เขมรออกคำแถลงจวก "มาร์ค" กระชากหน้ากากของผู้ที่โจมตีว่าผู้อื่นมีผลประโยชน์ทับซ้อนให้โลกรู้ เน่าแล้วเน่าอีกนะเธอ

กระทู้สนทนา
คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ(คำต่อคำ)
ราชอาณาจักรกัมพูชา
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
สำนักคณะรัฐมนตรี
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน

ที่ 001/13 สถก. ปบห.

แถลงการณ์
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 นี้ ในพิธีมอบเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ประชาชนที่ อ.โอฤเส็ย อ.เซียมโบก จ.สตรึงแตรง สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) กัมพูชา-ไทย ทั้งนี้ เพื่อปกป้องเกียรติยศของประเทศชาติ และชี้แจงนโยบายต่างประเทศของกัมพูชาที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน

สมเด็จฮุนเซน ได้กล่าวย้อนหลังเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ว่า ตลอดมาอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ได้เชื่อมโยงกัมพูชากับปัญหาการเมืองภายในไทยอย่างไม่หยุดยั้ง

และพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มคนสุดโต่ง (เกินเหตุ) เสื้อเหลืองของไทย มักกล่าวหาและโยนความผิดอื่นๆ ให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนเร้นกับกัมพูชา ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

แต่ในความจริงกลับเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ที่ได้ใช้นโยบายสกปรก โดยสั่งการให้อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีตรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเจรจาลับๆ กับสมเด็จฮุนเซน เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่ จ.กันดาล ประเทศกัมพูชา ขณะที่รัฐบาลไทยชุดที่แล้วได้เจรจากันในปัญหานี้อย่างเปิดเผย

เกี่ยวกับปัญหาที่มีความสำคัญเช่นนี้ กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน มีหน้าที่ ความจำเป็นในการเผยแพร่แถลงการณ์ของการปิโตรเลียมแห่งชาติ กัมพูชา ที่ได้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2554 อีกครั้ง

ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างชาติได้รับทราบอุบายอันเลวร้าย และนโยบายสกปรกอย่างที่สุดของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ ในการโฆษณาหลอกลวงประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา รวมทั้งสาธารณชนต่างชาติ เกี่ยวกับการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกัมพูชา-ไทย และพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่มีเนื้อหาดังนี้

การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ภายใต้คำสั่งและการกำกับดูแลของรัฐบาลกัมพูชา มุ่งมั่นและตั้งใจอย่างยิ่งในการหาทางออก ด้วยความเสมอภาค และโปร่งใส ในปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล

รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อเดือนมิ.ย. 2544 เกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ซึ่งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้กำหนดพื้นที่ที่ต้องกำหนดการแบ่งเขตทางทะเล (Area to be Delimited) และพื้นที่ที่ต้องพัฒนาร่วมกัน (Joint Development Area)

บันทึกความเข้าใจปี 2544 ไม่ใช่เป็นเพียงกระดาษความตกลงเท่านั้น แต่ทั้งสองประเทศได้ใช้งบประมาณและเอาใจใส่อย่างมากในการปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านเทคนิค (JTC) คณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค และคณะทำงานอีก 2 คณะ เกี่ยวกับการกำหนดเขตทางทะเลและพื้นที่พัฒนาร่วมกัน

การอธิบายดังกล่าวยังไม่รวมถึงการวิจัยเชิงวิชาการและกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกร้องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างสองประเทศ

การหารือและการเจรจาระหว่างสองประเทศได้รับผลลัพธ์ที่ดีหลายประการในระหว่างปี 2554-2550 และทั้งสองประเทศได้มีข้อเสนอ 2 ข้อสำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมกัน (JDA) คือ ข้อเสนอก้าวข้าม (Break-Through Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่ายกัมพูชา และข้อเสนอแบ่งพื้นที่พัฒนาเป็น 3 ส่วน (Three-Zone Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่ายไทย

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่มีการประชุมร่วมของคณะกรรมาธิการด้านเทคนิค อย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ประสานมายังรัฐบาลกัมพูชา เพื่อทำการเจรจาปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลหลายครั้ง

ได้แก่ การพบปะระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับอดีตรองนายกรัฐมนตรีของไทย นายสุเทพ และอดีตรมว.กลาโหมของไทย พล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่ จ.กันดาล ประเทศกัมพูชา

และการพบปะลับระหว่างนายสุเทพ กับรองนายกรัฐมนตรี สุข อาน ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2552 และต่อมาที่เมืองคุนหมิง วันที่ 16 ก.ค. 2553

ซึ่งระหว่างการพบปะกันนั้น นายสุเทพได้แสดงความจำนงอยากแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นภายในวาระสมัยของรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยการพบปะเจรจาลับทำขึ้นตามการร้องขอของอดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ ที่ได้ยืนยันว่าเป็นคำสั่งการและได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์

ซึ่งกัมพูชาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเจรจาลับ เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ทุกการเจรจาล้วนทำขึ้นอย่างเปิดเผย แต่กลับถูกกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน

จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จึงต้องเจรจาลับ และประชาชนไทย หรือส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทราบเรื่องการเจรจาลับนี้หรือไม่

ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งปัจจุบันคือนายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศเกี่ยวกับความโปร่งใสตลอดจนกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำงานอย่างเปิดเผยกับกัมพูชาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา และกีดขวางการดำเนินการเจรจาระหว่างรัฐบาลชุดใหม่ของไทยกับรัฐบาลกัมพูชา

ดังนั้น กัมพูชาจึงมีความจำเป็นต้องเผยความลับนี้เพื่อปกป้องกัมพูชา และพ.ต.ท.ทักษิณ จากการใส่ร้ายของพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้พบหารือ หรือมีข้อเสนอใดกับรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล

ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่งในการแก้ไขข้อพิพาทเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ส่วนตัวตามการ กล่าวหาของนางอานิก อัมระนันทน์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีขึ้นระหว่างการอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 23-24-25 ส.ค. 2554

รัฐบาลกัมพูชาพร้อมและยินดีต่อการเริ่มต้นเจรจาอย่างเปิดเผยและอย่างเป็นทางการอีกครั้งในปัญหานี้ และสานต่องานนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเท่าที่สามารถกระทำได้ เพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศทั้งสองต่อไป

ราชธานีพนมเปญ วันที่ 21 ม.ค. 2556
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน  สำนักคณะรัฐมนตรี
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU9UQTBPVFUyT0E9PQ==&sectionid=

                                                 ??????????????????????????????


เลวกว่านี้ยังมีอีกไหม.....

น้ำลดตอผุด  เน่าเฟะกันไปทั้งยวงนะเอ็ง.....
ใครที่ยังหลงเชื่องมงายอยู่กับพฤติกรรมของเจ้าแหลหลักลอยไม่สร่างไม่สิ้น
โปรด...ไปเช็คระบบประสาทได้แล้วโดยเร็วที่สุด.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่