Easter Island เป็นเกาะเล็กๆกลางมหาสมุทรแปซิฟิก (เป็น isolated island) ไม่มีทางเลยที่คนสมัยก่อนจะสร้างเรือข้ามไปอยู่ที่นั่นได้
ตอนที่มีคนรุ่นใหม่ไปพบ(ชาวอังกฤษ เมื่อ 200 ปีที่แล้ว) พอไปถึงเกาะ ก็ไม่มีใครอยู่บนเกาะนั่น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ไม่มีต้นไม้ มีแต่ภูเขาทุ่งหญ้าและรูปปั้นหินยักษ์มากมาย
ไม่ใช่แค่ที่เกาะ Easter นะ ทุกที่เลย.. พวกล่าอาณานิคมไปเจอเข้า ก็ไม่มีใคร ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ มีแต่ซากอารยธรรมโบราณ เป็นแบบนี้ทุกที่เลย ><
เราสงสัยมานานแล้ว ทำไมนักวิทยาศาสตร์ ถึงไม่ช่วยกันระดมความคิดไขปริศนาสิ่งก่อสร้างโบราณ(มีแต่ปล่อยให้นักโบราณคดีคิดกันเอง เขาพากันคิดไปจนถึงเอเลี่ยนมาช่วยสร้างละ --' เพราะคิดยังไงมันก็ไม่น่าเป็นไปได้ว่าคนเราจะทำขึ้นมาเองโดยไร้วิทยาการสมัยใหม่)
ดังนั้น.. เริ่มต้นจาก "หว้ากอ" เป็นที่แรก มาลองคิดกันดู ว่าคนสมัยก่อน เขาสร้างพวกของยักษ์ๆแบบนี้ ได้อย่างไร??
มันมีของยักษ์ที่น่าสนใจอยู่ 11 แห่งด้วยกัน
1. รูปปั้นหินยักษ์ที่เกาะ Easter Island
2. พีระมิดของชาวมายันที่ Mexico
3. มาชูปิชู่ ที่เปรู
4. Carnac หินยักษ์วางเรียงๆกันเป็นวงกลมและสี่เหลี่ยม ที่ฝรั่งเศส
5. สโตนเฮ็นจ์อายุ 10,000 ปี(เก่ามาก) ที่ทะเลทรายใน เยอรมัน (อันนี้เพิ่งค้นพบได้ไม่กี่ปีนี้เอง)
6. สโตนเฮ็นจ์ที่ประเทศอังกฤษ
7. Baalbek สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพ ที่ Lebanon
8. พีระมิดใต้น้ำ ที่ญี่ปุ่น
9. The Great Pyramid ที่อิยิปต์
10. พีระมิดที่ประเทศจีน (ใหญ่กว่าที่ิอิยิปต์ด้วย แต่รัฐบาลจีนไม่ให้เข้าไปสำรวจ เลยถ่ายได้แต่ภาพมุมสูง กับภาพจากกล้องส่องทางไกล)
11. อารยธรรมสุเมเรี่ยน(ถึงจะไม่มีสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ แต่เขามีตัวหนังสือ มีตัวอักษรใช้กันแล้ว)
ทั้ง 11 สถานที่นี้ เราพยายามหาข้อมูลผ่านตัวหนังสือและรูปภาพ แล้วก็ทุกๆสถานที่เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูได้ที่ Google Earth มีแบบ 360องศาให้ดูด้วย
และแน่นอน ข้อมูลที่แน่นที่สุด มันก็อยู่ที่ สารคดี Ancient Aliens แต่เราก็ดูแบบกลางๆ อย่าไปฟังเขาพูดมาก ดูเอาพวกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เฉยๆ
และเท่าที่เราดูมาทั้งหมด
เราคิดว่า กุญแจไขปริศนาของเรื่องนี้ อยู่ที่ "เวลา"
เราคิดว่า การที่เขาเอาอายุหินไปวัด แล้วก็มาบอกว่า อารยธรรมนั่นนี่ เกิดเมื่อ 4000 BC. บางอันเกิดเมื่อ 10,000 BC.
หมายเหตุ* BC. ย่อมาจาก "ก่อนคริสตศักราช" บอกไว้เผื่อใครไม่รู้
เราคิดว่า นี่"อาจจะ"เป็นจุดบกพร่อง
คือเราอาจจะวัดอายุของสิ่งนั้นๆผิดหรือเปล่า ??? o.O
อารยธรรมที่น่าสนใจที่สุด คือ รูปปั้นหินยักษ์ที่เกาะอีสเตอร์(ซึ่งเป็นเกาะโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก) อีกอันคือพีระมิดยักษ์ที่จมอยู่ใต้มหาสมุทธใกล้ๆญี่ปุ่น
2 อันนี้ ทำให้เรากำลังสงสัยว่า.. มันไปอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร????
แสดงว่า กาลครั้งหนึ่ง เกาะอีสเตอร์ อาจไม่ได้เป็นเกาะ แต่เป็นผืนดินอันกว้างใหญ่
แล้วพีระมิดใต้น้ำที่ญี่ปุ่น เดิมทีก็น่าจะอยู่บนแผ่นดินนี่แหละ
แต่มันจะต้องมีเหตุการณ์อะไรสักอย่าง ที่ทำให้ "น้ำท่วม" อะไรที่มันอยู่ต่ำๆมันก็จม อะไรอยู่สูงๆก็กลายเป็นเกาะ
ซึ่ง สาเหตุเดียวที่น่าจะทำให้น้ำท่วมโลกได้ในระดับนั้น น่าจะเกิดจาก สมัยก่อนโลกเราเป็นยุคน้ำแข็ง(Ice Age) แล้วเกิดมีการ "เอียง" ของแกนโลกกระทันหัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
นี่หรือเปล่า ที่ทำให้เราไม่ค่อยพบเจอซากศพท์มนุษย์โบราณ??? (เพราะส่วนใหญ่ อาจจมอยู่ใต้ทะเล)
แล้วความต่อเนื่องของอารยธรรม ก็หายไปฉับพลัน
ซึ่ง ถ้าสมมติว่า นี่เป็นเรื่องจริง แสดงว่าปฏิทินมายัน และพวกคำทำนายวันล้างโลกของชนเผ่าโบราณต่างๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ นั่นก็คือ "มันเกิดขึ้นไปแล้ว O.O"
แต่เพราะคนสมัยนี้ ไปวัดอายุหินผิด ก็เลยคิดว่ามันน่าจะเกิดในปี 2012 ตามปฏิทินคนโบราณ แต่จริงๆแล้ว มันอาจเป็นเพราะ "เราวัดอายุหินผิด!"
แล้วจริงๆ หินพวกนี้ บางทีอาจไม่ใช่หินด้วยซ้ำ ><
นึกถึงสมัยโบราณที่คนเขาชอบทำ "เครื่องปั้นดินเผา" สิ่
เราคิดว่า คนโบราณเขาต้องเอาดินพวกนี้แหละ มาผสมๆกัน แล้วก็ผสมน้ำ แล้วก็ปั้น แล้วก็ตากแห้ง
พอวันเวลาผ่านไป จากยุคนั้น กว่าจะถึงยุคนี้ อาจผ่านมาแล้วเป็นแสนๆปี จากที่มันเป็นดินแข็ง มันอาจแปรสภาพกลายเป็น "หิน" ก็เหมือนการเกิดหินโดยธรรมชาติ
ลองนึกดูว่า หินบนโลกเรา มันมาจากไหน??? ภูเขาแต่ละลูก บ้างก็เป็นหิน บ้างก็เป็นดิน
คนโบราณ อาจเป็นคนในยุคที่อะไรๆก็ยังไม่เป็นหิน ส่วนใหญ่ยังเป็นดิน พอเขาปั้นดินไปตากแห้งจนแข็ง(เขาอาจเอาดินหลายๆชนิดมาผสมกันน่ะ คล้ายๆการทำเครื่องปั้นดินเผาน่ะ) พอวันเวลาผ่านไปเป็น "แสน แสน ปี" ดินแข็งพวกนี้ อาจมีการกลายสภาพ จนดูเหมือน "หิน"
เราดูสารคดี เราจะรู้สึกเอะใจทุกครั้งเลยว่า พวกนักประวัติศาสตร์ เขาทำไมไม่ลองไปตามหาภูเขา ที่เขาคิดว่าคนโบราณไปตัดหินเป็นสี่เหลี่ยมแล้วลากมา ถ้าคนโบราณไปตัดหินจากภูเขาแล้วลากมาจริงๆ มันก็ต้องมีร่องรอยการตัดหินจากภูเขาสิ่ >< แต่ส่วนใหญ่คือ "ไม่มี"
บางที เราคิดไปถึงยักษ์นะ (ถ้าใครได้ดูสารคดีเกี่ยวกับพวกของโบราณพวกนี้ จะเห็นว่า บางทีพวกฝรั่งเขาจะจำลองสถานการณ์ เช่น สร้างหุ่นยักษ์ขนาดเท่าหุ่นที่เกาะ Easter แล้วก็ช่วยกันยก ช่วยกันแบก แต่ทำยังไงก็ยกไม่ขึ้น มันหนักมาก เอาขอนไม้มาลากก็แล้ว ก็แค่ลากไปตามทาง แต่ตอนจะเอาไปวางบนแท่น ก็ยกไม่ได้อยู่ดี >< ยังไงก็ต้องใช้รถยกของน่ะ คนเป็นๆเอามือยก ยังไงก็ยกไม่ขึ้น)
แล้วรูปปั้นบนเกาะ Easter มันมีฐานด้วยนะ >< ไม่ใช่ว่ายกให้รูปปั้นตั้งขึ้นเฉยๆนะ ต้องยกขึ้นไปบนฐานสูงๆ(ตัวฐานก็เป็นหินอีก)
คือ ดูยังไงก็ไม่มีทางทำได้แน่ๆ นอกจากจะใช้เวทมนต์อ่ะ ><
แต่นักโบราณคดีเขาไม่ได้คิดไปถึงเรื่องเวทมนต์นะ เขาคิดถึง"มนุษย์ต่างดาว" แต่ก็น่าเห็นใจเขานะ ถ้าใครลองเข้ามาศึกษาเรื่องนี้ แล้วจะอึ้งจริงๆ คือ มันงงจริงๆ ว่าคนโบราณทำของพวกนี้ได้ยังไงโดยไม่อาศัยวิทยาการสมัยใหม่
ก็ต้องเห็นใจเขาล่ะ ว่าทำไมเขาคิดไปถึงมนุษย์ต่างดาว
แต่เราลองไม่คิดแบบเขา เราลองคิดว่า ถ้าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวล่ะ???
ถ้าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แล้วคนโบราณเขาสร้างของพวกนี้ได้ยังไง??
ทีแรกเราคิดว่า เขาผสมปูนเอา หลายๆที่เช่น อิยิปต์ มายัน มาชูปิชู่ Baalbek เราจะบอกว่า เขาผสมปูนก็ได้นะ แล้วก็ไปหาทางพิสูจน์ว่า เขาทำปูนได้ยังไง
แต่มันมีอยู่อันนึง คิดยังไง ก็ไม่น่าใช่ปูน นั่นก็คือ "รูปปั้นหินยักษ์บนเกาะ Easter" เพราะมันเป็นหินภูเขาสีดำๆ แล้วตัวหินก็คือภูเขาบนเกาะนั่นแหละ ><
เราก็เลยคิดว่า หรือว่าสมัยก่อน อะไรๆก็ยังไม่เป็นหิน??? สมัยก่อนอะไรๆอาจจะเป็นแค่ ดิน อาจจะยังไม่ค่อยมีหิน
แล้วพอมันนานมากๆ จากดินก็ค่อยๆกลายเป็นหิน
แต่ถ้ามันเป็นหินจริงๆ ถ้ามันไม่ได้แปรสภาพมาจากดิน เราก็คิดไปถึงยักษ์เลยนะ หรือว่าคนสมัยก่อนเป็นยักษ์ ตัวใหญ่ๆ คือ เราจะเชื่อเลยว่าเขาสร้างสิ่งเหล่านั้นกับมือ เพราะยักษ์ตัวใหญ่ก็จะมีแรงมาก การยกหินตัดหินก็คงทำได้ง่ายๆสบายๆ
แล้วชาวหว้ากอล่ะ คิดยังไง???
บางทีเราก็คิดไปถึงยุคไดโนเสาร์ เพราะสโตนเฮ้นจ์ที่ประเทศเยอรมัน มันมีรูปสลักของไดโนเสาร์ด้วย คนเมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว จะมารู้จักไดโนเสาร์ได้ยังไง???O.O นอกเสียจาก เขาจะเห็นมันกับตา แล้วก็สลักลงไปตามแผ่นหิน
หมายเหตุ* สโตนเฮ้นจ์ที่เยอรมัน มันโดนทะเลทรายฝังอยู่ คนสมัยนี้ไปเจอเข้า ต้องขุดทรายกันใหญ่เลย เพราะมันกว้างและใหญ่มาก โดนทรายถมอยู่อ่ะ >< เราถึงได้สงสัยไงว่า เมื่อก่อน มันจะต้องมีการเอียงของแกนโลกแน่ๆ คนโบราณถึงได้หายไปหมด เหลือแต่ซากสิ่งก่อสร้างทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังเห็น เหมือนเป็นประวัติศาสตร์ที่ขาดหายไปของโลกเราเลย+
เราว่า ความสับสนและเข้าใจผิดทั้งหมด มันเกิดจากการวัดอายุหินผิดพลาด เป็นผลให้เราเดาทางประวัติศาสตร์ของโลกไปแบบผิดๆ บางทีเผ่าพันธุ์มนุษย์เราอาจมีมาหลายแสนหรืออาจจะหลายล้านปีแล้วก็ได้ ><
รูปปั้นหินยักษ์ที่เกาะ Easter คนสมัยโบราณเขาสร้างได้อย่างไร?
ตอนที่มีคนรุ่นใหม่ไปพบ(ชาวอังกฤษ เมื่อ 200 ปีที่แล้ว) พอไปถึงเกาะ ก็ไม่มีใครอยู่บนเกาะนั่น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ไม่มีต้นไม้ มีแต่ภูเขาทุ่งหญ้าและรูปปั้นหินยักษ์มากมาย
ไม่ใช่แค่ที่เกาะ Easter นะ ทุกที่เลย.. พวกล่าอาณานิคมไปเจอเข้า ก็ไม่มีใคร ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ มีแต่ซากอารยธรรมโบราณ เป็นแบบนี้ทุกที่เลย ><
เราสงสัยมานานแล้ว ทำไมนักวิทยาศาสตร์ ถึงไม่ช่วยกันระดมความคิดไขปริศนาสิ่งก่อสร้างโบราณ(มีแต่ปล่อยให้นักโบราณคดีคิดกันเอง เขาพากันคิดไปจนถึงเอเลี่ยนมาช่วยสร้างละ --' เพราะคิดยังไงมันก็ไม่น่าเป็นไปได้ว่าคนเราจะทำขึ้นมาเองโดยไร้วิทยาการสมัยใหม่)
ดังนั้น.. เริ่มต้นจาก "หว้ากอ" เป็นที่แรก มาลองคิดกันดู ว่าคนสมัยก่อน เขาสร้างพวกของยักษ์ๆแบบนี้ ได้อย่างไร??
มันมีของยักษ์ที่น่าสนใจอยู่ 11 แห่งด้วยกัน
1. รูปปั้นหินยักษ์ที่เกาะ Easter Island
2. พีระมิดของชาวมายันที่ Mexico
3. มาชูปิชู่ ที่เปรู
4. Carnac หินยักษ์วางเรียงๆกันเป็นวงกลมและสี่เหลี่ยม ที่ฝรั่งเศส
5. สโตนเฮ็นจ์อายุ 10,000 ปี(เก่ามาก) ที่ทะเลทรายใน เยอรมัน (อันนี้เพิ่งค้นพบได้ไม่กี่ปีนี้เอง)
6. สโตนเฮ็นจ์ที่ประเทศอังกฤษ
7. Baalbek สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพ ที่ Lebanon
8. พีระมิดใต้น้ำ ที่ญี่ปุ่น
9. The Great Pyramid ที่อิยิปต์
10. พีระมิดที่ประเทศจีน (ใหญ่กว่าที่ิอิยิปต์ด้วย แต่รัฐบาลจีนไม่ให้เข้าไปสำรวจ เลยถ่ายได้แต่ภาพมุมสูง กับภาพจากกล้องส่องทางไกล)
11. อารยธรรมสุเมเรี่ยน(ถึงจะไม่มีสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ แต่เขามีตัวหนังสือ มีตัวอักษรใช้กันแล้ว)
ทั้ง 11 สถานที่นี้ เราพยายามหาข้อมูลผ่านตัวหนังสือและรูปภาพ แล้วก็ทุกๆสถานที่เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูได้ที่ Google Earth มีแบบ 360องศาให้ดูด้วย
และแน่นอน ข้อมูลที่แน่นที่สุด มันก็อยู่ที่ สารคดี Ancient Aliens แต่เราก็ดูแบบกลางๆ อย่าไปฟังเขาพูดมาก ดูเอาพวกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เฉยๆ
และเท่าที่เราดูมาทั้งหมด
เราคิดว่า กุญแจไขปริศนาของเรื่องนี้ อยู่ที่ "เวลา"
เราคิดว่า การที่เขาเอาอายุหินไปวัด แล้วก็มาบอกว่า อารยธรรมนั่นนี่ เกิดเมื่อ 4000 BC. บางอันเกิดเมื่อ 10,000 BC.
หมายเหตุ* BC. ย่อมาจาก "ก่อนคริสตศักราช" บอกไว้เผื่อใครไม่รู้
เราคิดว่า นี่"อาจจะ"เป็นจุดบกพร่อง
คือเราอาจจะวัดอายุของสิ่งนั้นๆผิดหรือเปล่า ??? o.O
อารยธรรมที่น่าสนใจที่สุด คือ รูปปั้นหินยักษ์ที่เกาะอีสเตอร์(ซึ่งเป็นเกาะโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก) อีกอันคือพีระมิดยักษ์ที่จมอยู่ใต้มหาสมุทธใกล้ๆญี่ปุ่น
2 อันนี้ ทำให้เรากำลังสงสัยว่า.. มันไปอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร????
แสดงว่า กาลครั้งหนึ่ง เกาะอีสเตอร์ อาจไม่ได้เป็นเกาะ แต่เป็นผืนดินอันกว้างใหญ่
แล้วพีระมิดใต้น้ำที่ญี่ปุ่น เดิมทีก็น่าจะอยู่บนแผ่นดินนี่แหละ
แต่มันจะต้องมีเหตุการณ์อะไรสักอย่าง ที่ทำให้ "น้ำท่วม" อะไรที่มันอยู่ต่ำๆมันก็จม อะไรอยู่สูงๆก็กลายเป็นเกาะ
ซึ่ง สาเหตุเดียวที่น่าจะทำให้น้ำท่วมโลกได้ในระดับนั้น น่าจะเกิดจาก สมัยก่อนโลกเราเป็นยุคน้ำแข็ง(Ice Age) แล้วเกิดมีการ "เอียง" ของแกนโลกกระทันหัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
นี่หรือเปล่า ที่ทำให้เราไม่ค่อยพบเจอซากศพท์มนุษย์โบราณ??? (เพราะส่วนใหญ่ อาจจมอยู่ใต้ทะเล)
แล้วความต่อเนื่องของอารยธรรม ก็หายไปฉับพลัน
ซึ่ง ถ้าสมมติว่า นี่เป็นเรื่องจริง แสดงว่าปฏิทินมายัน และพวกคำทำนายวันล้างโลกของชนเผ่าโบราณต่างๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ นั่นก็คือ "มันเกิดขึ้นไปแล้ว O.O"
แต่เพราะคนสมัยนี้ ไปวัดอายุหินผิด ก็เลยคิดว่ามันน่าจะเกิดในปี 2012 ตามปฏิทินคนโบราณ แต่จริงๆแล้ว มันอาจเป็นเพราะ "เราวัดอายุหินผิด!"
แล้วจริงๆ หินพวกนี้ บางทีอาจไม่ใช่หินด้วยซ้ำ ><
นึกถึงสมัยโบราณที่คนเขาชอบทำ "เครื่องปั้นดินเผา" สิ่
เราคิดว่า คนโบราณเขาต้องเอาดินพวกนี้แหละ มาผสมๆกัน แล้วก็ผสมน้ำ แล้วก็ปั้น แล้วก็ตากแห้ง
พอวันเวลาผ่านไป จากยุคนั้น กว่าจะถึงยุคนี้ อาจผ่านมาแล้วเป็นแสนๆปี จากที่มันเป็นดินแข็ง มันอาจแปรสภาพกลายเป็น "หิน" ก็เหมือนการเกิดหินโดยธรรมชาติ
ลองนึกดูว่า หินบนโลกเรา มันมาจากไหน??? ภูเขาแต่ละลูก บ้างก็เป็นหิน บ้างก็เป็นดิน
คนโบราณ อาจเป็นคนในยุคที่อะไรๆก็ยังไม่เป็นหิน ส่วนใหญ่ยังเป็นดิน พอเขาปั้นดินไปตากแห้งจนแข็ง(เขาอาจเอาดินหลายๆชนิดมาผสมกันน่ะ คล้ายๆการทำเครื่องปั้นดินเผาน่ะ) พอวันเวลาผ่านไปเป็น "แสน แสน ปี" ดินแข็งพวกนี้ อาจมีการกลายสภาพ จนดูเหมือน "หิน"
เราดูสารคดี เราจะรู้สึกเอะใจทุกครั้งเลยว่า พวกนักประวัติศาสตร์ เขาทำไมไม่ลองไปตามหาภูเขา ที่เขาคิดว่าคนโบราณไปตัดหินเป็นสี่เหลี่ยมแล้วลากมา ถ้าคนโบราณไปตัดหินจากภูเขาแล้วลากมาจริงๆ มันก็ต้องมีร่องรอยการตัดหินจากภูเขาสิ่ >< แต่ส่วนใหญ่คือ "ไม่มี"
บางที เราคิดไปถึงยักษ์นะ (ถ้าใครได้ดูสารคดีเกี่ยวกับพวกของโบราณพวกนี้ จะเห็นว่า บางทีพวกฝรั่งเขาจะจำลองสถานการณ์ เช่น สร้างหุ่นยักษ์ขนาดเท่าหุ่นที่เกาะ Easter แล้วก็ช่วยกันยก ช่วยกันแบก แต่ทำยังไงก็ยกไม่ขึ้น มันหนักมาก เอาขอนไม้มาลากก็แล้ว ก็แค่ลากไปตามทาง แต่ตอนจะเอาไปวางบนแท่น ก็ยกไม่ได้อยู่ดี >< ยังไงก็ต้องใช้รถยกของน่ะ คนเป็นๆเอามือยก ยังไงก็ยกไม่ขึ้น)
แล้วรูปปั้นบนเกาะ Easter มันมีฐานด้วยนะ >< ไม่ใช่ว่ายกให้รูปปั้นตั้งขึ้นเฉยๆนะ ต้องยกขึ้นไปบนฐานสูงๆ(ตัวฐานก็เป็นหินอีก)
คือ ดูยังไงก็ไม่มีทางทำได้แน่ๆ นอกจากจะใช้เวทมนต์อ่ะ ><
แต่นักโบราณคดีเขาไม่ได้คิดไปถึงเรื่องเวทมนต์นะ เขาคิดถึง"มนุษย์ต่างดาว" แต่ก็น่าเห็นใจเขานะ ถ้าใครลองเข้ามาศึกษาเรื่องนี้ แล้วจะอึ้งจริงๆ คือ มันงงจริงๆ ว่าคนโบราณทำของพวกนี้ได้ยังไงโดยไม่อาศัยวิทยาการสมัยใหม่
ก็ต้องเห็นใจเขาล่ะ ว่าทำไมเขาคิดไปถึงมนุษย์ต่างดาว
แต่เราลองไม่คิดแบบเขา เราลองคิดว่า ถ้าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวล่ะ???
ถ้าไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แล้วคนโบราณเขาสร้างของพวกนี้ได้ยังไง??
ทีแรกเราคิดว่า เขาผสมปูนเอา หลายๆที่เช่น อิยิปต์ มายัน มาชูปิชู่ Baalbek เราจะบอกว่า เขาผสมปูนก็ได้นะ แล้วก็ไปหาทางพิสูจน์ว่า เขาทำปูนได้ยังไง
แต่มันมีอยู่อันนึง คิดยังไง ก็ไม่น่าใช่ปูน นั่นก็คือ "รูปปั้นหินยักษ์บนเกาะ Easter" เพราะมันเป็นหินภูเขาสีดำๆ แล้วตัวหินก็คือภูเขาบนเกาะนั่นแหละ ><
เราก็เลยคิดว่า หรือว่าสมัยก่อน อะไรๆก็ยังไม่เป็นหิน??? สมัยก่อนอะไรๆอาจจะเป็นแค่ ดิน อาจจะยังไม่ค่อยมีหิน
แล้วพอมันนานมากๆ จากดินก็ค่อยๆกลายเป็นหิน
แต่ถ้ามันเป็นหินจริงๆ ถ้ามันไม่ได้แปรสภาพมาจากดิน เราก็คิดไปถึงยักษ์เลยนะ หรือว่าคนสมัยก่อนเป็นยักษ์ ตัวใหญ่ๆ คือ เราจะเชื่อเลยว่าเขาสร้างสิ่งเหล่านั้นกับมือ เพราะยักษ์ตัวใหญ่ก็จะมีแรงมาก การยกหินตัดหินก็คงทำได้ง่ายๆสบายๆ
แล้วชาวหว้ากอล่ะ คิดยังไง???
บางทีเราก็คิดไปถึงยุคไดโนเสาร์ เพราะสโตนเฮ้นจ์ที่ประเทศเยอรมัน มันมีรูปสลักของไดโนเสาร์ด้วย คนเมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว จะมารู้จักไดโนเสาร์ได้ยังไง???O.O นอกเสียจาก เขาจะเห็นมันกับตา แล้วก็สลักลงไปตามแผ่นหิน
หมายเหตุ* สโตนเฮ้นจ์ที่เยอรมัน มันโดนทะเลทรายฝังอยู่ คนสมัยนี้ไปเจอเข้า ต้องขุดทรายกันใหญ่เลย เพราะมันกว้างและใหญ่มาก โดนทรายถมอยู่อ่ะ >< เราถึงได้สงสัยไงว่า เมื่อก่อน มันจะต้องมีการเอียงของแกนโลกแน่ๆ คนโบราณถึงได้หายไปหมด เหลือแต่ซากสิ่งก่อสร้างทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังเห็น เหมือนเป็นประวัติศาสตร์ที่ขาดหายไปของโลกเราเลย+
เราว่า ความสับสนและเข้าใจผิดทั้งหมด มันเกิดจากการวัดอายุหินผิดพลาด เป็นผลให้เราเดาทางประวัติศาสตร์ของโลกไปแบบผิดๆ บางทีเผ่าพันธุ์มนุษย์เราอาจมีมาหลายแสนหรืออาจจะหลายล้านปีแล้วก็ได้ ><