________ร่ายนางรำ__________ [... บทที่ ๖ ...]

กระทู้สนทนา
________ร่ายนางรำ__________ [... บทที่ ๕ ...]
http://ppantip.com/topic/30065020



ติดตาม "ร่ายนางรำ" ได้ทุกบทจากบล็อกนะครับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=song982&month=01-2013&date=20&group=27&gblog=1
***********************************************************************************






                                                            บทที่ ๖


    “คุณพี่ก็ทราบ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คุณศร...”

    ศศิประภายังถามย้ำ อย่างไม่มั่นใจ เมื่อเห็นว่าสัตยาไม่มีท่าทางเดือดร้อนอันใด

    “ก็นั่นน่ะซี เมื่อปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณศร แล้วคุณศิจะกังวลไปไย”

    “คุณศรไม่ยอมเป็นแบบ เพราะอาย... หรือเพราะซื้อเวลา จะไม่ยอมออกเรือนก็ไม่ทราบ แต่ทางเราจะมีแต่เสียกับเสีย”

    คนถามไม่สบายใจ ยังไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะมีทางออกได้อย่างไร

    “คือ ถ้าวาดได้ เรื่องก็จบ คุณศิจะหมายความอย่างนั้นใช่ไหม”

    “ซีคะ แล้วรูปภาพคุณศร หาง่ายเสียที่ไหน ท่านผู้นำท่านหวงลูกสาวคนนี้มาก”

    “รักมาก หลงมาก เลยเสียเด็ก”

    “คุณศรก็เป็นอย่างนั้น ใครๆ ก็ต้องตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ อย่างเรื่องถ่ายภาพก็ไว้ตัวจะตายไป เคยยอมให้ใครที่ไหนกัน”

    “คุณศิเลยตั้งใจจะให้พี่ใช้แบบแบนๆ ในกระดาษหนังสือพิมพ์หรืออย่างไรจ๊ะ”

    “ก็ศิไม่เห็นหนทางนี่คะ พรุ่งนี้ไม่รู้จะกลับไปสู้หน้าท่านๆ กันยังไง”

    “พี่รับปากได้ว่า พรุ่งนี้พวกท่านๆ ทั้งท่านผู้นำ คุณน้าและคุณศรเอง จะต้องพอใจ”

    “ทำไมหรือคะ หรือว่าคุณพี่ไปเรียนวิชาโหราพยากรณ์ที่ไหนมา ถึงจะรู้ได้ว่าวันนี้พรุ่งนี้ ใครจะอารมณ์ดีหรือร้าย หรือว่าได้ทางใน แค่เพ่งจิตก็รู้เห็นได้อย่างใจคิด...”

    “พี่รับปากแล้วก็แล้วกันเถิดน่า หรือว่าไม่เชื่อถือฝีมือพี่เสียแล้ว”

    “แต่...”

    พอเห็นภรรยายังเซ้าซี้อยู่ไม่วาย สัตยาก็นิ่งเสีย เลิกพูดถึงเรื่องนี้อีกจนจบมื้อเย็นพอล้างมือบ้วนปากแล้ว จึงบอกกับหล่อนอีกครั้งว่า คืนนี้จะอยู่ในห้องทำงานทั้งคืน

    ใจของเองสัตยานั้นก็ยังนึกสงสัยอยู่ไม่วาย ว่าที่จริงแล้ว เหตุไรตนจึงไม่อาจตัดใจจากเรื่องราวในอดีตได้สักที และคิดจะใช้โอกาสนี้ ลองลบภาพในใจ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าหากตั้งใจ ตั้งสมาธิดีๆ สร้างผลงานชิ้นอื่นขึ้นมา แล้วตราประทับสำคัญที่ฝังใจอยู่นั้น จะจางหายไปได้หรือไม่

    คืนนี้เดือนหงาย น้ำเปี่ยมฝั่ง ลมแม่น้ำพาละอองเย็นชื่นมาสัมผัสให้สบายตัว ดอกราตรีริมรั้วส่งกลิ่นหอมเย็นๆ กับที่ฝากภรรยาไปกำชับ อย่าให้ใครพูดจาเอะอะขัดสมาธิ บรรยากาศทั้งหมดรอบตัวจึงสมบูรณ์พร้อม ให้สัตยาได้สร้างผลงานอวดฝีมืออีกครั้ง

    เพียงกระดาษเท่านั้นที่ต่างออกไป จากกระดาษชั้นเลิศที่ญาติผู้พี่ของศศิประภาอ้างว่าทำขึ้นจากหนังมนุษย์ สิ่งอื่นล้วนไม่ได้ด้อยกว่า ทั้งแสง สี บรรยากาศรอบตัว หรือกระทั่งอารมณ์ความรู้สึกของผู้วาด ที่เพียบพร้อมเพียงพอ

    จนใกล้รุ่งภาพจึงใกล้สำเร็จ แค่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย หลังจากพินิจพิจารณาทุกเส้นสาย ปลายพู่กันพอแต้มสีสุดท้าย ให้ริมฝีปากระเรื่องาม ก็เป็นอันสำเร็จ

    ความตั้งใจใช้สมาธิอย่างมหาศาล ต่างจากการทำงานคล้ายต้องมนตร์ในการวาดภาพคราวก่อน ครั้งนี้เขาทั้งรู้สึกอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย บอกตัวเองว่า คงเพราะหักโหมสร้างผลงานอย่างนี้ถึงสองชิ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงอ่อนล้าไปหมด

    ถึงกับฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ตอนที่ศศิประภาเผยประตูเข้ามาในช่วงสาย

    หล่อนเห็นผู้เป็นสามีนิ่งอยู่ในท่านั้น ก็รีบเข้ามาดูแล

    พอเห็นว่าแผ่นกระดาษตรงหน้าเป็นรูปอะไร ก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจ

    อดไม่ได้ที่จะต้องเขย่าเรียก

    “สวย... สวยงามมากค่ะคุณพี่”

    สัตยายังงัวเงีย ตอนได้ยินภรรยาถามต่อไป

    “ภาพวาดสีน้ำ น้องไม่เคยเห็นคุณพี่วาดสักเท่าไร ว่ากันว่าแถบยุโรปโน่นเขาเล่นทางสีน้ำมันมากกว่า”

    “สีน้ำพี่เพิ่งมาหัดที่หลัง ที่...”

    เกือบจะพลั้งปากออกไปว่า มาได้อาจารย์ที่เป็นจีนเวียดนาม เคยช่วยสอนให้ตอนอยู่ในเขมร

    “...ใจจริงพี่ชอบทางสีน้ำ มีพื้นจากตะวันตก พอได้ฝึกแนวสีน้ำตะวันออก ก็อาจจะดูมีมิติขึ้นมาอีกหน่อย”

    “ขนาดนี้ไม่หน่อยแล้วละค่ะ สวยงามขนาดนี้ ศิว่าทุกคนจะต้องพอใจแน่นอน”

    “สิ่งไรที่พี่รับปากไว้แล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จซีจ๊ะ”

    “ว่าแต่ เห็นหน้ากันไม่กี่ครั้ง คุณพี่จดจำคุณศรได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือคะ”

    เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ศศิประภาจึงต้องถาม

    “พี่ว่าสวยกว่า... หรือคุณศิว่าอย่างไร สวยกว่าคุณศรตัวจริงๆ หรือไม่”

    “ก็นั่นละคะ เห็นแค่ครั้งสองครั้ง ถ้าไม่คิดอะไร มีหรือที่จะจดจะจำได้ขนาดนี้...”

    สัตยานิ่งไปนิดหนึ่ง อาจเพราะยังไม่ตื่นดี ความคิดจึงไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร

    “คนที่สวยกว่าคุณศร พี่ก็เห็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน มีหรือจะจดจำความสวยงามเพียงแค่นั้นไม่ได้”

    “พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ”

    แม้จะเข้าใจความหมายในคำพูดของสามีได้ทันที แต่ศศิประภายังถามไปอย่างนั้น

    “ก็หมายความว่า ที่วาดมานี้ แท้จริงในจินตนาการของพี่คือคุณศิเพียงคนเดียว”

    “แล้ว...”

    “คุณศิกับคุณศร เป็นญาติสนิทกัน ก็ต้องคล้ายกันเป็นธรรมดา”

    “อย่าทำมาเป็นพูดดีไปหน่อยเลย”

    “พี่พูดจริงๆ ก็ถามอยู่ว่า สวยกว่าตัวจริงหรือเปล่า เพราะเมียพี่สวยจับตาจับใจมากกว่านัก”

    สัตยาดึงตัวภรรยาเข้ามากอด แสดงให้หล่อนรู้ว่า เขายังทั้งรักทั้งหลงหล่อนอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

    “คุณพี่พักเถอะค่ะ หน้าตาท่าทางเหมือนเหนื่อยมาทั้งคืน”

    “จริงสิ พอคุณศิทัก พี่ก็ว่า รูปนี้เหมือนมีอะไรมาเหนี่ยวรั้ง กว่าจะลงแต่ละเส้น แต่ละสี มันจดๆ จ้องๆ เหมือนคนไม่เคยพู่กัน”

    “อย่างนั้นก็ไปนอนเสียก่อนนะคะ ศิจะรีบนำรูปนี้ไปที่จวนท่านผู้นำ”

    “ก็ต้องลำบากคุณศิอีกแล้ว”

    “ลำบากที่ไหนล่ะค่ะ ไปเอาหน้า สิไม่ว่า”

    ศศิประภาวางภาพลง เพื่อจะจูงสามีสุดที่รักกลับไปนอนพักในห้องนอน กังวลว่าประตูห้องทำงานจะเปิดไม่ออกอีก จึงคล้องขอ ขัดบานประตูไว้ไม่ให้เขยื้อน




    “ความหวังก็คือไปเจริญสูงสุดในอาชีพราชการ คงอีกยาวไกลนักหากไม่ได้น้องศิคอยดูแล...”

    ศศิประภาเก็บคำชื่นชมนี้ไว้ยิ้มกับตัวเอง ในตลอดทางที่นั่งรถมาถึงที่พำนักของคุณพรสุรางค์และศรสวรรค์

    “โทร.มาให้น้าตื่นเต้นแต่เช้า พอดีปราโมทย์เขาแวะมา เลยพลอยตื่นเต้นไปด้วย”

    อนุภรรยาคนโปรดของท่านผู้นำ นั่งรอในห้องรับแขกอยู่ก่อนแล้ว

    ส่วนศรสวรรค์ ผู้ที่จริงๆ ควรจะได้นั่งเป็นแบบให้สัตยาวาด ก็ยังทำหน้าบอกบุญไม่รับเฉยอยู่

    หลังจากม้วนภาพถูกคลี่ออกมาให้เห็นกันถ้วนทั่วนั่นละ ที่บุตรสาวคนโปรดของท่านผู้นำ จึงยิ้มออกมาได้

    “สวย... สวยจนบอกไม่ถูก...”

    คุณพรสุรางค์เผลอเอ่ยออกมา

    ขณะที่ปราโมทย์ถึงกับฉวยภาพนั้นไปพิจารณาใกล้ๆ

    “หมดจดงดงามเสียนี่กระไร”

    ศรสวรรค์ได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร จะเขินอาย หรือดีใจให้เต็มที่ก็ไม่แน่ใจ

    “ทั้งปากคอคิ้วคาง เก็บรายละเอียดได้ดีมาก”

    ระหว่างยังชื่นชม ญาติผู้พี่ของศศิประภาก็ยกภาพขึ้นเทียบเคียงกับตัวจริง

    “ดูตรงดวงตานี้สิ หวานปานจะหยด สมใจไหมครับคุณน้า คุณศร”

    “ต้องถามเจ้าตัวเขาเองกระมัง”

    ผู้เป็นมารดาหันไปทางบุตรี แต่ปราโมทย์ยังแทรกขึ้นอีก

    “อย่างที่เขาว่าจริงๆ จะวาดดาดๆ สักแต่ว่าให้มันสวยๆ ใครๆ ก็ทำได้ แต่การถ่ายทอดออกมาให้รูปวาด ราวกับมีชีวิตจิตใจ เขียนแววตา ประกายตา ได้ขนาดนี้ แสดงว่าต้องตั้งใจจริง และมีสมาธิอย่างมาก”

    เพราะญาติผู้พี่รำพึงรำพันอยู่อย่างนั้น ศรสวรรค์จึงยังมีเวลาคิดไปถึงคนวาดภาพ ยิ่งพอได้ยินว่าต้องตั้งใจจริง ต้องมีสมาธิอย่างมาก หล่อนก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคงสำคัญไม่น้อยในหัวใจของสัตยา

    “แม่ศร... แม่ศร...”

    คุณพรศุรางค์ต้องเรียกซ้ำอีกสองครั้ง กว่าลูกสาวจะหันมาสบตา สะดุ้งนิดเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ห้วงฝัน

    “คะ...คุณแม่”

    “แม่ถามว่าชอบหรือเปล่า...”

    “ชอบ ชอบอะไรหรือคะ”

    ศรสวรรค์พยายามกลบเกลื่อนพิรุธที่เผลอเหม่อลอยอย่างเต็มที่

    สุภาพสตรีอีกสองคนจึงได้แต่หันหน้าไปอมยิ้มใส่กัน

    “ก็ที่เรากำลังยืนดูอยู่นี้ไง ภาพเหมือนตัวหนูนี่น่ะ ชอบไหมจ๊ะ”

    “ชอบสิคะ ชอบมาก”

    “แต่ว่า สัตยาเขาวาดรูปนี้เสร็จในคืนเดียวได้จริงๆ น่ะหรือ”

    ปราโมทย์แทรกขึ้นอีก จนคนที่เหลือก็นึกเคืองๆ อยู่เหมือนกัน

    “แล้วทำไมจะไม่จริงล่ะพี่โมทย์ คุณพี่เค้าวาดอยู่ทั้งคน เพิ่งจะได้เอนหลังตอนที่ศิออกมานี่เอง”

    “แต่ เมื่อวานเขาเพิ่งบอกว่า มันต้องใช้เวลา ต้องมีแบบต้องมีอารมณ์ ต้องมีนั่นมีนี่ ภาพถึงจะออกมาได้สวยสมบูรณ์”

    จบคำนี้ ศศิประภาถึงกับหัวเราะขัน ก่อนจะพูดว่า

    “ก็นึกว่าพี่โมทย์จะเชี่ยวชาญ จนรู้ขั้นตอนรายละเอียด ไม่จริงหรอกค่ะ สำหรับคุณพี่เค้า แค่มุ่งมั่นตั้งใจเต็มที่ ในคืนเดียวก็วาดออกมาได้อย่างที่เห็น”

    “เขาตั้งใจมากเลยหรือคะพี่ศิ”

    เป็นศรสวรรค์ที่ส่งเสียงเหมือนกำลังละเมอ

    “ซีจะ กับเรื่องนี้ เขาทุ่มเทมาก ยังบอกว่าเพื่อคุณศร เพื่อคุณน้า ไม่มีอะไรที่จะเกินความพยายาม”

    ประโยคท้าย เป็นคนพูดนี้ละ ที่แต่งเติมเข้าไป

    “แล้วทำไมทีของพี่จึงช้านักเล่า”

    ปราโมทย์ยังไม่หยุด

    “เรื่องนี้ ถ้าพี่โมทย์อยากให้สำเร็จ ก็ต้องผ่านน้องก่อน เพราะคุณพี่เค้าน่ะ เชื่อฟังน้องเพียงคนเดียว”

    ศศิประภาเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ ไม่เห็นหรอกว่า ข้างหลังนั้น ศรสวรรค์ที่กำลังดื่มด่ำกับความตั้งอกตั้งใจของสัตยา หันมาค้อนควักให้กับหล่อน

    ธิดาของท่านจอมพลผู้นำนั้น ถูกตามใจมาแต่เล็กแต่น้อย เมื่อแรกได้พบปะกับสัตยา ก็คิดไว้แล้วว่านี้แหละคือชายในฝัน คือยอดดวงใจที่ตนจะต้องได้มาครอบครอง ยังนึกแช่งชักหักกระดูกให้ผู้ที่เป็นเสมือนพี่สาวคือศศิประภา รีบๆ ตายไปเสียให้พ้นทาง

    พอมาได้ฟังหล่อนโอ่อ่าออกตัวว่า สามีแสนรักแสนหวงจนเชื่อฟังทุกอย่าง จากความอิจฉาเล็กๆ ที่ยังพอระงับไว้ได้ จึงลุกโชนขึ้นเป็นไฟริษยากองมหึมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่