ปีใหม่ที่เพิ่งจะผ่านพ้นมาผมไม่ได้ไปฉลองต้อนรับปีใหม่เหมือนใครๆเขา
เพราะต้องไปนอนในโรงพยาบาลให้คุณหมอตัดต่อไส้จากอาการลำไส้อุดตัน
หลังผ่าตัดกินอาหารไม่รู้รสชาติเอาเสียเลย เป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์เลยล่ะ
เออ..แล้วรสชาติผัสสะจากลิ้นมันหายไปไหนเสีย..ล่ะ!
แม้เวลากินจะไม่รู้รสชาติของอาหารผมก็กินจนหมดจานได้ทุกครั้ง
ผมเคี้ยวอาหารช้าๆอย่างที่เคยฝึกเจริญสติมา
ตอนนั้นคิดว่าแม้ลิ้นจะไม่รู้รสแต่เรารู้สติขณะเคี้ยวได้ตลอด
เป็นว่ากินอาหารไม่รู้รสแต่มีอาการรู้ตัวมีสติขึ้นมาแทน ก็ดีเหมือนกัน
ปรากฏการณ์ลิ้นไม่รู้รสนี้ทำให้ผมคิดถึงพระสูตรบทหนึ่ง
ที่พระพุทธองค์กล่าวถึงพวกที่ยึดมั่นในภพต่างๆว่ามีอัตตาอมตะอยู่
ว่าเป็นความหลงเพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย
ชิวหาผัสสะทำให้เกิดตัวตนที่มีรสนิยมเฉพาะในอาหารขึ้นมา
ตัวตนที่เกิดจากชิวหาผัสสะนี้มีลักษณะที่คับแคบ
คือเลือกกินแต่ในสิ่งที่ถูกใจเทียบไม่ได้กับการกิน
ที่ไม่รู้รสชาติเอาเลย เหมือนในพระสูตรที่กล่าวมา
ว่าผัสสะทำให้สัตว์หลงผิดเข้าใจผิดไปสู่ทางที่แคบ
เพราะว่าลิ้นผัสสะนั้นรู้แต่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อยเท่านั้น
โดยไม่รู้เรื่องของประโยชน์ด้านโภชนาการเอาเลย
จักษุผัสสะการเห็นทางสายตายิ่งทำให้เราเห็นได้แค่สามมิติเท่านั้น
แสงชนิดอื่นๆและมิติอื่นๆจักษุผัสสะรับรู้ไม่ได้เลย
ประสบการณ์การกินอาหารที่ไม่รู้รสชาติแต่เปรี่ยมไปด้วยสติ
ทำให้ผมรู้เห็นตัวตนที่ติดใจในรสชาติอาหารนั้นดับไปโดยมีสติเกิดขึ้นมาแทน
ย้อนระลึกถึงวันที่เห็นคุณพ่อสิ้นลมจักษุผัสสะของญาติๆเห็นว่าท่านตาย
และพากันเสียใจแต่สติได้ทำให้ผมก้าวข้ามจักษุผัสสะโดยรู้สึก
ว่าท่านหมดภาระในสังขารที่ชรานี้แล้วและรู้สึกยินดีกับคุณพ่อด้วย
การมีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อแค่เรื่องในผัสสะทั้งหกเท่ากับขังตนเอง
ไว้ในที่แคบเช่นคิดว่าตนเองเชื่อว่าตนเองเกิดหนเดียวตายหนเดียว
นั่นเพราะขาดญาณระลึกชาติได้ จึงเชื่อแต่ในสิ่งที่ตนเห็นเท่านั้น
โสตผัสสะก็ได้ยินเฉพาะแต่เสียงที่อยู่ใกล้ตัวไม่เคยได้ยินเสียงของ
อดีตญาติพี่น้องพ่อแม่ในอดีตชาติที่ร่ำร้องเรียกหาคอยความช่วยเหลือ
ให้แผ่บุญกุศลไปให้ท่านบ้างเพราะคิดแต่จะบำเรอแค่ญาติพี่น้องที่เห็นได้เท่านั้น
...ข้ามพ้น..ผัสสะ..
เพราะต้องไปนอนในโรงพยาบาลให้คุณหมอตัดต่อไส้จากอาการลำไส้อุดตัน
หลังผ่าตัดกินอาหารไม่รู้รสชาติเอาเสียเลย เป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์เลยล่ะ
เออ..แล้วรสชาติผัสสะจากลิ้นมันหายไปไหนเสีย..ล่ะ!
แม้เวลากินจะไม่รู้รสชาติของอาหารผมก็กินจนหมดจานได้ทุกครั้ง
ผมเคี้ยวอาหารช้าๆอย่างที่เคยฝึกเจริญสติมา
ตอนนั้นคิดว่าแม้ลิ้นจะไม่รู้รสแต่เรารู้สติขณะเคี้ยวได้ตลอด
เป็นว่ากินอาหารไม่รู้รสแต่มีอาการรู้ตัวมีสติขึ้นมาแทน ก็ดีเหมือนกัน
ปรากฏการณ์ลิ้นไม่รู้รสนี้ทำให้ผมคิดถึงพระสูตรบทหนึ่ง
ที่พระพุทธองค์กล่าวถึงพวกที่ยึดมั่นในภพต่างๆว่ามีอัตตาอมตะอยู่
ว่าเป็นความหลงเพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย
ชิวหาผัสสะทำให้เกิดตัวตนที่มีรสนิยมเฉพาะในอาหารขึ้นมา
ตัวตนที่เกิดจากชิวหาผัสสะนี้มีลักษณะที่คับแคบ
คือเลือกกินแต่ในสิ่งที่ถูกใจเทียบไม่ได้กับการกิน
ที่ไม่รู้รสชาติเอาเลย เหมือนในพระสูตรที่กล่าวมา
ว่าผัสสะทำให้สัตว์หลงผิดเข้าใจผิดไปสู่ทางที่แคบ
เพราะว่าลิ้นผัสสะนั้นรู้แต่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อยเท่านั้น
โดยไม่รู้เรื่องของประโยชน์ด้านโภชนาการเอาเลย
จักษุผัสสะการเห็นทางสายตายิ่งทำให้เราเห็นได้แค่สามมิติเท่านั้น
แสงชนิดอื่นๆและมิติอื่นๆจักษุผัสสะรับรู้ไม่ได้เลย
ประสบการณ์การกินอาหารที่ไม่รู้รสชาติแต่เปรี่ยมไปด้วยสติ
ทำให้ผมรู้เห็นตัวตนที่ติดใจในรสชาติอาหารนั้นดับไปโดยมีสติเกิดขึ้นมาแทน
ย้อนระลึกถึงวันที่เห็นคุณพ่อสิ้นลมจักษุผัสสะของญาติๆเห็นว่าท่านตาย
และพากันเสียใจแต่สติได้ทำให้ผมก้าวข้ามจักษุผัสสะโดยรู้สึก
ว่าท่านหมดภาระในสังขารที่ชรานี้แล้วและรู้สึกยินดีกับคุณพ่อด้วย
การมีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อแค่เรื่องในผัสสะทั้งหกเท่ากับขังตนเอง
ไว้ในที่แคบเช่นคิดว่าตนเองเชื่อว่าตนเองเกิดหนเดียวตายหนเดียว
นั่นเพราะขาดญาณระลึกชาติได้ จึงเชื่อแต่ในสิ่งที่ตนเห็นเท่านั้น
โสตผัสสะก็ได้ยินเฉพาะแต่เสียงที่อยู่ใกล้ตัวไม่เคยได้ยินเสียงของ
อดีตญาติพี่น้องพ่อแม่ในอดีตชาติที่ร่ำร้องเรียกหาคอยความช่วยเหลือ
ให้แผ่บุญกุศลไปให้ท่านบ้างเพราะคิดแต่จะบำเรอแค่ญาติพี่น้องที่เห็นได้เท่านั้น