<โปรดเลื่อนไปดู คห 1 ก่อนนะครับ>
เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสกลับไทยเป็นเวลาสองอาทิตย์ ซึ่งนอกจากใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอยู่กับคุณแม่และพี่ๆน้องๆแล้ว
ผมก็ยังปลีกเวลาไปเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เนื่องจากที่ๆผมอยู่ หนังเข้าช้าเหลือเกิน ราคาก็แพงไปไหนเนี่ย
แต่หลังจากหนังจบแล้ว ผมยังไม่จบซะงั้น เนื่องจากหนังทิ้งปมไว้ให้คิดเยอะมาก
จะปล่อยให้มันค้างเติ่งก็ใช่ที่ ผมเลยจัดไปอีกรอบเพื่อเติมเต็มการเดินทางที่หล่นหายไป.....
Life of Pi
ก่อนเข้าชมรอบแรกผมยังพูดโจ๊กกับพี่ชายผมอยู่เลย ว่าหนังมันอ่านว่า ไลฟ์ ออฟ พาย หรือว่า ไลฟ์ ออฟ อย่างอื่น ฮ่าๆๆ (นั่นแน่)
แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าโรงภาพยนตร์ ผม และ พาย ก็ได้เริ่มการผจญภัยครั้งนี้ โดยทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง...
Life of Pi เป็นหนังที่เชื่อมโยงความเชื่อ ความรัก โชคชะตา ความหวัง เอาไว้ได้อย่างลงตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเกี่ยวโยงกับศาสนาทั้งสิ้น
และผู้กำกับ (อั้ง ลี่) ก็สามารถแตะต้องในส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดนี้ (ความเชื่อ และ ศาสนา) ได้อย่างสวยงาม
หนังเดินเรื่องด้วยการสนธนาของคนสองคน นักเขียนหนุ่ม และ พาย
นักเขียนหนุ่มผู้ต้องการหาแรงบรรดาลใจ วัตถุดิบ หรือสิ่งที่จะทำให้เขาเชื่อในพระเจ้า หรืออะไรก็ตาม ได้ยินว่ามีชายคนนึง
สามารถตอบสิ่งที่เขาตามหาได้ ชายคนนั้นคือพายนั่นเอง
ในการที่จะให้นักเขียนหนุ่มได้ในสิ่งที่เขาต้องการ พายได้เล่าชีวิตของเขาตั้งแต่วัยเด็ก การเอาชีวิตรอดจากการที่เรือโดยสารของเขาอัปปาง
การเดินทางที่ไม่น่าเชื่อต่างๆ และการล่องเรือชูชีพเป็นแรมปี กับเสือเบงกอลหนึ่งตัว เป็นการเดินทางที่อัศจรรย์
หรืออีกด้านหนึ่ง เป็นการเดินทางจากเรืออัปปางเช่นกัน แต่เป็นการเดินทางที่โหดร้าย โศกนาตกรรม ที่ทำให้พายได้เห็นในมุมปีศาจของตัวเอง
เมื่อบทสนทนาจบ สิ่งที่เหลือคือทางเลือก ว่าคุณจะเลือกเรื่องราวไหน เรื่องไหนคือเรื่องที่แท้จริงสำรับคุณ
สิ่งที่ต้องบอกกล่าว (คหสต)
เพลงประกอบภาพยนตร์ - อ่อนหวาน ทรงพลัง และละมุนละไมมาก ตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องเลย
เพลงประกอบหลายๆเพลง เป็นเครื่องปรุงชั้นยอดของหนังเรื่องนี้ ทำให้กลมกล่อมถึงที่สุด รักเลยครับ
นักแสดง - ตัวหลักๆเล่นได้ดีมาก ทั้งพายวัยหนุ่ม และวัยโต ปล่อยอารมณ์ได้อยู่มากๆ โดยเฉพาะ พายวัยหนุ่มที่เล่าเรื่องจริงตอนจบ
เล่นได้ทรงพลังจริงๆ ทั้งๆที่ฉากนั้น ไม่มีอะไรเลย รวมไปถึงพายวัยโตที่เล่าเรื่องและเสียน้ำตาได้เหมือนเผชิญมาจริงๆ
ติดตรงนักเขียน เล่นได้เฉยๆมากกกกก
การตัดต่อ - ทำได้ดีจนเกือบถึงดีมาก ไหลลื่น และไม่น่าเบื่อ
ภาพ/องประกอบศิลป์ - ทำได้ดีจนน่าตกใจ ทั้งการเปิดตัวหนัง การใช้มุมกล้อง การตัดขอบเล่นกับสามมิติ การแพนกล้องเล่าเรื่องจริงตอนจบ
ภาพสามมิติที่เหมือนจริงจนแทบแยกไม่ออก ฉากที่สวยงามราวความฝัน (นึกถึงเรื่อง the fall)
การเล่าเรื่อง - ยกความดีให้ผู้กำกับและคนเขียนบทจริงๆ ดัดแปลงบทจากนิยาย แล้วตีความได้กลมกล่อมมากครับ
โดยรวม เป็นหนังดีที่ดูง่ายมากๆๆๆๆ หนังดีๆลึกๆไม่จำเป็นต้องดูยากเสมอไป เหมือนกับ slumdog millionaire
life of pi ทำหนังลึกได้ออกมาเรียบง่าย ตลกขบขัน และละลมุนละไมมากครับ ขึ้นหิ้งในใจไปเลยยย ^_^
__________________________________________________________________
การตีความ
ศาสนา - ตอนจบพายบอกว่า เรื่องราวที่มีความเชื่อ หรือพระเจ้าอยู่ด้วย คนมักจะชอบมากกว่า หรือชอบอย่างไม่มีเหตุผลนั่นเอง
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ตรงจุด แม้ว่าพายจะเติบโตขึ้นมาในครอบครัวสมัยใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่นัก
ก็ไม่ได้ทำให้พายหลุดออกมาจากกรอบนี้เลย
เสือคือพาย - อันนี้หนังบอกหลายรอบมาก ทั้งเรื่องเงาสะท้อนในตา เวลาที่ ริชาร์ดปาร์คเกอร์ มองลงน้ำ ภาพสะท้อนเป็นพาย
และหนังก็เฉลยไว้ตอนจบอยู่แล้ว และทำให้คิดได้ว่า ทุกเรื่องที่ฟังเหนือจริง (
ล้วยลอยน้ำ เกาะ อื่นๆ) คือเรื่องที่ไม่จริง
ตามหลักเหตุผล (หลับตาฟัง ก็ต้องเชื่อเรื่องที่สอง เพราะมีเหตุผล)
เกาะกลางน้ำ - มีหลายข้อสังเกตุ ทั้งการที่ป่าไม้บนเกาะ เหมือนต้นไม้ตอนพายไล่ตามหญิงคนรัก หรือสัญลักษณ์ดอกบัว ที่ท่าของมือพาย
ไปคล้ายคลึงกับท่าเต้นของคนรักของพาย และใบไม้ในเกาะ ซึ่งข้างในมีฟันอยู่ รวมไปถึงคำพูดของพายถึงท่าเต้น การหาของในป่างั้นหรือ
ในป่ามีอะไรกัน และหาอะไรกัน
เกาะที่มีน้ำดื่มกินเวลากลางวัน กลางคืนกลับกลายเป็นกรด และทั้งเกาะที่เอาแต่ให้ในตอนกลางวัน กลับกลืนทุกสิ่งอย่างเวลากลางคืน
จุดนี้อาจเปรียบได้ว่า ตอนกลางวัน ทุกอย่างยังเหมือนมีความหวัง แต่พอตกกลางคืนที่ทุกอย่างมืดมิด เงียบสงัด ไฟแห่งความหวัง
ก็ย่อมที่จะมอดลงไปด้วย แต่ลึกๆแล้ว หญิงคนรักของพาย อาจเป็นแสงแห่งความหวังเล็กๆในใจ เช่นที่พายบอกว่าจำคำพูดบอกลาไม่ได้
ขณะเดียวกัน ความหวัง ก็เป็นสิ่งที่กัดกร่อนจิตใจพายเช่นกัน
ถ้าเป็นเรื่องแต่ง ทำไมเวลาเล่าถึง ริชาร์ด ปาร์คเกอร์ พายต้องร้องไห้ - อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ
ช่วยกันมาคุยมาแชร์ นะครับ ^^
_____________________________________________
TIP
ว่ากันว่านักเขียนหนุ่มในหนังนั้น หมายถึง Yann Martel หรือตัวผู้แต่หนังสือนั่นเอง (จินตนาการล้ำมาก)
[CR] Life of Pi - ชีวิตมหัศจรรย์ของพาย short Review ช่วยกันตีความ (spoiler alert)
เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสกลับไทยเป็นเวลาสองอาทิตย์ ซึ่งนอกจากใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอยู่กับคุณแม่และพี่ๆน้องๆแล้ว
ผมก็ยังปลีกเวลาไปเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เนื่องจากที่ๆผมอยู่ หนังเข้าช้าเหลือเกิน ราคาก็แพงไปไหนเนี่ย
แต่หลังจากหนังจบแล้ว ผมยังไม่จบซะงั้น เนื่องจากหนังทิ้งปมไว้ให้คิดเยอะมาก
จะปล่อยให้มันค้างเติ่งก็ใช่ที่ ผมเลยจัดไปอีกรอบเพื่อเติมเต็มการเดินทางที่หล่นหายไป.....
Life of Pi
ก่อนเข้าชมรอบแรกผมยังพูดโจ๊กกับพี่ชายผมอยู่เลย ว่าหนังมันอ่านว่า ไลฟ์ ออฟ พาย หรือว่า ไลฟ์ ออฟ อย่างอื่น ฮ่าๆๆ (นั่นแน่)
แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าโรงภาพยนตร์ ผม และ พาย ก็ได้เริ่มการผจญภัยครั้งนี้ โดยทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง...
Life of Pi เป็นหนังที่เชื่อมโยงความเชื่อ ความรัก โชคชะตา ความหวัง เอาไว้ได้อย่างลงตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเกี่ยวโยงกับศาสนาทั้งสิ้น
และผู้กำกับ (อั้ง ลี่) ก็สามารถแตะต้องในส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดนี้ (ความเชื่อ และ ศาสนา) ได้อย่างสวยงาม
หนังเดินเรื่องด้วยการสนธนาของคนสองคน นักเขียนหนุ่ม และ พาย
นักเขียนหนุ่มผู้ต้องการหาแรงบรรดาลใจ วัตถุดิบ หรือสิ่งที่จะทำให้เขาเชื่อในพระเจ้า หรืออะไรก็ตาม ได้ยินว่ามีชายคนนึง
สามารถตอบสิ่งที่เขาตามหาได้ ชายคนนั้นคือพายนั่นเอง
ในการที่จะให้นักเขียนหนุ่มได้ในสิ่งที่เขาต้องการ พายได้เล่าชีวิตของเขาตั้งแต่วัยเด็ก การเอาชีวิตรอดจากการที่เรือโดยสารของเขาอัปปาง
การเดินทางที่ไม่น่าเชื่อต่างๆ และการล่องเรือชูชีพเป็นแรมปี กับเสือเบงกอลหนึ่งตัว เป็นการเดินทางที่อัศจรรย์
หรืออีกด้านหนึ่ง เป็นการเดินทางจากเรืออัปปางเช่นกัน แต่เป็นการเดินทางที่โหดร้าย โศกนาตกรรม ที่ทำให้พายได้เห็นในมุมปีศาจของตัวเอง
เมื่อบทสนทนาจบ สิ่งที่เหลือคือทางเลือก ว่าคุณจะเลือกเรื่องราวไหน เรื่องไหนคือเรื่องที่แท้จริงสำรับคุณ
สิ่งที่ต้องบอกกล่าว (คหสต)
เพลงประกอบภาพยนตร์ - อ่อนหวาน ทรงพลัง และละมุนละไมมาก ตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องเลย
เพลงประกอบหลายๆเพลง เป็นเครื่องปรุงชั้นยอดของหนังเรื่องนี้ ทำให้กลมกล่อมถึงที่สุด รักเลยครับ
นักแสดง - ตัวหลักๆเล่นได้ดีมาก ทั้งพายวัยหนุ่ม และวัยโต ปล่อยอารมณ์ได้อยู่มากๆ โดยเฉพาะ พายวัยหนุ่มที่เล่าเรื่องจริงตอนจบ
เล่นได้ทรงพลังจริงๆ ทั้งๆที่ฉากนั้น ไม่มีอะไรเลย รวมไปถึงพายวัยโตที่เล่าเรื่องและเสียน้ำตาได้เหมือนเผชิญมาจริงๆ
ติดตรงนักเขียน เล่นได้เฉยๆมากกกกก
การตัดต่อ - ทำได้ดีจนเกือบถึงดีมาก ไหลลื่น และไม่น่าเบื่อ
ภาพ/องประกอบศิลป์ - ทำได้ดีจนน่าตกใจ ทั้งการเปิดตัวหนัง การใช้มุมกล้อง การตัดขอบเล่นกับสามมิติ การแพนกล้องเล่าเรื่องจริงตอนจบ
ภาพสามมิติที่เหมือนจริงจนแทบแยกไม่ออก ฉากที่สวยงามราวความฝัน (นึกถึงเรื่อง the fall)
การเล่าเรื่อง - ยกความดีให้ผู้กำกับและคนเขียนบทจริงๆ ดัดแปลงบทจากนิยาย แล้วตีความได้กลมกล่อมมากครับ
โดยรวม เป็นหนังดีที่ดูง่ายมากๆๆๆๆ หนังดีๆลึกๆไม่จำเป็นต้องดูยากเสมอไป เหมือนกับ slumdog millionaire
life of pi ทำหนังลึกได้ออกมาเรียบง่าย ตลกขบขัน และละลมุนละไมมากครับ ขึ้นหิ้งในใจไปเลยยย ^_^
__________________________________________________________________
การตีความ
ศาสนา - ตอนจบพายบอกว่า เรื่องราวที่มีความเชื่อ หรือพระเจ้าอยู่ด้วย คนมักจะชอบมากกว่า หรือชอบอย่างไม่มีเหตุผลนั่นเอง
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ตรงจุด แม้ว่าพายจะเติบโตขึ้นมาในครอบครัวสมัยใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่นัก
ก็ไม่ได้ทำให้พายหลุดออกมาจากกรอบนี้เลย
เสือคือพาย - อันนี้หนังบอกหลายรอบมาก ทั้งเรื่องเงาสะท้อนในตา เวลาที่ ริชาร์ดปาร์คเกอร์ มองลงน้ำ ภาพสะท้อนเป็นพาย
และหนังก็เฉลยไว้ตอนจบอยู่แล้ว และทำให้คิดได้ว่า ทุกเรื่องที่ฟังเหนือจริง (ล้วยลอยน้ำ เกาะ อื่นๆ) คือเรื่องที่ไม่จริง
ตามหลักเหตุผล (หลับตาฟัง ก็ต้องเชื่อเรื่องที่สอง เพราะมีเหตุผล)
เกาะกลางน้ำ - มีหลายข้อสังเกตุ ทั้งการที่ป่าไม้บนเกาะ เหมือนต้นไม้ตอนพายไล่ตามหญิงคนรัก หรือสัญลักษณ์ดอกบัว ที่ท่าของมือพาย
ไปคล้ายคลึงกับท่าเต้นของคนรักของพาย และใบไม้ในเกาะ ซึ่งข้างในมีฟันอยู่ รวมไปถึงคำพูดของพายถึงท่าเต้น การหาของในป่างั้นหรือ
ในป่ามีอะไรกัน และหาอะไรกัน
เกาะที่มีน้ำดื่มกินเวลากลางวัน กลางคืนกลับกลายเป็นกรด และทั้งเกาะที่เอาแต่ให้ในตอนกลางวัน กลับกลืนทุกสิ่งอย่างเวลากลางคืน
จุดนี้อาจเปรียบได้ว่า ตอนกลางวัน ทุกอย่างยังเหมือนมีความหวัง แต่พอตกกลางคืนที่ทุกอย่างมืดมิด เงียบสงัด ไฟแห่งความหวัง
ก็ย่อมที่จะมอดลงไปด้วย แต่ลึกๆแล้ว หญิงคนรักของพาย อาจเป็นแสงแห่งความหวังเล็กๆในใจ เช่นที่พายบอกว่าจำคำพูดบอกลาไม่ได้
ขณะเดียวกัน ความหวัง ก็เป็นสิ่งที่กัดกร่อนจิตใจพายเช่นกัน
ถ้าเป็นเรื่องแต่ง ทำไมเวลาเล่าถึง ริชาร์ด ปาร์คเกอร์ พายต้องร้องไห้ - อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ
ช่วยกันมาคุยมาแชร์ นะครับ ^^
_____________________________________________
TIP
ว่ากันว่านักเขียนหนุ่มในหนังนั้น หมายถึง Yann Martel หรือตัวผู้แต่หนังสือนั่นเอง (จินตนาการล้ำมาก)