เกริ่นก่อนว่าเป็นลูกค้าของชาเนลมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
แต่ โดยปกติแล้วไม่ได้ซื้อของที่เค้าเตอร์ในไทยเลย
ที่ซื้อที่เป็นลูกค้ามาก็คือน้ำหอมค่ะ เราเป็นคนใช้น้ำหอมเปลืองมาก
ครั้งแรกเราซื้อที่สิงคโปร์รอบแรกสองขวด รอบสองอีกสามขวด ล่าสุดซื้อที่อเมริกาสามขวดเมื่อประมาณหกเดือนที่แล้ว
ตอนนี้น้ำหอมนั้นสามขวดนั้นหมดไปแล้วค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นทั้งลูกค้าน้ำหอมมาเป็นเครื่องสำอาง
ครั้งแรกที่เราเข้าไปในเค้าเตอร์นั้นกลัวมาก เพราะเราเป็นนักศึกษา เคยได้ยินมาหลายอย่าง บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดี
วันแรกที่เราเข้าไปนั้นมีพี่ผู้หญิงคนนึงผมยาวรวบตึง เข้ามาดูแลดีมากๆ
เราสนใจรองพื้น พี่เขาก็ถามสภาพผิวหน้าเราเป็นอย่างไร และก็แนะนำ รุ่น PERFECTION LUMIÈRE มาให้เรา
พร้อมกับลองสี ตอนแรกก็ไม่ค่อยไว้ใจ และอยากเก็บไปคิดก่อนว่าจะซื้อดีไหม
เพราะราคาค่อนข้างสูง พี่เขาก็ไม่ว่าอะไรบริการดีมาก ถึงแม้เราจะยังไม่ซื้อก็ตาม
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นเราก็ไปที่เค้าเตอร์อีก ตัดสินใจได้แล้วแหละว่าจะซื้อ
ไปถึงช่วงนั้นเป็นช่วงเย็นๆ คนเต็มเค้าเตอร์ไปหมด แต่ก็มีบีเอว่างอยู่สามถึงสี่คน
ก็ไม่มีใครเข้ามาดูแลเรา เราก็ใส่ชุนักศึกษาไปนั่นแหละค่ะ
เราเลยเรียกพี่คนนึง เป็นผู้หญิงผมบ็อบ สูงพอประมาณน่าจะสัก160ซม.
เราก็เรียกแบบ “พี่คะช่วยดูตัวนี้ให้หน่อยค่ะ” พี่เขามองหน้าเราแบบเหยียดๆ ทำกิริยาเหมือนไม่เต็มใจ
เราก็ไม่สนใจเพราะเรามาซื้อของ เราก็บอกเขาว่าเอารุ่นนี้สีนี้
พี่เขาก็มองหน้าเราแบบเซ็งๆ เราก็แบบอ้าวเห้ย เรามาซื้อ แล้วไม่มีใครสนใจ
แต่เราก็ดูไว้แล้วมาลองสีแล้ว เขาก็ไปหยิบของมาแล้วก็เรียกเราเดินตามเขาไปจ่ายเงิน
วันนั้นเราจ่ายเป็นบัตรเดบิต ระหว่างที่รอคิวพี่เขาก็ตะโกนข้ามหัวเราไปคุยกับเพื่อนอีกเค้าเตอร์นึง เหมือนเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น
และพอจ่ายเสร็จเซ็นบัตรอะไรเรียบร้อยก็ส่งของให้แล้วก็เดินกลับไปเลย แบบไม่สนใจเราเลย
เราก็ได้แต่เซ็ง ไม่ชอบใจบริการ
และเมื่อวันจันทร์ที่แล้วก็เข้าไปทำการซื้ออีกครั้ง คราวนี้คุณพ่อเป็นสปอนเซอร์ให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์
คุณพ่อเราก็ไลน์อย่างเดียว คุยกับเพื่อนบลาๆ ตลอดทางที่เราพาเดินไปเค้าเตอร์ชาเนล
ในใจเราก็นึกกลัว เพราะคราวที่แล้วถามว่าเข็ดไหม เราเข็ดนะ และคิดว่าถ้ามาซื้อเองคงไม่มาอีกแล้ว
แต่ครั้งนี้มีคุณพ่อมาด้วย และของเราหมดแล้ว แล้วเราก็อยากได้จริงๆ
(เราเป็นพวกถ้าใช้อะไรแล้วดีกับเรา เราจะไม่ได้ดั้นดนทดลองใช้ตัวใหม่ๆ อีกเลย จนกว่ามันจะเลิกผลิตไป จนต้องหาตัวใหม่)
ก็พากันไปสองพ่อลูก เราเข้าไปก็ไปดูน้ำหอมก่อน เพราะจริงๆ อยากได้ทั้งน้ำหอมและรองพื้น
ก็ไม่มีพนักงาน คุณพ่อเราเงยหน้ามาหลายรอบไม่เจอพนักงานแกเลยบอกไปจดชื่อรุ่นมา
พ่อเราบินบ่อยค่ะ แกก็เลยจะซื้อมาให้เลยจะเอารุ่นไหนกี่ขวด จดมา เพราะไม่มีพนักงานดูแลเลย
เราก็เดินเลยไปดูรองพื้นก็ยังไม่มีใครเข้ามา พ่อเราก็เล่นไลน์ไม่สนใจเรา
เราก็เดินวนๆๆๆๆ หลายรอบค่ะ เกือบสิบนาทีได้ ยังไม่มีใครเข้ามา
จนในที่สุดก็มีพี่คนนึงค่ะเข้ามาเป็นซีเนียร์บีเอ เราก็ถามหารองพื้น แล้วก็บอกคุณพ่อว่าจะซื้อรองพื้น
แต่ในใจก็อยากได้แป้งพัพด้วย เราก็เลยกระซิบให้พี่เขาแนะนำแป้งให้ พี่เขาก็แนะนำ ว่าสีไหน อะไรยังไง
ทีนี่เราก็เลยบอกพ่อว่าเราอยากได้แป้งพัพด้วย แล้วก็ให้พี่เขาลองลงแป้งให้ แล้วก็ไปให้คุณพ่อดู
คุณพ่อก็โอเคซื้อให้ เราก็ดีใจมากค่ะ พี่บีเอน่ารัก เติมแก้มให้ เติมปากให้ ยอดซื้อเราก็ไม่ถึงที่จะสมัครสมาชิกได้
แค่4,300นิดๆ แต่พี่เขาก็ให้สมัคร แล้วก็น้ำน้ำหอขนาดทดลองมาให้สองอันของผู้หญิงหนึ่งและชายหนึ่ง
และมาสคาร่าขนาดทดลองอีกหนึ่ง และตอนจ่ายเงินพี่เขาก็ให้เข้าไปนั่งรอในเค้าเตอร์ ไม่ใช่ให้เดินตามไปแบบครั้งก่อน
เราก็รู้สึกผ่อนคลาย และมันทำให้เราอยากจะกลับมาซื้อชาเนลใช้เองด้วยเงินของตัวเองอีกครั้ง คุณพ่อก็ชอบใจ
ขอบคุณนะคะที่ทำให้ความรู้สึกดีๆ ของเรากลับคืนมา และจะกลับไปซื้ออีกครั้งถ้ายังบริการดีเหมือนเดิม
แชร์ประสบการณ์ BA Chanel สาขาสยามพารากอน
แต่ โดยปกติแล้วไม่ได้ซื้อของที่เค้าเตอร์ในไทยเลย
ที่ซื้อที่เป็นลูกค้ามาก็คือน้ำหอมค่ะ เราเป็นคนใช้น้ำหอมเปลืองมาก
ครั้งแรกเราซื้อที่สิงคโปร์รอบแรกสองขวด รอบสองอีกสามขวด ล่าสุดซื้อที่อเมริกาสามขวดเมื่อประมาณหกเดือนที่แล้ว
ตอนนี้น้ำหอมนั้นสามขวดนั้นหมดไปแล้วค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นทั้งลูกค้าน้ำหอมมาเป็นเครื่องสำอาง
ครั้งแรกที่เราเข้าไปในเค้าเตอร์นั้นกลัวมาก เพราะเราเป็นนักศึกษา เคยได้ยินมาหลายอย่าง บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดี
วันแรกที่เราเข้าไปนั้นมีพี่ผู้หญิงคนนึงผมยาวรวบตึง เข้ามาดูแลดีมากๆ
เราสนใจรองพื้น พี่เขาก็ถามสภาพผิวหน้าเราเป็นอย่างไร และก็แนะนำ รุ่น PERFECTION LUMIÈRE มาให้เรา
พร้อมกับลองสี ตอนแรกก็ไม่ค่อยไว้ใจ และอยากเก็บไปคิดก่อนว่าจะซื้อดีไหม
เพราะราคาค่อนข้างสูง พี่เขาก็ไม่ว่าอะไรบริการดีมาก ถึงแม้เราจะยังไม่ซื้อก็ตาม
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นเราก็ไปที่เค้าเตอร์อีก ตัดสินใจได้แล้วแหละว่าจะซื้อ
ไปถึงช่วงนั้นเป็นช่วงเย็นๆ คนเต็มเค้าเตอร์ไปหมด แต่ก็มีบีเอว่างอยู่สามถึงสี่คน
ก็ไม่มีใครเข้ามาดูแลเรา เราก็ใส่ชุนักศึกษาไปนั่นแหละค่ะ
เราเลยเรียกพี่คนนึง เป็นผู้หญิงผมบ็อบ สูงพอประมาณน่าจะสัก160ซม.
เราก็เรียกแบบ “พี่คะช่วยดูตัวนี้ให้หน่อยค่ะ” พี่เขามองหน้าเราแบบเหยียดๆ ทำกิริยาเหมือนไม่เต็มใจ
เราก็ไม่สนใจเพราะเรามาซื้อของ เราก็บอกเขาว่าเอารุ่นนี้สีนี้
พี่เขาก็มองหน้าเราแบบเซ็งๆ เราก็แบบอ้าวเห้ย เรามาซื้อ แล้วไม่มีใครสนใจ
แต่เราก็ดูไว้แล้วมาลองสีแล้ว เขาก็ไปหยิบของมาแล้วก็เรียกเราเดินตามเขาไปจ่ายเงิน
วันนั้นเราจ่ายเป็นบัตรเดบิต ระหว่างที่รอคิวพี่เขาก็ตะโกนข้ามหัวเราไปคุยกับเพื่อนอีกเค้าเตอร์นึง เหมือนเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น
และพอจ่ายเสร็จเซ็นบัตรอะไรเรียบร้อยก็ส่งของให้แล้วก็เดินกลับไปเลย แบบไม่สนใจเราเลย
เราก็ได้แต่เซ็ง ไม่ชอบใจบริการ
และเมื่อวันจันทร์ที่แล้วก็เข้าไปทำการซื้ออีกครั้ง คราวนี้คุณพ่อเป็นสปอนเซอร์ให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์
คุณพ่อเราก็ไลน์อย่างเดียว คุยกับเพื่อนบลาๆ ตลอดทางที่เราพาเดินไปเค้าเตอร์ชาเนล
ในใจเราก็นึกกลัว เพราะคราวที่แล้วถามว่าเข็ดไหม เราเข็ดนะ และคิดว่าถ้ามาซื้อเองคงไม่มาอีกแล้ว
แต่ครั้งนี้มีคุณพ่อมาด้วย และของเราหมดแล้ว แล้วเราก็อยากได้จริงๆ
(เราเป็นพวกถ้าใช้อะไรแล้วดีกับเรา เราจะไม่ได้ดั้นดนทดลองใช้ตัวใหม่ๆ อีกเลย จนกว่ามันจะเลิกผลิตไป จนต้องหาตัวใหม่)
ก็พากันไปสองพ่อลูก เราเข้าไปก็ไปดูน้ำหอมก่อน เพราะจริงๆ อยากได้ทั้งน้ำหอมและรองพื้น
ก็ไม่มีพนักงาน คุณพ่อเราเงยหน้ามาหลายรอบไม่เจอพนักงานแกเลยบอกไปจดชื่อรุ่นมา
พ่อเราบินบ่อยค่ะ แกก็เลยจะซื้อมาให้เลยจะเอารุ่นไหนกี่ขวด จดมา เพราะไม่มีพนักงานดูแลเลย
เราก็เดินเลยไปดูรองพื้นก็ยังไม่มีใครเข้ามา พ่อเราก็เล่นไลน์ไม่สนใจเรา
เราก็เดินวนๆๆๆๆ หลายรอบค่ะ เกือบสิบนาทีได้ ยังไม่มีใครเข้ามา
จนในที่สุดก็มีพี่คนนึงค่ะเข้ามาเป็นซีเนียร์บีเอ เราก็ถามหารองพื้น แล้วก็บอกคุณพ่อว่าจะซื้อรองพื้น
แต่ในใจก็อยากได้แป้งพัพด้วย เราก็เลยกระซิบให้พี่เขาแนะนำแป้งให้ พี่เขาก็แนะนำ ว่าสีไหน อะไรยังไง
ทีนี่เราก็เลยบอกพ่อว่าเราอยากได้แป้งพัพด้วย แล้วก็ให้พี่เขาลองลงแป้งให้ แล้วก็ไปให้คุณพ่อดู
คุณพ่อก็โอเคซื้อให้ เราก็ดีใจมากค่ะ พี่บีเอน่ารัก เติมแก้มให้ เติมปากให้ ยอดซื้อเราก็ไม่ถึงที่จะสมัครสมาชิกได้
แค่4,300นิดๆ แต่พี่เขาก็ให้สมัคร แล้วก็น้ำน้ำหอขนาดทดลองมาให้สองอันของผู้หญิงหนึ่งและชายหนึ่ง
และมาสคาร่าขนาดทดลองอีกหนึ่ง และตอนจ่ายเงินพี่เขาก็ให้เข้าไปนั่งรอในเค้าเตอร์ ไม่ใช่ให้เดินตามไปแบบครั้งก่อน
เราก็รู้สึกผ่อนคลาย และมันทำให้เราอยากจะกลับมาซื้อชาเนลใช้เองด้วยเงินของตัวเองอีกครั้ง คุณพ่อก็ชอบใจ
ขอบคุณนะคะที่ทำให้ความรู้สึกดีๆ ของเรากลับคืนมา และจะกลับไปซื้ออีกครั้งถ้ายังบริการดีเหมือนเดิม