ผมตามอ่าน กระทู้ เรื่อยๆ  ก็พอทราบดีว่า ตอนนี้  มีแต่เรื่องชาวโรฮิงญา
ไม่ค่อยสบายใจนักกับท่าที ที่เปลี่ยนจากการแลกเปลี่ยน เป็น ความกลัว แล้ว พัฒนาเป็นความเกลียดชังอย่างรุนแรง

ก่อนที่จะว่าไปเรื่องอื่น สำหรับผม กรณีโรฮิงญา ผมคิดว่า ควรตัดประเด็นเรื่องศาสนาออก
พิจรณาเหมือน คนทั่วๆไป ไม่ใช่พุทธ ไม่ใช่คริสต์ และ ไม่ใช่มุสลิม
เป็นคนต่างถิ่นที่ผลัดหลงมาบ้านเรา เนื่องจาก การค้ามนุษย์ และความไม่สงบในประเทศ

ถ้ามองในแง่นี้ ไม่ต้องมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
คำตอบของคำถามคงเป็นเรื่องง่ายๆคือ เยียวยาเบื้องต้น แล้วส่งกลับไปที่ ๆ ไม่ใช่ไปตาย ?
นั่นคือคำตอบของผมในเรื่องนี้

นั่นคือการแก้ปัญหาปกติ ที่มนุษย์ทื่มีจิตใจปกติเค้าทำกัน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่
มันเหมือนกับ ซอมบี้กำลังไล่ คนมา แล้วเราเข้าบ้านได้ก่อน  แล้วรีบปิดบ้านทั้งๆที่ยังรอคนได้อีกสักคนสองคน
คนที่เข้ามาไม่ทันก็โดนซอมบี้กันตาย  ภาพมันออกมาแบบนั้นไปแล้ว เรากลัวจนเรายอมให้คนทีมาทีหลังตาย
เพื่อเอาชีวิตรอด  รู้ว่า เป็นสัญชาติญาณดิบของมุนษย์ และผมก็ไม่ได้โลกสวยนัก แต่ มันไม่มีทางออกแล้วจริงๆหรือ ?

ผมมองว่า ที่กลายเป็นประเด็นนี้
เพราะมีประเด็นทางศาสนาเข้ามา บวกกับประเด็นทางด้านชาติพันธ์
ทำให้ความกลัวและความเกลียดชังยิ่งเข้มค

ปัญหาทางใต้ แน่นอน ถูกผูกเข้ากับมุสลิม เพราะเบี้ยเกือบทั้งหมด
เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่าเป็นมุสลิม ติดยา ไล่ฆ่าคนแล้วอ้างอุดมการ์ณ อ้างพระเจ้า
ถึงแม้จะมีการถกในเชิงลึกหลายๆครั้งว่า ปัญหารากที่แท้จริง ตัวขุนที่อยู่เบื้องหลังนั้น  คือ กลุ่มอำนาจเงิน ยา
และ การขับเคลื่อนทังหมดไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนาเลย

โจร ติดยา ฆ่าคนตาย แต่ดันอ้างอุดมการณ์  อ้างพระเจ้าอ้างโลกที่ดีกว่า มันเชื่อไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ด้วย การที่ พุทธและมุสลิม เรียนรู้กันน้อยเกินไป และ ตัวเบี้ยทั้งหมด คือ ลุกหลานมุสลิม
ผมจึงเข้าใจได้ ของความคลาดเคลื่อนระหว่างกันนี้

ความรุ้สึกกลัว มุสลิม จึงถูกผูกเข้ากับโรฮิงยาโดยทันที
บวกกับ การเล่าขานถึงพฤติกรรมด้านลบเชนการมีลุกมาก  เท่าที่เห็นก็แค่ประเด็นเดียว
แล้วก็ผูกลากไปกันหมด ราวกับว่า คนโรฮิงยา นี่มนุษย์ที่ ต่ำติดดิน  ชนิดไม่ใช่คน
ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ หรืออะไรก็ตาม   ... สิ่งเหล่านี้ มันเป็นข้อเท็จจริง
หรือความบิดเบียวที่เกิดจากอคติกันแน่  ชาวโรงฮิงยา เป็นคนไม่เอาไหน ทั้งชาติพันธ์จริงๆ หรือเปล่า ?

เคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ที่ชาติพันธ์หนึ่งจะล้มเหลว เละเทะ ไม่เอาการเอางานได้ ถึงที่สุด
เหมือนกับที่เพื่อนๆพันทิพย์วาดไว้  หรือ เพราะเราแค่กลัว เราก็เลยเขียน ลักษณะชาติพันธ์ของโรฮิงยาขึ้นมาใหม่
ผมอยากให้ทบทวนข้อนี้ดู

บางที  ชาวโรงฮิงยา อาจจะเป็นแค่กลุ่มชาติพันธ์ ที่ขาดโอกาส และต้นทุนทางสังคม และ เกิดมาในพื้นทีจำกัด
ซึ่งมีอยู่ทั่วไป คนทุกคน ไม่มีใครอยากหนี ไม่มีใครอยากย้ายถิ่น เก็บรวบรวมเงินให้ค่านายหน้ากับคน ไทย หรือ พม่า
เพื่อเอาชีวิตรอด จากแผ่นดินที่เกิด หรือ อยู่มานาน แล้ว ต้องมาตาย อย่างทรมาน ชนิดที่คนอย่างเราๆนึกไม่ออก

ทุกคนยังเป็นคน

คนก็คือคน
ชีวิตคนก็คือชีวิตคน

คนๆหนึ่งอาจแค่ต้องการพาครอบครัว ให้รอด แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

ถึงตอนนี้ เรายังมอง โรฮิงยาเป็นคนอยู่หรือไม่?
หรือเป็นแค่เศษเนื้อเดินได้ ที่เรารังเกียจ เพียงเพราะความแตกต่างทางศาสนา ที่ถูกผูกเข้ากับชาติพันธ์

สุดท้ายผมไม่ได้ เขียนเพื่อบอกให้โรฮิงญาอยู่หรือไป
ผมเขียนเพื่อเตือนให้เรารุ้ว่า เมื่อเราพูดถึงโรฮิงญา เรากำลังพูดถึงชีวิตคน
คนที่เหมือนๆกับเรา  

คำพูดของเด็กคนหนึ่งคนแทนเรื่องราวที่ผมจะสื่อได้ดี
“คนไทยมีน้ำใจดีงาม หากบ้านเกิดเขาเป็นแบบนี้เขาคงไม่ต้องอพยพมาอยู่แบบนี้ และสิ่งที่ต้องการ คือต้องการเรียนหนังสือ  มีที่พักอาศัย และสุดท้ายคือไปไหนมาไหนได้เหมือนคนทั่วไป”


สุดท้ายอะไรที่เราทำได้ก็ทำตามสมควร
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการในด้านใด

เพียงแต่ขอให้การตัดสินใจนั้น การเป็นตัดสินใจ ระหว่างคน เพื่อคน  
นั่นคือคำว่ามนุษย์ธรรม  นั่นจึงใกล้เคียงคำว่า มนุษย์     มนุษย์ธรรม

อย่าหลงลืมคำนี้ เพียงเพราะ ความแตกแต่างทางศาสนาและชาติพันธ์
อย่าหลงลืมคำนี้ เพียงเพราะ ความกลัว อคติที่เราฟังเค้ามา โดยไม่เคยเห็นกับตา
ผมขอเพียงแค่นี้   ถ้ามันไม่เป็นการขอที่มากเกินไป