‘ศิริกัญญา’ ปูดรัฐบาลวางแผนยึด ‘การบินไทย’ ส่ง 2 ผู้บริหารแผนฟื้นฟู จ่อซื้อหุ้นเพิ่มทุน ถามเอาเงินจากไหน
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/423477
“ศิริกัญญา” ชวนจับตา “รัฐบาล” วางแผนยึด “การบินไทย” ส่งผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ เพิ่ม 2 คน กุมเสียงข้างมาก คลังจ่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสิทธิ์ ถามเอาเงินจากไหน ไม่พ้นต้องควักเงินภาษี
นางสาว
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความถึงเเผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า
Leave การบินไทย alone!
รัฐบาลวางแผนยึดการบินไทย หลังกลับมากำไรต่อเนื่อง แม้ไม่เอากลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่งผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯเพิ่ม 2 คน กุมเสียงข้างมาก ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสิทธิ์ ทั้งๆ ที่จัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า
จากที่มีความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้การบินไทยหลังจากเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ มา 3-4 ปี ตอนนี้กำลังจะออกจากแผนแล้ว โดยเสนอแผนแปลงหนี้เป็นทุน และการลดทุน เพื่อพลิกการขาดทุนสะสมให้กำไรกลับมาเป็นบวก แผนแปลงหนี้เป็นทุนถูกยื่น filing ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือลดทุน
โดย 8 พ.ย.นี้ เจ้าหนี้การบินไทยทั้งหลายจะต้องโหวตรับรองแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไข เพื่อขอลดทุนเพื่อล้างหนี้สะสมซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
แต่จู่ๆ ในแผนที่จะแก้ กลับเพิ่มเรื่องขอเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟูอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน 1 คนจากคลัง อีก 1 คนจากคมนาคม เพื่อกุมเสียงข้างมาก (ปัจจุบันตัวแทนจากคลังมี 1 คนคือ พรชัย ฐีระเวช ผอ.สศค.)
หลายคนอาจจะคิดว่าก็ถูกแล้ว รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ควรมีตัวในการบริหารแผนฟื้นฟู
ผิดค่ะ! คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูเป็นตัวแทนจากฝั่งเจ้าหนี้ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น รัฐบาลให้การบินไทยกู้ 12,800 ล้านจากยอดหนี้ 129,000 ล้าน หรือ 10% เท่านั้น แต่จะขอเป็นเสียงข้างมากในคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู ดูจะเอาเปรียบเจ้าหนี้รายอื่นไปหน่อย
ก่อนหน้านี้ที่เคยมีข่าวว่ารัฐบาลจะให้กู้เพิ่มตอนเข้าแผนฟื้นฟูใหม่ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ให้เลยซักบาท มีอย่างเดียวที่ช่วยได้จนเกิดมรรคเกิดผลคือปลดการบินไทยจากสถานะ “รัฐวิสาหกิจ” ทำให้การบริหารคล่องตัวขึ้นมาก
พอมาวันนี้ ที่การบินไทยกลับมายืนได้อีก ต้องกลืนเลือดปลดคนออกไป 50% ขายเครื่องบินและทรัพย์สิน ปฏิรูปองค์กรให้กลับมาทำกำไรได้ต่อเนื่อง รัฐบาลก็อยากมีส่วนร่วมบริหารขึ้นมาทันที
ยังไม่ต้องพูดถึงว่า หลังแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว สัดส่วนหุ้นที่คลังถือก็จะอยู่ราว 33% เพียงเท่านี้ คลังก็ยังคงสิทธิ์ออกเสียง เลือกบอร์ด ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่ยังไม่พอ! มีข่าวว่าคลังยังจะเอาเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกเพื่อให้ได้อำนาจควบคุมการบินไทยมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็จะซื้อไม่เกิน 50% ไม่ให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ เงินก็ไม่ค่อยจะมี จะหาเงินจากไหนไปซื้อหุ้นหลายหมื่นล้านบาทได้ คงหนีไม่พ้นเงินภาษีที่เก็บไม่ค่อยจะได้แล้วอยู่แล้วทุกวันนี้
ที่สำคัญ คนในการบินไทยเองน่าจะยังเข็ดขยาดหวาดผวากับการที่รัฐบาลเข้ามายุ่มย่ามเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน A340 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ทำให้ขาดทุนยับเยินจนถึงวันนี้
ในเมื่อเงินก็ไม่ค่อยจะมี อยู่แบบนี้ก็มีอำนาจควบคุมการบินไทยเพียงพอแล้ว ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก หรือส่งผู้บริหารแผนเข้ามาเพิ่มอีก ถ้าคนในรัฐบาลไม่ได้เล็งเป้าผลประโยชน์อื่นๆ ที่อยู่ในการบินไทย
ฝากเจ้าหนี้การบินไทยช่วยกันโหวตไม่รับผู้บริหารแผนคนใหม่ด้วยค่ะ
https://x.com/SirikanyaTansa1/status/1853386897877499942
คนร้ายประกบยิงตำรวจกลับจากมัสยิดบาดเจ็บ ฮึดสู้ยิงสวนกลับ
https://siamrath.co.th/n/578258
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 เวลา 20.30 น. พ.ต.อ.
วรินทร์ วันธงชัย ผู้กำกับ สภ.ยะรัง ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกัน บนถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ 1 บ้านชามู ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที่
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบพงหญ้าริมทางมีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำเชือกกันพื้นที่ทันที่ไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป บนถนนเจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. 5 ปลอก และซองกระสุนปืนตกในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงผลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลยะรัง ทราบชื่อคือ ร.ต.อ.
อับดุลฮาดี ยือแร อายุ 52 ปี อยู่ ม.3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มายอ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่แก้มทะลุ ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ ร.ต.อ.
อับดุลฮาดี เสร็จจากการทำละหมาดที่มัสยิด และกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่ ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ระหว่างทางปรากฏว่าได้มีคนร้ายจำนวน 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ประกบข้างก่อนคนร้ายที่ซ้อนท้ายชักอาวุธปืนยิงใส่ ร.ต.อ.
อับดุลฮาดี 1 นัด จนเสียหลักตกลงข้างทาง แต่กระสุนปืนไปโดนโทรศัพท์มือถือที่ใส่ในกระเป๋าเสื้อที่อกซ้าย คนร้ายลั่นไกซ้ำอีก 1 นัด กระสุนเข้าที่แก้มทะลุออก แต่ ร.ต.อ.
อับดุลฮาดี ชักอาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้ คาดคนร้ายถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บแล้วพากันหลบหนีไป
อย่างไรก็ตามพ.ต.อ.
วรินทร์ วันธงชัย ผู้กำกับ สภ.ยะรัง กำชับเจ้าหน้าที่ทุกนายไปตรวจอบโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากทราบว่ามีคนร้ายถูกยิง และอาจจะเข้ามาทำการรักษา พร้อมทั้งเร่งไล่ภาพกล้องวงจรปิดที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุและหลบหนี เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
“ส่งออกข้าวไทย”เผชิญแข่งขันเดือด พบสัญญาณ“ราคาข้าวเปลือก”เริ่มดิ่ง
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1152097
ผู้ส่งออกข้าวห่วงอินเดียฟรีเทรดทำตลาดป่วนแข่งขันสูง กระทรวงเกษตรสหรัฐคาดสต๊อกปลายปีเพิ่มสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกไทยส่งสัญญาณดิ่ง ทั้งข้าวเจ้าและข้าวหอมมะลิ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า คาดการณ์ส่งออกข้าวในเดือนต.ค. 2567 จะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากผู้นำเข้าข้าวโดยเฉพาะในแถบแอฟริกายังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมไว้ใช้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประกอบกับผู้ส่งออกยังมีสัญญาส่งมอบที่ค้างมาจากเดือนก่อน ทั้งจากตลาดหลักในเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดหลักในภูมิภาคแอฟริกา เช่น โมซัมบิก แคเมอรูน เบนิน แองโกล่า และตลาดตะวันออกกลาง เช่น อิรัก เป็นต้น
ขณะที่ตลาดสำคัญของข้าวหอมมะลิยังคงนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากนี้ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงอีกครั้งเนื่องจากอินเดียได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออก ทั้งการยกเลิกภาษีส่งออกและการกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกของอินเดียสามารถส่งออกได้โดยไม่มีข้อจำกัด ประกอบกับอินเดียยังมีอุปทานข้าวปริมาณมากและราคาค่อนข้างต่ำ จึงคาดว่าอินเดียจะส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่ง ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ไทยสูญเสียตลาดส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งบางส่วนให้แก่อินเดีย
จากข้อมูลของกรมศุลกากรการส่งออกข้าวช่วง 9 เดือนของปี (ม.ค.-ก.ย. 2567) มีปริมาณ 7,448,941 ตันเพิ่มขึ้น 22.0% มูลค่า 172,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566
ส่วนการส่งออกข้าวในเดือนก.ย. ปริมาณ 878,711 ตันลดลง 0.8% มูลค่า 19,463 ล้านบาท ลดลง 3.5% เทียบกับเดือนส.ค.ปี2567 เนื่องจากในเดือนก.ย. 2567 การส่งออกในกลุ่มของข้าวนึ่ง และปลายข้าว มีปริมาณลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่การส่งออกข้าวขาวและข้าวหอมมะลิยังคงไปได้ดี
โดยการส่งออกข้าวขาวมีปริมาณรวม 507,795 ตัน ใกล้เคียงกับเดือนก่อน ส่งไปยังตลาดหลัก เช่น อิรัก ฟิลิปปินส์ โตโก แคเมอรูน เคนย่า โมซัมบิก เบนิน ญี่ปุ่น เป็นต้น
ขณะที่การส่งออกนึ่งมีปริมาณ 106,153 ตัน ลดลง 30% โดยส่งไปยัง ตลาดหลัก เช่น แอฟริกาใต้ เบนิน เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 122,465 ตัน เพิ่มขึ้น 10.8% โดยยังคงส่งไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐ แคนาดา ฮ่องกง โกตดิวัวร์ สิงคโปร์ อิตาลี ออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งนี้คงเป้าหมายการส่งออกปี 2567 ปริมาณ 8.5-8.7 ล้านตัน
ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า สถานการณ์ราคาข้าวไทยในช่วงปลายเดือนต.ค. 2567 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ท่ามกลางภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออกที่รุนแรงขึ้นหลังจากที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งได้โดยไม่มีข้อจำกัดในการส่งออก
ทั้งนี้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 30 ต.ค. 2567 อยู่ที่ 507 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม 524-528 ดอลลาร์ต่อตัน อินเดีย 444-448 ดอลลาร์ต่อตัน และปากีสถานอยู่ที่ 461-465 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 522 ดอลาร์ต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งอินเดีย439-443 และปากีสถานอยู่ที่ 493-497 ดอลลาร์ต่อตัน
ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้(21-27 ต.ค. 2567) เฉลี่ยตันละ 15,723 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,747 บาท ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,552 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,609 บาท
สำหรับสถานการณ์ค้าข้าวโลกกระทรวงเกษตรสหรัฐ คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2567/68 ณ เดือนต.ค. 2567 มีปริมาณผลผลิต 530.435 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 ในสัดส่วน 1.71% สต็อกปลายปีคงเหลือ 182.192 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 สัดส่วน 1.32% ประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่ อินเดีย จีน บราซิล อุรุกวัย ปารากวัย กายานา อาร์เจนตินา สหภาพยุโรป และสหรัฐ
ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลงได้แก่ ไทย เวียดนาม ปากีสถาน เมียนมา ออสเตรเลีย และตุรกี แต่ประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้นได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จีน ซาอุดิอาระเบีย ไอเวอรี่โคสต์ แอฟริกาใต้ อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กานา โมซัมบิก คาเมรูน เนปาล สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสหรัฐ
JJNY : ปูดรบ.วางแผนยึด‘การบินไทย’│ประกบยิงตร.กลับจากมัสยิด│ส่งออกข้าวพบสัญญาณ│มีทหารเกาหลีเหนือกว่า 10,000นายในรัสเซีย
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/423477
“ศิริกัญญา” ชวนจับตา “รัฐบาล” วางแผนยึด “การบินไทย” ส่งผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ เพิ่ม 2 คน กุมเสียงข้างมาก คลังจ่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสิทธิ์ ถามเอาเงินจากไหน ไม่พ้นต้องควักเงินภาษี
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความถึงเเผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า
Leave การบินไทย alone!
รัฐบาลวางแผนยึดการบินไทย หลังกลับมากำไรต่อเนื่อง แม้ไม่เอากลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่งผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯเพิ่ม 2 คน กุมเสียงข้างมาก ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสิทธิ์ ทั้งๆ ที่จัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า
จากที่มีความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้การบินไทยหลังจากเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ มา 3-4 ปี ตอนนี้กำลังจะออกจากแผนแล้ว โดยเสนอแผนแปลงหนี้เป็นทุน และการลดทุน เพื่อพลิกการขาดทุนสะสมให้กำไรกลับมาเป็นบวก แผนแปลงหนี้เป็นทุนถูกยื่น filing ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือลดทุน
โดย 8 พ.ย.นี้ เจ้าหนี้การบินไทยทั้งหลายจะต้องโหวตรับรองแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไข เพื่อขอลดทุนเพื่อล้างหนี้สะสมซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
แต่จู่ๆ ในแผนที่จะแก้ กลับเพิ่มเรื่องขอเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟูอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน 1 คนจากคลัง อีก 1 คนจากคมนาคม เพื่อกุมเสียงข้างมาก (ปัจจุบันตัวแทนจากคลังมี 1 คนคือ พรชัย ฐีระเวช ผอ.สศค.)
หลายคนอาจจะคิดว่าก็ถูกแล้ว รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ควรมีตัวในการบริหารแผนฟื้นฟู
ผิดค่ะ! คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูเป็นตัวแทนจากฝั่งเจ้าหนี้ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น รัฐบาลให้การบินไทยกู้ 12,800 ล้านจากยอดหนี้ 129,000 ล้าน หรือ 10% เท่านั้น แต่จะขอเป็นเสียงข้างมากในคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู ดูจะเอาเปรียบเจ้าหนี้รายอื่นไปหน่อย
ก่อนหน้านี้ที่เคยมีข่าวว่ารัฐบาลจะให้กู้เพิ่มตอนเข้าแผนฟื้นฟูใหม่ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ให้เลยซักบาท มีอย่างเดียวที่ช่วยได้จนเกิดมรรคเกิดผลคือปลดการบินไทยจากสถานะ “รัฐวิสาหกิจ” ทำให้การบริหารคล่องตัวขึ้นมาก
พอมาวันนี้ ที่การบินไทยกลับมายืนได้อีก ต้องกลืนเลือดปลดคนออกไป 50% ขายเครื่องบินและทรัพย์สิน ปฏิรูปองค์กรให้กลับมาทำกำไรได้ต่อเนื่อง รัฐบาลก็อยากมีส่วนร่วมบริหารขึ้นมาทันที
ยังไม่ต้องพูดถึงว่า หลังแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว สัดส่วนหุ้นที่คลังถือก็จะอยู่ราว 33% เพียงเท่านี้ คลังก็ยังคงสิทธิ์ออกเสียง เลือกบอร์ด ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่ยังไม่พอ! มีข่าวว่าคลังยังจะเอาเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกเพื่อให้ได้อำนาจควบคุมการบินไทยมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็จะซื้อไม่เกิน 50% ไม่ให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ เงินก็ไม่ค่อยจะมี จะหาเงินจากไหนไปซื้อหุ้นหลายหมื่นล้านบาทได้ คงหนีไม่พ้นเงินภาษีที่เก็บไม่ค่อยจะได้แล้วอยู่แล้วทุกวันนี้
ที่สำคัญ คนในการบินไทยเองน่าจะยังเข็ดขยาดหวาดผวากับการที่รัฐบาลเข้ามายุ่มย่ามเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน A340 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ทำให้ขาดทุนยับเยินจนถึงวันนี้
ในเมื่อเงินก็ไม่ค่อยจะมี อยู่แบบนี้ก็มีอำนาจควบคุมการบินไทยเพียงพอแล้ว ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก หรือส่งผู้บริหารแผนเข้ามาเพิ่มอีก ถ้าคนในรัฐบาลไม่ได้เล็งเป้าผลประโยชน์อื่นๆ ที่อยู่ในการบินไทย
ฝากเจ้าหนี้การบินไทยช่วยกันโหวตไม่รับผู้บริหารแผนคนใหม่ด้วยค่ะ
https://x.com/SirikanyaTansa1/status/1853386897877499942
คนร้ายประกบยิงตำรวจกลับจากมัสยิดบาดเจ็บ ฮึดสู้ยิงสวนกลับ
https://siamrath.co.th/n/578258
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 เวลา 20.30 น. พ.ต.อ.วรินทร์ วันธงชัย ผู้กำกับ สภ.ยะรัง ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกัน บนถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ 1 บ้านชามู ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที่
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบพงหญ้าริมทางมีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำเชือกกันพื้นที่ทันที่ไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป บนถนนเจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. 5 ปลอก และซองกระสุนปืนตกในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงผลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลยะรัง ทราบชื่อคือ ร.ต.อ.อับดุลฮาดี ยือแร อายุ 52 ปี อยู่ ม.3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มายอ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่แก้มทะลุ ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ ร.ต.อ.อับดุลฮาดี เสร็จจากการทำละหมาดที่มัสยิด และกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่ ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ระหว่างทางปรากฏว่าได้มีคนร้ายจำนวน 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ประกบข้างก่อนคนร้ายที่ซ้อนท้ายชักอาวุธปืนยิงใส่ ร.ต.อ.อับดุลฮาดี 1 นัด จนเสียหลักตกลงข้างทาง แต่กระสุนปืนไปโดนโทรศัพท์มือถือที่ใส่ในกระเป๋าเสื้อที่อกซ้าย คนร้ายลั่นไกซ้ำอีก 1 นัด กระสุนเข้าที่แก้มทะลุออก แต่ ร.ต.อ.อับดุลฮาดี ชักอาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้ คาดคนร้ายถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บแล้วพากันหลบหนีไป
อย่างไรก็ตามพ.ต.อ.วรินทร์ วันธงชัย ผู้กำกับ สภ.ยะรัง กำชับเจ้าหน้าที่ทุกนายไปตรวจอบโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากทราบว่ามีคนร้ายถูกยิง และอาจจะเข้ามาทำการรักษา พร้อมทั้งเร่งไล่ภาพกล้องวงจรปิดที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุและหลบหนี เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
“ส่งออกข้าวไทย”เผชิญแข่งขันเดือด พบสัญญาณ“ราคาข้าวเปลือก”เริ่มดิ่ง
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1152097
ผู้ส่งออกข้าวห่วงอินเดียฟรีเทรดทำตลาดป่วนแข่งขันสูง กระทรวงเกษตรสหรัฐคาดสต๊อกปลายปีเพิ่มสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกไทยส่งสัญญาณดิ่ง ทั้งข้าวเจ้าและข้าวหอมมะลิ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า คาดการณ์ส่งออกข้าวในเดือนต.ค. 2567 จะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากผู้นำเข้าข้าวโดยเฉพาะในแถบแอฟริกายังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมไว้ใช้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประกอบกับผู้ส่งออกยังมีสัญญาส่งมอบที่ค้างมาจากเดือนก่อน ทั้งจากตลาดหลักในเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดหลักในภูมิภาคแอฟริกา เช่น โมซัมบิก แคเมอรูน เบนิน แองโกล่า และตลาดตะวันออกกลาง เช่น อิรัก เป็นต้น
ขณะที่ตลาดสำคัญของข้าวหอมมะลิยังคงนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากนี้ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงอีกครั้งเนื่องจากอินเดียได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออก ทั้งการยกเลิกภาษีส่งออกและการกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกของอินเดียสามารถส่งออกได้โดยไม่มีข้อจำกัด ประกอบกับอินเดียยังมีอุปทานข้าวปริมาณมากและราคาค่อนข้างต่ำ จึงคาดว่าอินเดียจะส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่ง ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ไทยสูญเสียตลาดส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งบางส่วนให้แก่อินเดีย
จากข้อมูลของกรมศุลกากรการส่งออกข้าวช่วง 9 เดือนของปี (ม.ค.-ก.ย. 2567) มีปริมาณ 7,448,941 ตันเพิ่มขึ้น 22.0% มูลค่า 172,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566
ส่วนการส่งออกข้าวในเดือนก.ย. ปริมาณ 878,711 ตันลดลง 0.8% มูลค่า 19,463 ล้านบาท ลดลง 3.5% เทียบกับเดือนส.ค.ปี2567 เนื่องจากในเดือนก.ย. 2567 การส่งออกในกลุ่มของข้าวนึ่ง และปลายข้าว มีปริมาณลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่การส่งออกข้าวขาวและข้าวหอมมะลิยังคงไปได้ดี
โดยการส่งออกข้าวขาวมีปริมาณรวม 507,795 ตัน ใกล้เคียงกับเดือนก่อน ส่งไปยังตลาดหลัก เช่น อิรัก ฟิลิปปินส์ โตโก แคเมอรูน เคนย่า โมซัมบิก เบนิน ญี่ปุ่น เป็นต้น
ขณะที่การส่งออกนึ่งมีปริมาณ 106,153 ตัน ลดลง 30% โดยส่งไปยัง ตลาดหลัก เช่น แอฟริกาใต้ เบนิน เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 122,465 ตัน เพิ่มขึ้น 10.8% โดยยังคงส่งไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐ แคนาดา ฮ่องกง โกตดิวัวร์ สิงคโปร์ อิตาลี ออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งนี้คงเป้าหมายการส่งออกปี 2567 ปริมาณ 8.5-8.7 ล้านตัน
ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า สถานการณ์ราคาข้าวไทยในช่วงปลายเดือนต.ค. 2567 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ท่ามกลางภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออกที่รุนแรงขึ้นหลังจากที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งได้โดยไม่มีข้อจำกัดในการส่งออก
ทั้งนี้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 30 ต.ค. 2567 อยู่ที่ 507 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม 524-528 ดอลลาร์ต่อตัน อินเดีย 444-448 ดอลลาร์ต่อตัน และปากีสถานอยู่ที่ 461-465 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 522 ดอลาร์ต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งอินเดีย439-443 และปากีสถานอยู่ที่ 493-497 ดอลลาร์ต่อตัน
ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้(21-27 ต.ค. 2567) เฉลี่ยตันละ 15,723 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,747 บาท ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,552 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,609 บาท
สำหรับสถานการณ์ค้าข้าวโลกกระทรวงเกษตรสหรัฐ คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2567/68 ณ เดือนต.ค. 2567 มีปริมาณผลผลิต 530.435 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 ในสัดส่วน 1.71% สต็อกปลายปีคงเหลือ 182.192 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 สัดส่วน 1.32% ประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่ อินเดีย จีน บราซิล อุรุกวัย ปารากวัย กายานา อาร์เจนตินา สหภาพยุโรป และสหรัฐ
ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลงได้แก่ ไทย เวียดนาม ปากีสถาน เมียนมา ออสเตรเลีย และตุรกี แต่ประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้นได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จีน ซาอุดิอาระเบีย ไอเวอรี่โคสต์ แอฟริกาใต้ อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กานา โมซัมบิก คาเมรูน เนปาล สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสหรัฐ