เมื่อวันพุธที่ผ่านมาผมกลับเข้ามากระทู้ไม่ทันต้องขออภัยด้วย
เรื่องของผัสสะนี้เป็นเรื่องสำคัญเป็นสาระระดับหัวใจของพุทธศาสนา
สติที่ฝึกมายังที่ไม่ดีพอก็จะแพ้ไม่ทันต่อผัสสะที่เกิดขึ้นทางอายตน
ขอยกตัวอย่างการก้าวพ้นผัสสะในขณะทำสมาธิมาให้ฟัง
ใครเคยเข้าถึงสมาธิระดับปฐมฌานด้วยอานาปานสติ
ก็จะสังเกตุเห็นการดับของผัสสะได้อย่างชัดเจน(ดู..สุญกถา)
โดยเริ่มสมาธิเราจะกำหนดจุดสังเกตุที่ลมกระทบเข้าออก
มีผู้รู้ผู้สังเกตุหรือผู้ผัสสะและสิ่งที่ถูกผัสสะอย่างชัดเจน
แต่เมื่อเข้าปฐมฌานจะเห็นอาการที่เรียกว่าเห็นกายในกาย
จุดนี้เองที่ผู้รู้หายไปผู้สังเกตุหายไป
โดยผู้รู้ผู้สังเกตุเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่ถูกรู้ถูกสังเกตุ
เรากับลมหายใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ก็เท่ากับไม่มีผู้ผัสสะกับสิ่งที่ถูกผัสสะ
อาการแบบนี้ในสุญกถาในพระไตรปิฎกเรียกว่า
อวิชชาดับด้วยการถูกข่มด้วยปฐมฌาน
อวิชชาดับผัสสะดับเห็นปฐมฌาน
แต่ในชีวิตประจำวันที่เราต้องผัสสะอยู่ตลอดเวลา
สติที่ฝึกมาดีแล้วจะข่มผัสสะและอวิชชาได้
ด้วยการเห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไปของสิ่งที่ผัสสะปรุงแต่งขึ้น
การเห็นหรืออาการทันต่อผัสสะนั้นคือสติรู้ตัว
สติไม่ใช่อาการไปเพ่งไปจ้องผัสสะแต่มันเป็นปัญญา
ที่ทำให้เราทันต่อผัสสะโดยไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของผัสสะ
โดยเราปล่อยวางและหยุดสิ่งที่มันปรุ่งแต่งมันได้
สำหรับปุถุชนยังมีผัสสะที่มีอวิชชาเป็นปัจจัย
ต่างจากพระอรหันต์ที่อวิชชาดับสนิทแล้ว
แต่ท่านก็ยังมีผัสสะโดยผัสสะของพระอรหันต์มีชีพหรือชีวิตเป็นปัจจัย
..ข้ามพ้น..ผัสสะ (2)
เรื่องของผัสสะนี้เป็นเรื่องสำคัญเป็นสาระระดับหัวใจของพุทธศาสนา
สติที่ฝึกมายังที่ไม่ดีพอก็จะแพ้ไม่ทันต่อผัสสะที่เกิดขึ้นทางอายตน
ขอยกตัวอย่างการก้าวพ้นผัสสะในขณะทำสมาธิมาให้ฟัง
ใครเคยเข้าถึงสมาธิระดับปฐมฌานด้วยอานาปานสติ
ก็จะสังเกตุเห็นการดับของผัสสะได้อย่างชัดเจน(ดู..สุญกถา)
โดยเริ่มสมาธิเราจะกำหนดจุดสังเกตุที่ลมกระทบเข้าออก
มีผู้รู้ผู้สังเกตุหรือผู้ผัสสะและสิ่งที่ถูกผัสสะอย่างชัดเจน
แต่เมื่อเข้าปฐมฌานจะเห็นอาการที่เรียกว่าเห็นกายในกาย
จุดนี้เองที่ผู้รู้หายไปผู้สังเกตุหายไป
โดยผู้รู้ผู้สังเกตุเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่ถูกรู้ถูกสังเกตุ
เรากับลมหายใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ก็เท่ากับไม่มีผู้ผัสสะกับสิ่งที่ถูกผัสสะ
อาการแบบนี้ในสุญกถาในพระไตรปิฎกเรียกว่า
อวิชชาดับด้วยการถูกข่มด้วยปฐมฌาน
อวิชชาดับผัสสะดับเห็นปฐมฌาน
แต่ในชีวิตประจำวันที่เราต้องผัสสะอยู่ตลอดเวลา
สติที่ฝึกมาดีแล้วจะข่มผัสสะและอวิชชาได้
ด้วยการเห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไปของสิ่งที่ผัสสะปรุงแต่งขึ้น
การเห็นหรืออาการทันต่อผัสสะนั้นคือสติรู้ตัว
สติไม่ใช่อาการไปเพ่งไปจ้องผัสสะแต่มันเป็นปัญญา
ที่ทำให้เราทันต่อผัสสะโดยไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของผัสสะ
โดยเราปล่อยวางและหยุดสิ่งที่มันปรุ่งแต่งมันได้
สำหรับปุถุชนยังมีผัสสะที่มีอวิชชาเป็นปัจจัย
ต่างจากพระอรหันต์ที่อวิชชาดับสนิทแล้ว
แต่ท่านก็ยังมีผัสสะโดยผัสสะของพระอรหันต์มีชีพหรือชีวิตเป็นปัจจัย