไหวส่วนแนวโน้มด้านราคาณ ตอนนี้ถือว่าต่ำมากเฉลี่ยตันละ 13,200บ.
แต่ทั้งนี้ก็มองว่าถ้ารัฐบาลไม่ตั้งราคาสูงเกินไปจนไม่สามารถแข่งกับคู่แข่งกับเวียดนามได้ ผู้ค้าก็จะแห่ไปซื้อข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านหมดดังนั้นรัฐบาลควรตั้งราคาที่ไม่สูงเกินไปจากคู่แข่งมากนัก ”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ควรจะมีข้าวใหม่ๆออกมาประมูลบ้างเพื่อดึงดูดให้เอกชนเข้ามาประมูลมากและควรจะประชาสัมพันธ์โปรโมทและชี้ชวนให้คนเข้ามาเพื่อให้เอกชนรู้ว่ามีที่ซื้อข้าวอีกช่องทางหนึ่ง
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึง..
การเปิดซองประมูลข้าวในสต็อกของรัฐบาลผ่านเอเฟทครั้งที่ 2/2556 ปริมาณรวมกว่า131,849 ตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5%จำนวนกว่า 114,000ตัน จากคลังในจังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี และสุพรรณบุรีและข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2ปริมาณกว่า 17,000 ตันจากคลังในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ซึ่งกำหนดระยะเวลาส่งมอบระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2557โดยมีเอกชนเข้าร่วมประมูลจำนวน 8 รายแบ่งเป็นเสนอซื้อข้าวขาว 5% รวม 7 บริษัท ได้แก่.. บริษัทข้าวเจริญ จำกัด บริษัทพิจิตรโรงสีร่วมเจริญ 2 ไรซ์
จำกัด หจก. โรงสีอรุณพัฒนา บริษัทร่วมเจริญพัฒนาการค้าข้าวจำกัด บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด หจก.โรงสีไฟเจริญทรัพย์และบริษัท ข้าวแสนดี จำกัด
ส่วนข้าวหอมมะลิ 100% มี 1 รายคือ บริษัท เจียเม้ง จำกัด ทั้งนี้ ข้าวขาว 5%มีการเสนอส่วนต่างราคาตั้งแต่ลบ 1.89 บาท ไปจนถึง ลบ 3.6 บาทต่อกิโลกรัม และข้าวหอมมะลิมีการเสนอส่วนต่างสูงถึงลบ
9 บาทต่อกิโลกรัมแต่จะอนุมัติไว้ที่ส่วนต่างไม่เกินลบ7 บาท โดยหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาความเหมาะสมด้านราคาก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการระทรวงพาณิชย์อนุมัติระบายต่อไป
“การที่เอกชนเสนอส่วนต่างลบถึง 8-9บาทเป็นส่วนของข้าวหอมมะลิที่มีคลังอยู่ในภาคอีสานส่วนผู้ซื้ออยู่ที่ภาคกลางทำให้ต้องเสนอส่วนต่างราคาค่อนข้างมากเพราะต้องเผื่อค่าใช้จ่ายในการขนส่งปรับปรุงข้าวด้วยทำให้ต้องเสนอส่วนลบราคาไว้ค่อนข้างมากไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณภาพข้าวเพราะข้าวหอมมะลิของไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของเอกชนที่ต้องการนำข้าวไปส่งออกและแนวโน้มเอกชนกะให้ความสนใจในการมาประมูลข้าวในโครงการของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง”นายยรรยง กล่าว
ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าแนวโน้มราคาส่วนต่างที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในการขายเฉลี่ยที่ประมาณไม่เกินลบ 1.50 - 2.50บาทต่อกิโลกรัมในส่วนของข้าวขาวส่วนข้าวหอมมะลิไม่เกิน 7บาท
ซึ่งกรมการค้าภายในจะเร่งสรุปให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ก่อนที่จะนำเสนอให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เห็นชอบต่อไปซึ่งการประมูลผ่านเอเฟทเริ่มเป็นที่ยอมรับของภาคเอกชน
โดยครั้งนี้มีเอกชนรายใหม่เข้ามาร่วมเสนอราคามากขึ้นและจะทยอยเปิดประมูลในทุกๆเดือนอย่างต่อเนื่องและดำเนินการให้ถี่ขึ้นกว่าเดิมซึ่งขณะนี้ข้าวในสต็อกรัฐบาลมีอยู่ไม่ถึง 10 ล้านตันและจะเร่งระบายเพื่อเตรียมรองรับปริมาณข้าวใหม่ต่อไป
ด้านนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) กล่าวว่ากรมได้เสนอให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาอนุมัติการขายข้าวในสต็อกรัฐบาลจำนวนประมาณ 600,000 ตัน มูลค่า 12,000ล้านบาทโดยประกอบด้วยข้าวหลายๆชนิดเช่น ข้าวขาว 5 %, ข้าวหอมมะลิและ ปลายข้าวโดยข้าวที่จะขออนุมัติให้ขายออกมาดังกล่าวมาจากข้าวที่กรมได้เปิดประมูลขายเป็นการทั่วไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ได้เปิดประมูลขายไปจำนวน กว่า 4 แสนตัน แต่อนุมัติให้มีการขายไปจำนวนกว่า 2 แสนตัน และอีกส่วนคือการขายโดยใช้วิธีให้ทางโรงสีข้าวจับคู่กับผู้ส่งออกเพื่อซื้อขายข้าวหอมมะลิใหม่ที่รัฐบาลเพิ่งรับจำนำข้าวเปลือกเข้ามาได้โดยตรงเพื่อลดต้นทุนด้านการเก็บสต็อกและค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ซึ่งได้มีการจับคู่ขายไปได้ประมาณ 4 แสนตันซึ่งเมื่อขายข้าวล็อตนี้ได้ทางกรมจะทยอยส่งเงินคืนทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหลังจากที่เอกชนได้ มารับมอบข้าวแล้ว
สำหรับข้าวที่เปิดประมูลเป็นการทั่วไปนั้นได้มีเอกชนที่มาเสนอซื้อประกอบด้วยบริษัทแคปปิตัล ซีเรียลส์ จำกัด,บริษัทเอเชีย โกลเด้น ไรซ์ ,บริษัทข้าวซีพี จำกัด ,และบริษัทรอยัล ริชชี่ ไรซ์จำกัด
*** ทำงานลูกเดียว >> จ่อขายข้าว อีก.. 600,000ตัน !
พาณิชย์เปิดประมูลเอเฟทคึก , เอกชนแห่ตบเท้าเข้าประมูล ข้าวแสนดี มั่นใจได้ทั้งคลัง พร้อมขอให้กระทรวงนำข้าวใหม่ออกมาประมูลบ้าง เชื่อจะมีเอกชนสนใจอีกมาก ด้านคต.เสนอ'นิวัฒน์ธำรง'ขายข้าวอีก6แสนตันมูลค่า12,000ล้านบาททั้งข้าวขาว5%ข้าวหอมมะลิ และปลายข้าว
นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กก.ผจก. บ.จก ข้าวแสนดี
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวถุง ภายใต้แบรนด์ข้าวแสนดีกล่าวกับว่า.. ได้มาประมูลข้าวผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟท)ในโกดังจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งเป็นข้าวข้าว5%โดยคาดว่าน่าจะได้ทั้งคลังทั้งนี้บริษัทได้ประมูลข้าวครั้งนี้จำนวน9พันตันซึ่งหากได้3พันตัน ก็ถือว่า.. เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ แล้ว
ทั้งนี้ตนมองว่า การเปิดประมุลดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกคนสามารถเข้ามาเล่นได้และไม่จำกัดปริมาณจะเป็นกองเล็กหรือกองใหญ่ก็ได้ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ทั้งผู้ประกอบการเจ้าของคลัง ต่างสนใจที่จะเข้ามาประมูลกันมากขึ้นเพราะที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลครั้งละจำนวนหลายแสนตันทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กไม่สามารถเข้ามาประมูลได้
“ อยากให้กระทรวงพาณิชย์ นำข้าวใหม่เข้ามาประมูลบ้าง เพราะสมัยคุณกิตติรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการ ก.พาณิชย์ เอกชนก็เคยขอว่าหากรัฐบาลจะรับจำนำก็ดำเนินการไปแต่ขอให้แบ่งข้าวให้ตลาดข้าวถุงหรือตลาดอาหารสัตว์บ้างแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเรามีเงินแต่เราซื้อของไม่ได้และต้องซื้อเป็นจำนวนมากๆก็ไม่ไหวส่วนแนวโน้มด้านราคาณ ตอนนี้ถือว่าต่ำมากเฉลี่ยตันละ 13,200บ.
แต่ทั้งนี้ก็มองว่าถ้ารัฐบาลไม่ตั้งราคาสูงเกินไปจนไม่สามารถแข่งกับคู่แข่งกับเวียดนามได้ ผู้ค้าก็จะแห่ไปซื้อข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านหมดดังนั้นรัฐบาลควรตั้งราคาที่ไม่สูงเกินไปจากคู่แข่งมากนัก ”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ควรจะมีข้าวใหม่ๆออกมาประมูลบ้างเพื่อดึงดูดให้เอกชนเข้ามาประมูลมากและควรจะประชาสัมพันธ์โปรโมทและชี้ชวนให้คนเข้ามาเพื่อให้เอกชนรู้ว่ามีที่ซื้อข้าวอีกช่องทางหนึ่ง
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึง..
การเปิดซองประมูลข้าวในสต็อกของรัฐบาลผ่านเอเฟทครั้งที่ 2/2556 ปริมาณรวมกว่า131,849 ตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5%จำนวนกว่า 114,000ตัน จากคลังในจังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี และสุพรรณบุรีและข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2ปริมาณกว่า 17,000 ตันจากคลังในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ซึ่งกำหนดระยะเวลาส่งมอบระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2557โดยมีเอกชนเข้าร่วมประมูลจำนวน 8 รายแบ่งเป็นเสนอซื้อข้าวขาว 5% รวม 7 บริษัท ได้แก่.. บริษัทข้าวเจริญ จำกัด บริษัทพิจิตรโรงสีร่วมเจริญ 2 ไรซ์
จำกัด หจก. โรงสีอรุณพัฒนา บริษัทร่วมเจริญพัฒนาการค้าข้าวจำกัด บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด หจก.โรงสีไฟเจริญทรัพย์และบริษัท ข้าวแสนดี จำกัด
ส่วนข้าวหอมมะลิ 100% มี 1 รายคือ บริษัท เจียเม้ง จำกัด ทั้งนี้ ข้าวขาว 5%มีการเสนอส่วนต่างราคาตั้งแต่ลบ 1.89 บาท ไปจนถึง ลบ 3.6 บาทต่อกิโลกรัม และข้าวหอมมะลิมีการเสนอส่วนต่างสูงถึงลบ
9 บาทต่อกิโลกรัมแต่จะอนุมัติไว้ที่ส่วนต่างไม่เกินลบ7 บาท โดยหลังจากนี้ จะมีการพิจารณาความเหมาะสมด้านราคาก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการระทรวงพาณิชย์อนุมัติระบายต่อไป
“การที่เอกชนเสนอส่วนต่างลบถึง 8-9บาทเป็นส่วนของข้าวหอมมะลิที่มีคลังอยู่ในภาคอีสานส่วนผู้ซื้ออยู่ที่ภาคกลางทำให้ต้องเสนอส่วนต่างราคาค่อนข้างมากเพราะต้องเผื่อค่าใช้จ่ายในการขนส่งปรับปรุงข้าวด้วยทำให้ต้องเสนอส่วนลบราคาไว้ค่อนข้างมากไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณภาพข้าวเพราะข้าวหอมมะลิของไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของเอกชนที่ต้องการนำข้าวไปส่งออกและแนวโน้มเอกชนกะให้ความสนใจในการมาประมูลข้าวในโครงการของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง”นายยรรยง กล่าว
ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าแนวโน้มราคาส่วนต่างที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในการขายเฉลี่ยที่ประมาณไม่เกินลบ 1.50 - 2.50บาทต่อกิโลกรัมในส่วนของข้าวขาวส่วนข้าวหอมมะลิไม่เกิน 7บาท
ซึ่งกรมการค้าภายในจะเร่งสรุปให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ก่อนที่จะนำเสนอให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เห็นชอบต่อไปซึ่งการประมูลผ่านเอเฟทเริ่มเป็นที่ยอมรับของภาคเอกชน
โดยครั้งนี้มีเอกชนรายใหม่เข้ามาร่วมเสนอราคามากขึ้นและจะทยอยเปิดประมูลในทุกๆเดือนอย่างต่อเนื่องและดำเนินการให้ถี่ขึ้นกว่าเดิมซึ่งขณะนี้ข้าวในสต็อกรัฐบาลมีอยู่ไม่ถึง 10 ล้านตันและจะเร่งระบายเพื่อเตรียมรองรับปริมาณข้าวใหม่ต่อไป
ด้านนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) กล่าวว่ากรมได้เสนอให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาอนุมัติการขายข้าวในสต็อกรัฐบาลจำนวนประมาณ 600,000 ตัน มูลค่า 12,000ล้านบาทโดยประกอบด้วยข้าวหลายๆชนิดเช่น ข้าวขาว 5 %, ข้าวหอมมะลิและ ปลายข้าวโดยข้าวที่จะขออนุมัติให้ขายออกมาดังกล่าวมาจากข้าวที่กรมได้เปิดประมูลขายเป็นการทั่วไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ได้เปิดประมูลขายไปจำนวน กว่า 4 แสนตัน แต่อนุมัติให้มีการขายไปจำนวนกว่า 2 แสนตัน และอีกส่วนคือการขายโดยใช้วิธีให้ทางโรงสีข้าวจับคู่กับผู้ส่งออกเพื่อซื้อขายข้าวหอมมะลิใหม่ที่รัฐบาลเพิ่งรับจำนำข้าวเปลือกเข้ามาได้โดยตรงเพื่อลดต้นทุนด้านการเก็บสต็อกและค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ซึ่งได้มีการจับคู่ขายไปได้ประมาณ 4 แสนตันซึ่งเมื่อขายข้าวล็อตนี้ได้ทางกรมจะทยอยส่งเงินคืนทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหลังจากที่เอกชนได้ มารับมอบข้าวแล้ว
สำหรับข้าวที่เปิดประมูลเป็นการทั่วไปนั้นได้มีเอกชนที่มาเสนอซื้อประกอบด้วยบริษัทแคปปิตัล ซีเรียลส์ จำกัด,บริษัทเอเชีย โกลเด้น ไรซ์ ,บริษัทข้าวซีพี จำกัด ,และบริษัทรอยัล ริชชี่ ไรซ์จำกัด