ท่านที่ชอบกอดพระสูตรและทำปากมุบมิบด่าคนอื่น ผมมีอะไรจะบอกครับ การกระทำของท่าน
เป็นการเอาพระสูตรมาบิดเบือน แก่นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ การกระทำของท่านมันมาจากความไม่รู้
ซี่งในความไม่รู้นั้นรวมเรียก.............อัตตา
แล้วทำไมผมจึงบอกว่าเป็นอัตตา จะขอบอกตามหลักธรรมหรือตามธรรมนิยามที่เป็น พุทธพจน์ของแท้
ธรรมแท้ที่พระพุทธองค์ตรัสสอน มันมีหลักที่เกี่ยวกับอัตตาของพวกท่านนั้นก็คือ.........
สัพเพธัมมา อนัตตา
ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน
สัพเพสังขารา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ความหมายของสัพเพธัมมาอนัตตา คือ พระพุทธองค์ทรงบอกให้รู้ว่า ทุกสรรพสิ่งหรือธรรมชาติในโลก
ย่อมแปรปวนเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดหมายว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลง
พระสูตรที่กอดไว้อย่างเหนี่ยวแน่นก็เป็นธรรมหรือเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง บุคคล กาลเวลาและสถานที่
ย่อมต้องเปลี่ยนไปตามกฎแห่งธรรมนิยาม นี่คือที่มาของพระสูตรที่ท่านกำลังกอดอย่างไม่คลาย
แล้วไอ้ที่ว่าอัตตา มันอยู่ตรงนี้ครับ การที่พวกท่านกอดพระสูตรแล้วทำปากมุบมิบด่าชาวบ้านว่า บิดเบีอนพุทธพจน์
ต้วนี้แหล่ะ ความเป็นอัตตา มันเกิดจากกิเลส(สังโยชน์) ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะ ไม่รู้จักหลักการปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงสอน
เพราะมัวแต่ไปสนใจเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองในพระสูตร ธรรมทุกอย่างที่เรารับเข้ามาในกายใจเราแล้ว มันกลายเป็นสังขาร เข้าหลักของ สัพเพสังขารา อนิจจังทุกขัง อนัตตา
ต้องทำสติปัฏฐานตาม หลักของธรรมานุปัสนาสติปัฏฐานแต่พวกท่านไม่ทำ เพราะทำไม่เป็นหรือจะอะไรก็ตามแต่
เลยทำให้กลายเป็นอัตตา
มัวแต่นอนกอดพระสูตรแล้วก็ฝันหวานว่าตัวอัตตาคือปัญญา ไม่มองธรรมไปตามจริงว่า ธรรมชาติเมื่อสองพันกว่าปี
กว่าจะถึงวันนี้มันมีการแปรปวนตลอดเวลา ไม่รู้แล้วกล้าอ้างในสิ่งที่ตัวไม่รู้อีกแน่ะ
สิ่งที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆก็คือ หลักธรรมหรือธรรมนิยามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และนำมาบอกสาวก
หลักธรรมของพระพุทธเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นหลักในการมองธรรมชาติไปตามความเป็นจริง
ปล. ใครจะอ้างอิงผม เพื่อกันความสับสนและเพื่อให้พวกท่านจดจำผม ไม่ว่าจะรักจะแค้น
กรุณาเรียกผมว่า.................(ตองเก้า)
การกอดธรรมแน่นๆมันเป็นอัตตา
เป็นการเอาพระสูตรมาบิดเบือน แก่นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ การกระทำของท่านมันมาจากความไม่รู้
ซี่งในความไม่รู้นั้นรวมเรียก.............อัตตา
แล้วทำไมผมจึงบอกว่าเป็นอัตตา จะขอบอกตามหลักธรรมหรือตามธรรมนิยามที่เป็น พุทธพจน์ของแท้
ธรรมแท้ที่พระพุทธองค์ตรัสสอน มันมีหลักที่เกี่ยวกับอัตตาของพวกท่านนั้นก็คือ.........
สัพเพธัมมา อนัตตา
ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน
สัพเพสังขารา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ความหมายของสัพเพธัมมาอนัตตา คือ พระพุทธองค์ทรงบอกให้รู้ว่า ทุกสรรพสิ่งหรือธรรมชาติในโลก
ย่อมแปรปวนเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดหมายว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลง
พระสูตรที่กอดไว้อย่างเหนี่ยวแน่นก็เป็นธรรมหรือเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง บุคคล กาลเวลาและสถานที่
ย่อมต้องเปลี่ยนไปตามกฎแห่งธรรมนิยาม นี่คือที่มาของพระสูตรที่ท่านกำลังกอดอย่างไม่คลาย
แล้วไอ้ที่ว่าอัตตา มันอยู่ตรงนี้ครับ การที่พวกท่านกอดพระสูตรแล้วทำปากมุบมิบด่าชาวบ้านว่า บิดเบีอนพุทธพจน์
ต้วนี้แหล่ะ ความเป็นอัตตา มันเกิดจากกิเลส(สังโยชน์) ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะ ไม่รู้จักหลักการปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงสอน
เพราะมัวแต่ไปสนใจเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองในพระสูตร ธรรมทุกอย่างที่เรารับเข้ามาในกายใจเราแล้ว มันกลายเป็นสังขาร เข้าหลักของ สัพเพสังขารา อนิจจังทุกขัง อนัตตา
ต้องทำสติปัฏฐานตาม หลักของธรรมานุปัสนาสติปัฏฐานแต่พวกท่านไม่ทำ เพราะทำไม่เป็นหรือจะอะไรก็ตามแต่
เลยทำให้กลายเป็นอัตตา
มัวแต่นอนกอดพระสูตรแล้วก็ฝันหวานว่าตัวอัตตาคือปัญญา ไม่มองธรรมไปตามจริงว่า ธรรมชาติเมื่อสองพันกว่าปี
กว่าจะถึงวันนี้มันมีการแปรปวนตลอดเวลา ไม่รู้แล้วกล้าอ้างในสิ่งที่ตัวไม่รู้อีกแน่ะ
สิ่งที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆก็คือ หลักธรรมหรือธรรมนิยามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และนำมาบอกสาวก
หลักธรรมของพระพุทธเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นหลักในการมองธรรมชาติไปตามความเป็นจริง
ปล. ใครจะอ้างอิงผม เพื่อกันความสับสนและเพื่อให้พวกท่านจดจำผม ไม่ว่าจะรักจะแค้น
กรุณาเรียกผมว่า.................(ตองเก้า)