ผมดูคลิป Youtube ช่องหนึ่งเขานำเสนอภาพเก่าในอดีตเป็นภาพของจังหวัดขอนแก่น เป็นภาพถ่ายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2441 เรื่อยมาถึง พ.ศ. 2500 ต้นๆ แต่สิ่งที่ผมสนใจคือมีภาพถ่ายของศาลาพักม้ารวมอยู่ด้วย ศาลาพักม้าเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์ไทยแทบจะไม่บันทึกเอาไว้เลยแตกต่างจากจีนที่รัฐต่างๆ จะมีการสร้างศาลาพักม้าเอาไว้เป็นระยะๆ มีปรากฏในแผนที่มีการจดบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน ศาลาพักม้าของจีนจึงเสมือนหลักกิโลเมตรบอกระยะทางและเป็นเข็มทิศนำทางในตัว
ในประวัติศาสตร์ดินแดนในเขตประเทศไทยภาคอีสานและภาคกลางหากย้อนไปในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นอกจากจะมีอโรคยาศาลา(โรงพยาบาล)ตามเส้นทางโบราณแล้วยังมีการสร้างศาลามีไฟ(ธรรมศาลา)ไว้เป็นระยะ ธรรมศาลานี้จะมีคนเฝ้าจุดไฟไว้ทั้งคันทั้งคืนเพื่อความสะดวกให้กับชาวบ้านเมื่อจะก่อไฟทำอาหารเพราะยุคนั้นไม่มีไม้ขีดไฟการก่อไฟจึงทำได้ยากมากก็เลยต้องมีการสร้างศาลามีไฟขึ้นมา นอกจากนี้ธรรมศาลา(ศาลามีไฟ)ถูกใช้เป็นที่พักพิงของนักเดินทางเหมือนกันกับศาลาพักม้าของจีนอีกด้วย แต่หลังยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไม่ได้มีบันทึกเกี่ยวกับศาลาพักม้าอีกเลยมีแต่บันทึกเส้นทางเดินทัพและที่พักกองทัพ
ภาพที่ 1 เป็นภาพถ่ายศาลาพักม้าสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ทราบ พ.ศ. เส้นทางนี้เป็นทางระหว่างโคราช-ขอนแก่น จะเห็นว่าสร้างศาลาไว้ข้างถนนที่เป็นทางเกรียน/ทางรถม้า
ผมเองก็แปลกใจว่าทำไมยุคหลังจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับที่พักม้าเอาไว้เลย พอได้เห็นรูปถ่ายจึงเข้าใจเป็นเพราะศาลาพักม้ายุคหลังไม่ได้สร้างด้วยหินด้วยอิฐแต่สร้างด้วยไม้มุงด้วยหญ้าไม่ได้สร้างเป็นอาคารถาวรเหมือนยุคก่อนนั่นเอง
ภาพที่ 2 ภาพถ่ายถนนโคราช-ขอนแก่น เมื่อพ.ศ. 2448 จะเห็นว่าถนนดินเลนเดียวเกวียนหรือรถม้าวิ่งสวนกันไม่ได้
ภาพที่ 3 ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2448 เป็นภาพถ่ายเส้นทาง ขอนแก่น-อุดรธานี ช่วงแม่น้ำพอง ในภาพเป็นข้าหลวงสยามเดินทางกลับมาหลังจากการปักษ์ปันเขตแดนกับฝรั่งเศสเสร็จสิ้น
ภาพที่ 4 ถ่ายเมื่อ พ.ศ.2441 เป็นถนนระหว่าง ขอนแก่น-เลย ภูเขาในภาพคือผานกเค้า
ภาพที่ 5 เป็นภาพถ่ายทางอากาศของถนนมลิวรรณ/มะลิวัลย์ (ที่ถูกคือมลิวรรณ) ถ่ายขณะเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2493 ปัจจุบันถนนมลิวรรณเป็นทางหลวงหมายเลข 12 เป็นทางหลวงระหว่างประเทศหมายเลข AH16
ศาลาพักม้า ไม่ได้มีแต่ในซีรีย์จีนย้อนยุค ในประวัติศาสตร์ไทยก็มีเหมือนกัน...
ในประวัติศาสตร์ดินแดนในเขตประเทศไทยภาคอีสานและภาคกลางหากย้อนไปในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นอกจากจะมีอโรคยาศาลา(โรงพยาบาล)ตามเส้นทางโบราณแล้วยังมีการสร้างศาลามีไฟ(ธรรมศาลา)ไว้เป็นระยะ ธรรมศาลานี้จะมีคนเฝ้าจุดไฟไว้ทั้งคันทั้งคืนเพื่อความสะดวกให้กับชาวบ้านเมื่อจะก่อไฟทำอาหารเพราะยุคนั้นไม่มีไม้ขีดไฟการก่อไฟจึงทำได้ยากมากก็เลยต้องมีการสร้างศาลามีไฟขึ้นมา นอกจากนี้ธรรมศาลา(ศาลามีไฟ)ถูกใช้เป็นที่พักพิงของนักเดินทางเหมือนกันกับศาลาพักม้าของจีนอีกด้วย แต่หลังยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไม่ได้มีบันทึกเกี่ยวกับศาลาพักม้าอีกเลยมีแต่บันทึกเส้นทางเดินทัพและที่พักกองทัพ
ภาพที่ 1 เป็นภาพถ่ายศาลาพักม้าสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ทราบ พ.ศ. เส้นทางนี้เป็นทางระหว่างโคราช-ขอนแก่น จะเห็นว่าสร้างศาลาไว้ข้างถนนที่เป็นทางเกรียน/ทางรถม้า
ผมเองก็แปลกใจว่าทำไมยุคหลังจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับที่พักม้าเอาไว้เลย พอได้เห็นรูปถ่ายจึงเข้าใจเป็นเพราะศาลาพักม้ายุคหลังไม่ได้สร้างด้วยหินด้วยอิฐแต่สร้างด้วยไม้มุงด้วยหญ้าไม่ได้สร้างเป็นอาคารถาวรเหมือนยุคก่อนนั่นเอง
ภาพที่ 2 ภาพถ่ายถนนโคราช-ขอนแก่น เมื่อพ.ศ. 2448 จะเห็นว่าถนนดินเลนเดียวเกวียนหรือรถม้าวิ่งสวนกันไม่ได้
ภาพที่ 3 ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2448 เป็นภาพถ่ายเส้นทาง ขอนแก่น-อุดรธานี ช่วงแม่น้ำพอง ในภาพเป็นข้าหลวงสยามเดินทางกลับมาหลังจากการปักษ์ปันเขตแดนกับฝรั่งเศสเสร็จสิ้น
ภาพที่ 4 ถ่ายเมื่อ พ.ศ.2441 เป็นถนนระหว่าง ขอนแก่น-เลย ภูเขาในภาพคือผานกเค้า
ภาพที่ 5 เป็นภาพถ่ายทางอากาศของถนนมลิวรรณ/มะลิวัลย์ (ที่ถูกคือมลิวรรณ) ถ่ายขณะเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2493 ปัจจุบันถนนมลิวรรณเป็นทางหลวงหมายเลข 12 เป็นทางหลวงระหว่างประเทศหมายเลข AH16