นับได้ว่า ประเทศไทยแห่งนี้ เป็นแหล่งเดียวในโลก ที่ผู้คนอุดมไปด้วยจริยธรรม อันสูงสุด ประเสริฐกว่าใครในโลกหล้า ระดับปรอทแตกเปรี้ยง แม้นใครไร้ซึ่งจริยธรรมแล้ว ผู้นั้น ย่อมจะไม่สามารถดำรงตนอยู่ในประเทศนี้ได้ ..แม้เพียงเสี้ยววินาที !
ประเทศไทยนี้ ดีนักหนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใครใคร่ค้ายาเสพย์ติด..ค้า ใครใคร่เล่นหวยใต้ดิน..เล่น ใครใคร่เปิดบ่อนและอาบอบนวด..เปิด ใครใคร่วางระเบิด..วาง ใครใคร่ทำรัฐประหาร..ทำ ..เพราะเรามีจริยธรรม !
จริยธรรมในประเทศนี้ สูงส่งเกินบรรยาย ไม่อาจวัดได้ด้วยมาตรวัดใดๆในสากลพิภพนี้ ที่ผ่านมา เราใช้คนดี๊ดีมีจริยธรรมสูงส่งปกครองประเทศ จนประเทศเราสามารถ “ถอยหลังอย่างก้าวกระโดด”ไปไกลกว่าเพื่อนบ้านเช่นพม่า และลาว อย่างน่าชื่นชม..โสมนัสยิ่ง !
พงศพัศ พงษ์เจริญ ลาออกจากอาชีพตำรวจ หันมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. เมื่อพลาดหวัง ไม่ได้รับเลือกตั้งดังใจประสงค์ ก็จะหันหน้ากลับคืนสู่อาชีพตำรวจตามเดิม ..ตามกติกา
แต่ปรากฎว่า เมื่อนักจริยธรรมแห่งกรุงเทพทราวดี ศรีรัตนโกสินทร์ มหินทรเทพ เสพย์จริยธรรมฯ ได้ทำ Q.C. จริยธรรมแล้ว พบว่าพงศพัศ ขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ผ่าน ไม่สามา-รถกลับเข้ารับราชการได้ เนื่องจากอยู่พรรคเพื่อไทย..ขาดจริยธรรม !
ดังนั้น นักจริยธรรมาธิปไตยทั้งหลายทั้งปวง ประกอบไปด้วยนักวิชาการ แพทย์ สส. สว.ตลอดจนสามัญชนผู้เปี่ยมไปด้วยจริยธรรม ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “ขาดจริยธรรม เพราะอยู่พรรคเพื่อไทย เมื่อกลับไปรับราชการ เกรงต่อมจริยธรรมไม่ทำงาน เพราะอาจเอาคดีฆ่าคนตายที่สมุทรสาคร มายัดให้ สส.พรรคประชาธิปัตย์ผู้สูงส่งก็ได้ หรืออาจเอาคดียาเสพย์ติด มายัดใส่บ้าน สส.สก.หรือสข.พรรคประชาธิปัตย์คนใดคนหนึ่งเข้า เป็นมหันตภัยยิ่งนัก..ในปฐพีนี้ ”
เมี่อมีคนถามว่า “จริยธรรมนี้ ท่านได้เคยใช้กับใครมาบ้างหรือไม่” ได้รับคำตอบจากนักจริยธรรมว่า “ที่ผ่านมา จริยธรรมของเราผลุบๆโผล่ๆ ไม่ต่อเนื่อง เราเลือกได้ว่าจะใช้จริยธรรมกับใคร ส่วนใหญ่จะใช้กับฝ่ายตรงข้าม ส่วนพวกเราไม่ต้องใช้ ..เพราะเราคนดี๊ดีทั้งนั้น ..จริยธรรมเข้าไม่ถึง !
เมื่อถามว่า “อ้าว แล้วกรณีท่านสุรยุทธ์ ยายเที่ยง ที่ก่อนเคยเป็นองคมนตรี ต่อมา คมช.ยึดอำนาจแล้วขอให้มาเป็นนายกฯ จากนั้นก็กลับไปตำแหน่งองคมนตรีอีก อย่างนี้ ท่านเห็นเป็นเช่นใดฤา ..วานบอก “
ได้รับคำตอบว่า “อย่างนั้น ถือว่าท่านล้นพ้นไปด้วยจริยธรรม คุณธรรม มโนธรรม หาใดเปรียบได้ เพียงยังขาดแต่การสวดอภิธรรม 7 คืนเท่านั้น แต่พงศพัศทำไม่ได้ เพราะอยู่พรรคเพื่อไทย..จึงไร้ซึ่งจริยธรรม”
ถามอีกว่า “หากแม้นว่าพงศพัศอยู่พรรคประชาธิปัตย์หรืออีกฝั่งหนึ่งเล่า อย่างนี้ จะสามา-รถกลับมาเป็นข้าราชการอีกได้หรือไม่” ตอบว่า “อ๋อ แน่นอน หากมีจริยธรรมเช่นพรรคนี้แล้ว ต่อให้ฆ่าคนตาย ค้ายาเสพย์ติด เปิดบ่อน ตั้งซ่อง ค้าน้ำมันเถื่อน หวยเถื่อนก็สามารถกลับมาที่เดิมได้ ...เพราะมีจริยธรรม”
คำถามสุดท้าย “ใครหนอ ช่างบัญญัติจริยธรรมอันดีงามนี้ ให้กับประเทศของเรา จนนำพาเราสูงส่งยิ่งในจริยธรรมแห่งสามโลก” คำตอบสุดท้ายว่า “ พวกเราคนดีๆนี่เอง ช่วยกันบัญญัติเอาไว้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามทำตาม..เราคนดี๊ดี
นิยามประจำใจของพวกเรา ยามใดที่เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้าม ทำถูกต้องตามกฎหมาย เราจะพูดว่าขาดจริยธรรม แต่ยามใด เมื่อเขาทำถูกต้องตามจริยธรรม เราจะบอกเขาผิดกฏหมาย เพราะเราคนดี เป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่มีจริยธรรมสูงส่ง แต่พวกเขาไม่มี และหากฝ่ายเราทำอย่างนั้นบ้าง พวกเราจะหุบปาก ไม่พูดถึงทั้งกฎหมายและจริยธรรม เพราะเราคนดี๊ดี ..ใช่ไม่ใช่ พี่น้อง ?” !!!
...พวกเราเป็นคนมีจริยธรรม เพราะเราคนดี๊ดี !...
ประเทศไทยนี้ ดีนักหนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใครใคร่ค้ายาเสพย์ติด..ค้า ใครใคร่เล่นหวยใต้ดิน..เล่น ใครใคร่เปิดบ่อนและอาบอบนวด..เปิด ใครใคร่วางระเบิด..วาง ใครใคร่ทำรัฐประหาร..ทำ ..เพราะเรามีจริยธรรม !
จริยธรรมในประเทศนี้ สูงส่งเกินบรรยาย ไม่อาจวัดได้ด้วยมาตรวัดใดๆในสากลพิภพนี้ ที่ผ่านมา เราใช้คนดี๊ดีมีจริยธรรมสูงส่งปกครองประเทศ จนประเทศเราสามารถ “ถอยหลังอย่างก้าวกระโดด”ไปไกลกว่าเพื่อนบ้านเช่นพม่า และลาว อย่างน่าชื่นชม..โสมนัสยิ่ง !
พงศพัศ พงษ์เจริญ ลาออกจากอาชีพตำรวจ หันมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. เมื่อพลาดหวัง ไม่ได้รับเลือกตั้งดังใจประสงค์ ก็จะหันหน้ากลับคืนสู่อาชีพตำรวจตามเดิม ..ตามกติกา
แต่ปรากฎว่า เมื่อนักจริยธรรมแห่งกรุงเทพทราวดี ศรีรัตนโกสินทร์ มหินทรเทพ เสพย์จริยธรรมฯ ได้ทำ Q.C. จริยธรรมแล้ว พบว่าพงศพัศ ขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ผ่าน ไม่สามา-รถกลับเข้ารับราชการได้ เนื่องจากอยู่พรรคเพื่อไทย..ขาดจริยธรรม !
ดังนั้น นักจริยธรรมาธิปไตยทั้งหลายทั้งปวง ประกอบไปด้วยนักวิชาการ แพทย์ สส. สว.ตลอดจนสามัญชนผู้เปี่ยมไปด้วยจริยธรรม ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “ขาดจริยธรรม เพราะอยู่พรรคเพื่อไทย เมื่อกลับไปรับราชการ เกรงต่อมจริยธรรมไม่ทำงาน เพราะอาจเอาคดีฆ่าคนตายที่สมุทรสาคร มายัดให้ สส.พรรคประชาธิปัตย์ผู้สูงส่งก็ได้ หรืออาจเอาคดียาเสพย์ติด มายัดใส่บ้าน สส.สก.หรือสข.พรรคประชาธิปัตย์คนใดคนหนึ่งเข้า เป็นมหันตภัยยิ่งนัก..ในปฐพีนี้ ”
เมี่อมีคนถามว่า “จริยธรรมนี้ ท่านได้เคยใช้กับใครมาบ้างหรือไม่” ได้รับคำตอบจากนักจริยธรรมว่า “ที่ผ่านมา จริยธรรมของเราผลุบๆโผล่ๆ ไม่ต่อเนื่อง เราเลือกได้ว่าจะใช้จริยธรรมกับใคร ส่วนใหญ่จะใช้กับฝ่ายตรงข้าม ส่วนพวกเราไม่ต้องใช้ ..เพราะเราคนดี๊ดีทั้งนั้น ..จริยธรรมเข้าไม่ถึง !
เมื่อถามว่า “อ้าว แล้วกรณีท่านสุรยุทธ์ ยายเที่ยง ที่ก่อนเคยเป็นองคมนตรี ต่อมา คมช.ยึดอำนาจแล้วขอให้มาเป็นนายกฯ จากนั้นก็กลับไปตำแหน่งองคมนตรีอีก อย่างนี้ ท่านเห็นเป็นเช่นใดฤา ..วานบอก “
ได้รับคำตอบว่า “อย่างนั้น ถือว่าท่านล้นพ้นไปด้วยจริยธรรม คุณธรรม มโนธรรม หาใดเปรียบได้ เพียงยังขาดแต่การสวดอภิธรรม 7 คืนเท่านั้น แต่พงศพัศทำไม่ได้ เพราะอยู่พรรคเพื่อไทย..จึงไร้ซึ่งจริยธรรม”
ถามอีกว่า “หากแม้นว่าพงศพัศอยู่พรรคประชาธิปัตย์หรืออีกฝั่งหนึ่งเล่า อย่างนี้ จะสามา-รถกลับมาเป็นข้าราชการอีกได้หรือไม่” ตอบว่า “อ๋อ แน่นอน หากมีจริยธรรมเช่นพรรคนี้แล้ว ต่อให้ฆ่าคนตาย ค้ายาเสพย์ติด เปิดบ่อน ตั้งซ่อง ค้าน้ำมันเถื่อน หวยเถื่อนก็สามารถกลับมาที่เดิมได้ ...เพราะมีจริยธรรม”
คำถามสุดท้าย “ใครหนอ ช่างบัญญัติจริยธรรมอันดีงามนี้ ให้กับประเทศของเรา จนนำพาเราสูงส่งยิ่งในจริยธรรมแห่งสามโลก” คำตอบสุดท้ายว่า “ พวกเราคนดีๆนี่เอง ช่วยกันบัญญัติเอาไว้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามทำตาม..เราคนดี๊ดี
นิยามประจำใจของพวกเรา ยามใดที่เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้าม ทำถูกต้องตามกฎหมาย เราจะพูดว่าขาดจริยธรรม แต่ยามใด เมื่อเขาทำถูกต้องตามจริยธรรม เราจะบอกเขาผิดกฏหมาย เพราะเราคนดี เป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่มีจริยธรรมสูงส่ง แต่พวกเขาไม่มี และหากฝ่ายเราทำอย่างนั้นบ้าง พวกเราจะหุบปาก ไม่พูดถึงทั้งกฎหมายและจริยธรรม เพราะเราคนดี๊ดี ..ใช่ไม่ใช่ พี่น้อง ?” !!!