Life of Pi หนังเรื่องแรกที่ผมวิจารณ อันที่จริง ผมดูหนังเรื่องนี้ในโรงตั้งนานแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นช่วงสอบ
พอปิดเทอมผมก็ไม่รีรอที่จะเล่าความคิดของผมเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้
ถึงภาษาที่ใช้จะตะกุกตะกักหน่อยนะครับ : ]


Life of pi เปิดเรื่องด้วยว่าถึงเด็กชายที่ชื่อ พิสซีน โมลิทอร์  ชื่อที่พ่อของเขาตั้งตามสระว่ายน้ำในปารีสที่ลุงของไปว่าย
มันสวยมากจนถูกนำมาเป็นชื่อของเขา แต่เพื่อนๆในโรงเรียนก็ไม่ได้เข้าใจ ’ความหมาย’ ของมัน
และพายเองก็คงไม่เข้าใจความหมายของมันเช่นกัน   พายถูกล้อว่า “ฉิ้งฉ่อง”


ถึงตอนนึง เมื่อไม่อยากถูกล้ออีกต่อไป พีสซีน หาความหมายให้ชื่อของตนเอง
โดยให้ความหมายย่อๆ ว่ามันคือ Pi ตัวอักษร ตัวที่16 ในพยัญชนะ กรีก และเป็นจำนวนอตรรกยะ
ซึ่งปัดทศนิยมได้คือ 3.14 ชื่อของพาย เปลี่ยนจาก ฉิ้งฉ่อง มาเป็น มี ‘ความหมาย’


และแล้ว พายก็ได้มาเจอ ริชาร์ด ปาร์คเกอร์  เสือเบงกอลในสวนสัตว์ของพ่อ พายพยายามมองเข้าไปในตาของมัน
จงถึงที่พายยื่นเนื้อเข้าไปให้เสือด้วยมือเปล่า ด้วยความเชื่อว่ามันจะเข้าใจความเป็นมิตร
ก่อนจะถูกพ่อของเขาพิสูจน์ให้เห็น
พ่อของเขาให้บทเรียนว่า ในดวงตาของมันไม่ได้มี ’ความหมาย’ อะไร มันคือสัตว์
พ่อของเขาเชื่อในวิทยาศาสตร์




เรื่องเล่าถึงการย้ายสวนสัตว์ ของครอบครัวพาย มันทำให้พายได้เดินทางโดยเรือ และสิ่งนี้เองที่จะทำให้เกิดเรื่องมหัศจรรย์มากมาย




1.ชาวพุทธผู้ร่าเริง (ทำไมหนังไม่พูดถึงศาสนาพุทธ ?)
พายได้พบกับชาวพุทธผู้ร่าเริงบนเรือ เขาทานมังสวิรัต แต่เมื่อบนเรือไม่มีมังสวิรัต ชาวพุทธเลือกทานข้าวกับน้ำเกรวี่ ชาวพุทธแนะนำกับพายว่า “บนเรือลำนี้ เรานับมันเป็นอาหารมังสวิรัต” พายยิ้มตอบอย่างขอบคุณ แต่ก็ได้ปฎิเสธ
(หลักการของพุทธคือทางสายกลาง ใช้เหตุผลดับทุกข์ ปล่อยวาง ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น )

ฉากนี้เริ่มผมเข้าใจว่าทำไมพายไม่ได้นับถือพุทธ เพราะพุทธไม่มีพระเจ้า ศาสนาที่พาย นับถือ จะมีเทพ มีพระเจ้า เพราะหนังต้องการจะเล่าในมุมมองว่า ทำไมคนคนนึงถึงเชื่อในพระเจ้า การเชื่อทำให้สิ่งต่างๆมี’ความหมาย’
การพูดถึงพุทธจะทำให้หนังหลุดประเด็นไป



2.ความศรัทธาทำให้สิ่งต่างๆ มีความหมาย

ฉากที่พายอยู่บนเรือกลางทะเล พายได้รับปลาทูน่า มาด้วยความโชคดี ถึงอย่างนั้น
พายก็ยังก้มหน้าลงขอบคุณ และบอกว่า”ขอบคุณพระศิวะ ที่แปลงกายมาเป็นปลาให้เรา”
ฉากพายุซัดโหมกระหน่ำ พายเงยหน้าขึ้นฟ้า ก่อนจะโกนทวงถามพระเจ้า

ทั้งสองอย่าง เป็นการกระทำ ที่มี’ความหมาย’
ในยามที่พายโชคดี เขามองสิ่งนี้เป็นการให้จากใครบางคน
พายจึงขอบคุณ นอบน้อม และทราบซึ้ง
เมื่อพายโชคร้าย เขามองว่าสิ่งนี้คือการทดสอบจากใครบางคน
เขาพยายามเข้มแข็ง และอดทน เขาจะต้องผ่านมันไปให้ได้

จนกระทั่งพายขึ้นฝั่ง
พายเล่าเรื่องให้แก่คนจากบริษัทประกันฟัง พวกเขาไม่เชื่อ
“กล้วยไม่ลอยน้ำนะ”…

พายเล่าอีกเรื่องให้พวกเขาฟัง เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ การเอาตัวรอดของคนสี่คน กลางทะเล มีคนโหดเหี้ยม มีคนอ่อนแอ มีคนบาดเจ็บ

ในตอบจบ คนจากบริษัทประกัน เลือกเชื่อเรื่องแรก เช่นเดียวกับที่นักเขียนชาวอเมริกัน เลือกเชื่อเรื่องแรก
เพราะมันมี’ความหมาย’

เพราะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา  ถ้ามีใครคนนึงหายไปจากชีวิตเรา เราคงไม่มองว่ามันเป็นแค่
การหายไปเฉยๆ  เราคง มองว่ามัน มีความหมายบางอย่าง มีเหตุผล
มากกว่าจะเป็นแค่เรื่องๆนึง ที่เกิดขึ้นเฉยๆ เราจะหาความหมายให้มัน
“การที่มีความหมายทำให้เรามีชีวิต“






เพิ่มเติม
การมีอยู่ของริชารค์ปาร์คเกอร์
ถ้าฉากทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนเรือ เป็นเรื่องระหว่าง เสือเบงกอล กับ พาย
โดยพายคือ ตัวตนเดิมของพายที่เชื่อในพระเจ้า เชื่อในความหมาย
ริชาร์ค ปาร์คเกอร์ คือ ตัวตนพายที่มีแต่สัญชาตญาณ สัตว์ การเอาตัวรอด ความเป็นจริง
- พายถูก ริชาร์ค ปาร์คเกอร์ ไล่ออกมานอกเรือ จนต้องอาศัยบนแพ เหมือนถูกความเป็นจริง โจมตี

- พายเคยคิดปล่อยริชาร์คปาร์คเกอร์ ให้ลอยคอกลางทะเล ก่อนจะกล่าวว่า
“ฉันทำอะไรของฉันเนี่ย” แล้วดึงริชาร์ค กลับมาบนเรือ พายรู้ว่าตนต้องมีสัญชาติญาณเอาตัวรอด
พายทิ้งมันไปไม่ได้ ก่อนจะอยู่ร่วมกับมันบนเรือ
(อยู่ร่วมกับ ความเชื่อ กับ สัญชาตญาณ )


-ฉากพายุซัด พายเงยหน้าถามพระเจ้า ,ริชาร์ค ปาร์คเกอร์ เอาตัวรอดอยูบนเรือ
(ความเชื่อ กับ สัญชาตญาณ)

-เมื่อ ขึ้นฝั่ง พายก็ปล่อย ริชาร์ค ปาร์คเกอร์ไป และ กลายเป็นพายคนเดิม

จบแล้วครับ การตีความหนังครั้งแรกของผม  ผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังตอนเดินออกจากโรง เขาบอกว่าผมคิดมากไป ฮ่าๆ
แต่ผมอยากเล่าให้ใครสักคนฟังจริงๆนะ เลยออกมาเป็นบทความนี้ ผมนับถือพุทธครับ
แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจศาสนาอื่นมากขึ้นนะ
พุทธจะบอกเราว่าให้มีสติ ศาสนาอื่นๆจะบอกว่ามันคือการทดสอบ และปลายทางของทั้งสองนั้นทำให้
คนๆนึง เข้มแข็งและผ่านปัญหาไปได้เหมือนกัน