แถมด่าไอ้หนูมาร์ตได้เจ้บแสบ ไอ้ตัวสร้างปัญหาให้ปชช.ทั้ง2ประเทศทะเลาะกัน
รายละเอียดอ่านเอาครับ
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน ราชธานีพนมเปญ แฉแหลก ไอ้หมี ส่งไอ้เทือก ไปเจรจาลับ
วันที่ 23 ม.ค. 56 สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศกัมพูชา เผยแพร่คำแปลคำต่อคำอย่างไม่เป็นทางการ กรณีที่กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลันของรัฐบาลประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 001/13 เพื่อปกป้องเกียรติยศของประเทศชาติ และชี้แจงนโยบายต่างประเทศของกัมพูชา ที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไทยและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างดุเดือด ดังนี้
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 นี้ ในพิธีมอบเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ประชาชน ที่ อ. โอฤเส็ย อ. เซียมโบก จ. สตรึงแตรง สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (นรม.กพช.) ได้กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) กพช.-ไทย ทั้งนี้ เพื่อปกป้องเกียรติยศของประเทศชาติ และชี้แจงนโยบายต่างประเทศของ กพช. ที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน
สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้กล่าวย้อนหลังเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของอดีต นรม. ไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านว่า ตลอดมาอดีต นรม. ผู้นี้ได้เชื่อมโยง กพช. กับปัญหาการเมืองภายในไทยอย่างไม่หยุดยั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มคนสุดโต่ง (เกินเหตุ) เสื้อเหลืองของไทย มักกล่าวหาและโยนความผิดอื่นๆ ให้แก่ อดีตนรม.ไทย นายทักษิณ ชินวัตร ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซ่อนเร้นกับกพช. ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่ในความจริง กลับเป็นอดีตนรม. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ใช้นโยบายโดยสั่งการให้ อดีตรองนรม. สุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีตรมว.กห. ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเจรจา ลับๆกับ สมเด็จฯ ฮุน เซน เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่จ. กันดาล ประเทศ กพช. ขณะที่รัฐบาลไทยชุดที่แล้ว ได้เจรจากันในปัญหานี้อย่างเปิดเผย
เกี่ยวกับปัญหาที่มีความสำคัญเช่นนี้ กองการข่าว และโต้ตอบเร่งด่วน มีหน้าที่ความจำเป็นในการเผยแพร่แถลงการณ์ของการปิโตรเลียมแห่งชาติ กพช. ที่ได้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2554 อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้สาธารณชนทั้งในปท. และต่างชาติ ได้รับทราบอุบายอันเลวร้ายและนโยบายสกปรกอย่างที่สุดของอดีต นรม. ไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการโฆษณาหลอกลวงประชาชนชาวไทย และชาวกพช. รวมทั้งสาธารณชนต่างชาติ เกี่ยวกับการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล กพช.-ไทย และพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่มีเนื้อหาดังนี้
การปิโตรเลียมแห่งชาติ กพช. ภายใต้คำสั่งและการกำกับดูแลของรัฐบาล กพช. มุ่งมั่นและตั้งใจอย่างยิ่งในการหาทางออก ด้วยความเสมอภาค และโปร่งใส ในปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล รัฐบาล กพช. และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 เกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ซึ่งบัทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้กำหนดพื้นที่ที่ต้องกำหนดการแบ่งเขตทางทะเล (Area to be Delimited) และพื้นที่ที่ต้องพัฒนาร่วมกัน (Joint Development Area)
บันทึกความเข้าใจปี 2544 ไม่ใช่เป็นเพียงกระดาษความตกลงเท่านั้น แต่ทั้งสองประเทศได้ใช้งบประมาณ และเอาใจใส่อย่างมากในการปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านเทคนิค คณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค และคณะทำงานอีก 2 คณะ เกี่ยวกับการกำหนดเขตทางทะเล และ พท. พัฒนาร่วมกัน การอธิบายดังกล่าว ยังไม่รวมถึงการวิจัยเชิงวิชาการ และกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกร้องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างสองประเทศ
การหารือ และการเจรจาระหว่างสองประเทศได้รับผลลัพธ์ที่ดีหลายประการในระหว่างปี 2554-2550 และทั้งสองประเทศได้มีข้อเสนอ 2 ข้อสำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมกัน (JDA) คือ ข้อเสนอก้าวข้าม (Break-Through Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่าย กพช. และข้อเสนอแบ่งพื้นที่พัฒนาเป็น 3 ส่วน (Three-Zone Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่ายไทย
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่มีการประชุมร่วมของคณะกรรมาธิการด้านเทคนิค (JTC) อย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ฯ ได้ประสานมายังรัฐบาล กพช. เพื่อทำการเจรจาปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลหลายครั้ง ได้แก่ การพบปะระหว่างสมเด็จฯ ฮุน เซน นรม. แห่งราชอาณาจักร กพช. กับอดีต รอง นรม. ไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีต รมว. กห. ไทย นายประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่ จ. กันดาล ประเทศ กพช. และการพบปะลับระหว่างนายสุเทพฯ กับ ฯพณฯ รอง นรม. สุข อาน ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2552 และต่อมาที่เมืองคุนหมิง วันที่ 16 ก.ค. 2553
ระหว่างการพบปะกันนั้น นายสุเทพฯ ได้แสดงความจำนงอยากแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นภายในวาระสมัยของรัฐบาลอภิสิทธิ์ฯ โดยการพบปะเจรจาลับทำขึ้นตามการร้องขอของอดีตรองนรม. สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ได้ยืนยันว่า เป็นคำสั่งการและได้รับการมอบหมายจากนรม.อภิสิทธิ์ฯ ซึ่งกพช. ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงต้องเจรจาลับ เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ทุกการเจรจาล้วนทำขึ้นอย่างเปิดเผย แต่กลับถูกกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน กพช. จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ฯ จึงต้องเจรจาลับ และปชช.ไทย หรือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ทราบเรื่องการเจรจาลับนี้หรือไม่ ขณะที่ อดีต นรม. และ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านซึ่งปัจจุบัน คือ นายอภิสิทธิฯ ได้ประกาศเกี่ยวกับความโปร่งใส ตลอดจนกล่าวหา ฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำงานอย่างเปิดเผยกับกพช. ว่า มีผลประโญชน์มับซ้อนกับกพช. และกีดขวางดำเนินการเจรจาระหว่างรัฐบาลชุดใหม่ของไทยกับรัฐบาลกพช. ดังนั้น กพช.จึงมีความจำเป็นต้องเผยความลับนี้เพื่อปกป้องกพช. และฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร จากการใส่ร้ายของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยนรม. ยิ่งลักษณ์ฯ ยังไม่ได้พบหารือ หรือมีข้อเสนอใดกับรัฐบาล กพช. ในการแก้ไขพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่งในการแก้ไขข้อพิพาทเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ส่วนตัวตามการกล่าวหาของนางอานิก อัมระนันทน์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีขึ้นระหว่างการอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 23-24-25 ส.ค. 2554
รัฐบาลกพช. พร้อมและยินดีต่อการเริ่มต้นเจรจาอย่างเปิดเผย และอย่างเป็นทางการอีกครั้งในปัญหานี้ และสานต่องานนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเท่าที่สามารถกระทำได้ เพื่อเป็นประโยชน์ของ ปชช. และประเทศทั้งสองต่อไป
ราชธานีพนมเปญ วันที่ 21 มกราคม 2556
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน
สำนักคณะรัฐมนตรี
งามใส้ ฮุนเซ็นเผยรัฐบาลอปิสิด แอบเจรจาลับกับเขา3ครั้ง ..แหกตาปชช.ทั้ง2ประเทศระบุสถานที่เสร้จว่าที่ไหนมั่ง กับใคร
รายละเอียดอ่านเอาครับ
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน ราชธานีพนมเปญ แฉแหลก ไอ้หมี ส่งไอ้เทือก ไปเจรจาลับ
วันที่ 23 ม.ค. 56 สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศกัมพูชา เผยแพร่คำแปลคำต่อคำอย่างไม่เป็นทางการ กรณีที่กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลันของรัฐบาลประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 001/13 เพื่อปกป้องเกียรติยศของประเทศชาติ และชี้แจงนโยบายต่างประเทศของกัมพูชา ที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไทยและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างดุเดือด ดังนี้
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 นี้ ในพิธีมอบเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ประชาชน ที่ อ. โอฤเส็ย อ. เซียมโบก จ. สตรึงแตรง สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (นรม.กพช.) ได้กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) กพช.-ไทย ทั้งนี้ เพื่อปกป้องเกียรติยศของประเทศชาติ และชี้แจงนโยบายต่างประเทศของ กพช. ที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน
สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้กล่าวย้อนหลังเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของอดีต นรม. ไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านว่า ตลอดมาอดีต นรม. ผู้นี้ได้เชื่อมโยง กพช. กับปัญหาการเมืองภายในไทยอย่างไม่หยุดยั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มคนสุดโต่ง (เกินเหตุ) เสื้อเหลืองของไทย มักกล่าวหาและโยนความผิดอื่นๆ ให้แก่ อดีตนรม.ไทย นายทักษิณ ชินวัตร ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซ่อนเร้นกับกพช. ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่ในความจริง กลับเป็นอดีตนรม. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ใช้นโยบายโดยสั่งการให้ อดีตรองนรม. สุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีตรมว.กห. ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเจรจา ลับๆกับ สมเด็จฯ ฮุน เซน เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่จ. กันดาล ประเทศ กพช. ขณะที่รัฐบาลไทยชุดที่แล้ว ได้เจรจากันในปัญหานี้อย่างเปิดเผย
เกี่ยวกับปัญหาที่มีความสำคัญเช่นนี้ กองการข่าว และโต้ตอบเร่งด่วน มีหน้าที่ความจำเป็นในการเผยแพร่แถลงการณ์ของการปิโตรเลียมแห่งชาติ กพช. ที่ได้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2554 อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้สาธารณชนทั้งในปท. และต่างชาติ ได้รับทราบอุบายอันเลวร้ายและนโยบายสกปรกอย่างที่สุดของอดีต นรม. ไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการโฆษณาหลอกลวงประชาชนชาวไทย และชาวกพช. รวมทั้งสาธารณชนต่างชาติ เกี่ยวกับการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล กพช.-ไทย และพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่มีเนื้อหาดังนี้
การปิโตรเลียมแห่งชาติ กพช. ภายใต้คำสั่งและการกำกับดูแลของรัฐบาล กพช. มุ่งมั่นและตั้งใจอย่างยิ่งในการหาทางออก ด้วยความเสมอภาค และโปร่งใส ในปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล รัฐบาล กพช. และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 เกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ซึ่งบัทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้กำหนดพื้นที่ที่ต้องกำหนดการแบ่งเขตทางทะเล (Area to be Delimited) และพื้นที่ที่ต้องพัฒนาร่วมกัน (Joint Development Area)
บันทึกความเข้าใจปี 2544 ไม่ใช่เป็นเพียงกระดาษความตกลงเท่านั้น แต่ทั้งสองประเทศได้ใช้งบประมาณ และเอาใจใส่อย่างมากในการปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านเทคนิค คณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค และคณะทำงานอีก 2 คณะ เกี่ยวกับการกำหนดเขตทางทะเล และ พท. พัฒนาร่วมกัน การอธิบายดังกล่าว ยังไม่รวมถึงการวิจัยเชิงวิชาการ และกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกร้องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างสองประเทศ
การหารือ และการเจรจาระหว่างสองประเทศได้รับผลลัพธ์ที่ดีหลายประการในระหว่างปี 2554-2550 และทั้งสองประเทศได้มีข้อเสนอ 2 ข้อสำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมกัน (JDA) คือ ข้อเสนอก้าวข้าม (Break-Through Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่าย กพช. และข้อเสนอแบ่งพื้นที่พัฒนาเป็น 3 ส่วน (Three-Zone Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่ายไทย
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่มีการประชุมร่วมของคณะกรรมาธิการด้านเทคนิค (JTC) อย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ฯ ได้ประสานมายังรัฐบาล กพช. เพื่อทำการเจรจาปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลหลายครั้ง ได้แก่ การพบปะระหว่างสมเด็จฯ ฮุน เซน นรม. แห่งราชอาณาจักร กพช. กับอดีต รอง นรม. ไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีต รมว. กห. ไทย นายประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่ จ. กันดาล ประเทศ กพช. และการพบปะลับระหว่างนายสุเทพฯ กับ ฯพณฯ รอง นรม. สุข อาน ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2552 และต่อมาที่เมืองคุนหมิง วันที่ 16 ก.ค. 2553
ระหว่างการพบปะกันนั้น นายสุเทพฯ ได้แสดงความจำนงอยากแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นภายในวาระสมัยของรัฐบาลอภิสิทธิ์ฯ โดยการพบปะเจรจาลับทำขึ้นตามการร้องขอของอดีตรองนรม. สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ได้ยืนยันว่า เป็นคำสั่งการและได้รับการมอบหมายจากนรม.อภิสิทธิ์ฯ ซึ่งกพช. ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงต้องเจรจาลับ เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ทุกการเจรจาล้วนทำขึ้นอย่างเปิดเผย แต่กลับถูกกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน กพช. จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ฯ จึงต้องเจรจาลับ และปชช.ไทย หรือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ทราบเรื่องการเจรจาลับนี้หรือไม่ ขณะที่ อดีต นรม. และ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านซึ่งปัจจุบัน คือ นายอภิสิทธิฯ ได้ประกาศเกี่ยวกับความโปร่งใส ตลอดจนกล่าวหา ฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำงานอย่างเปิดเผยกับกพช. ว่า มีผลประโญชน์มับซ้อนกับกพช. และกีดขวางดำเนินการเจรจาระหว่างรัฐบาลชุดใหม่ของไทยกับรัฐบาลกพช. ดังนั้น กพช.จึงมีความจำเป็นต้องเผยความลับนี้เพื่อปกป้องกพช. และฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร จากการใส่ร้ายของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยนรม. ยิ่งลักษณ์ฯ ยังไม่ได้พบหารือ หรือมีข้อเสนอใดกับรัฐบาล กพช. ในการแก้ไขพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่งในการแก้ไขข้อพิพาทเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ส่วนตัวตามการกล่าวหาของนางอานิก อัมระนันทน์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีขึ้นระหว่างการอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 23-24-25 ส.ค. 2554
รัฐบาลกพช. พร้อมและยินดีต่อการเริ่มต้นเจรจาอย่างเปิดเผย และอย่างเป็นทางการอีกครั้งในปัญหานี้ และสานต่องานนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเท่าที่สามารถกระทำได้ เพื่อเป็นประโยชน์ของ ปชช. และประเทศทั้งสองต่อไป
ราชธานีพนมเปญ วันที่ 21 มกราคม 2556
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน
สำนักคณะรัฐมนตรี