บันทึกของผู้เฒ่า ๒๕ ธ.ค.๕๕
เพื่อนรัก (๒)
คราวก่อนบันทึกถึงเพื่อนรัก เมื่อวันเจียวต้าย ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ ว่ามีเพื่อนกลุ่มแรกที่สุดจำนวนสามคน นอกจากเรา คือ นายห่อ และนายออด ที่ได้เล่าไปแล้ว ก็คือ นายผี หรือ พระภิกษุผี
เราได้เขียนถึงท่านไว้ว่า
นายผี มีอาชีพหลายอย่างที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามแต่ความพอใจ เป็นทหารเกณฑ์รุ่นเดียวกัน แต่ไม่รักการเป็นทหาร ออกไปเป็นลูกจ้างในกระทรวงคมนาคม แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นนายท่ารถเมล์ จนได้เมียเป็นกระปี๋ สุดท้ายเป็นพนักงานของกรุงเทพมหานคร เราคบกันตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต เขาอายุอ่อนกว่าเราปีเดียว แต่กินเหล้าเป็นก็เพราะเราชักนำ
เขาบวชพร้อมกับนายออด เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ ทั้ง ๆ ที่นายออดอ่อนกว่าเรา ๕ ปี เราไปเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส ชั้น ม. ๖ นายออดเรียน ม.๑ พอสึกออกมาก็เลยเป็นเพื่อนกับนายผีและเรา เป็นสามเกลอ
นายผีนั้นช่วยเมียร้อยพวงมาลัยขาย เป็นงานอดิเรกอยู่นาน ก็พอได้ค่าน้ำแข็ง ค่าโซดาตามสมควร ถึงจะถูกบ่นว่าเอาบ้างก็พอทนได้ แต่เกิดไม่พอใจผู้บังคับบัญชาขึ้นอย่างฉับพลัน ก็ผลุน ผลันลาออกมารับบำนาญเสีย แล้วก็สาบานว่าจะเลิกกินเหล้า แต่กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงไปบวชอยู่ที่วัดแถวถนนบางนาตราด ประมาณกิโลเมตรที่เจ็ด เราไปเยี่ยมก็เห็นสบายดี
บวชอยู่ได้สักสามพรรษา เช้าวันหนึ่งออกบิณฑบาตร ขากลับถูกรถอะไรก็ไม่รู้ เฉี่ยวเอาขณะที่เดินข้ามถนนกลับวัด นอนกลิ้งคลุกฝุ่นสลบเ้างถนน ชาวบ้านต้องช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด สลบไปสามวัน พอฟื้นขึ้นมาเห็นตัวเลขค่ารักษาแล้ว เจ้าตัวบอกว่าอยากกลับไปนอนตายที่เดิม แต่บังเอิญมีญาติร่ำรวยและมีเมตตาช่วยชำระหนี้ให้ จึงรอดมาบวชต่อได้
เมื่อนายออดตาย พ.ศ.๒๕๑๐ ด้วยอุบัติเหตุนั้น เราเขียนกลอนไว้ว่า
อันเจียวต้ายความหมายเป็นไฉน
จักบอกให้หายแคลงแจ้งประจักษ์
คือเพื่อนฝูงใกล้ชิดสนิทนัก
ร่วมใจภักดิ์ไม่หลีกเร้นเป็นเพื่อนตาย
คนที่หนึ่งนายออดยอดเจรจา
สติปัญญาเป็นเลิศประเสริฐหลาย
คราวคับขันเพื่อนฝ่าฟันอันตราย
แก้เรื่องร้ายให้คลายดีทุกทีไป
คนที่สองนายผีมีความซื่อ
เพื่อนยึดถือความจริงไม่อิงไหน
ไม่กลับกลอกยอกย้อนให้อ่อนใจ
ลงรักใครรักจริงไม่ทิ้งกัน
เราคบกันมาจนเกษียณอายุราชการ จึงได้แยกทางกันเดิน ดังที่เล่ามาแล้ว นายผีเลือกเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง เราและเพื่อนที่ตอนนั้นยังเหลือเยอะ เลือกเอาชีวิตปุถุชนคนบาปเป็นทางเดิน จนกระทั่งโยมบิดาของท่านถึงแก่กรรม ก็ได้เจอกันที่วัดทางห้วยขวาง ดินแดง อีกนับสิบปีต่อมา โยมมารดาของท่านก็ถึงแก่กรรมเมื่ออายุประมาณ ๙๐ ปี จึงได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง ที่วัดเดิม ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่วัดทางอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา
เราก็ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุมาจนถึง พ.ศ.๒๕๔๐ เพื่อนเจียวต้ายก็ร่อยหรอลงไป ตามวิถีกรรมของแต่ละคน จึงบันทึกไว้ว่า
คนที่หนึ่งอดยอดเจรจา
สติปัญญาเป็นเลิศประเสริฐหลาย
คราวคับขันเพื่อนฝ่าฟันอันตราย
กลับมลายเหลือแต่ชื่อให้ลือชา
คนที่สองนายผีมีความซื่อ
เพื่อนยึดถือความจริงหยิ่งหนักหนา
ถึงวันเกิดของเพื่อนกลับเชือนชา
เข้าวัดวาบวชเอาบุญไม่วุ่นดี
..............................................
ปีสี่ศูนย์เอ่ยชื่อมาดังว่าแล้ว
เป็นเพื่อนแก้วต่อไปไม่แหนงหน่าย
ปีห้าศูนย์คงอยู่ได้ไม่วุ่นวาย
แม้ลับหายชื่อคงอยู่คู่เราเอย.
แต่อนิจจังไม่เที่ยงแท้แน่นอน เพียงแค่ พ.ศ.๒๕๔๔ เรามีอายุครบ ๗๐ ปี ก็มีบันทึกไว้ว่า
อันเจียวต้ายอยู่มานานผ่านร้อนหนาว
จนล่วงเข้าปีสีสี่นี้ใช่ชั่ว
ฟื้นความหลังขึ้นมาเล่าใช่เมามัว
อยากให้รู้กันทั่วเรื่องจริงจัง
สิ่งที่เกิดย่อมผันแปรแน่ทั้งหมด
ธรรมดาปรากฏไม่ผิดหวัง
เหลือกี่คนอยู่กันไปไม่จีรัง
เจียวต้ายยังคงความหมายไม่คลายเอย.
และพอถึง พ.ศ.๒๕๕๕ ก็เหลือแต่ นายห่อ เพียงคนเดียวที่ยังไม่ดับไปกับเจียวต้าย.
###########
เพื่อนรัก (๒)
เพื่อนรัก (๒)
คราวก่อนบันทึกถึงเพื่อนรัก เมื่อวันเจียวต้าย ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ ว่ามีเพื่อนกลุ่มแรกที่สุดจำนวนสามคน นอกจากเรา คือ นายห่อ และนายออด ที่ได้เล่าไปแล้ว ก็คือ นายผี หรือ พระภิกษุผี
เราได้เขียนถึงท่านไว้ว่า
นายผี มีอาชีพหลายอย่างที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามแต่ความพอใจ เป็นทหารเกณฑ์รุ่นเดียวกัน แต่ไม่รักการเป็นทหาร ออกไปเป็นลูกจ้างในกระทรวงคมนาคม แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นนายท่ารถเมล์ จนได้เมียเป็นกระปี๋ สุดท้ายเป็นพนักงานของกรุงเทพมหานคร เราคบกันตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต เขาอายุอ่อนกว่าเราปีเดียว แต่กินเหล้าเป็นก็เพราะเราชักนำ
เขาบวชพร้อมกับนายออด เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ ทั้ง ๆ ที่นายออดอ่อนกว่าเรา ๕ ปี เราไปเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส ชั้น ม. ๖ นายออดเรียน ม.๑ พอสึกออกมาก็เลยเป็นเพื่อนกับนายผีและเรา เป็นสามเกลอ
นายผีนั้นช่วยเมียร้อยพวงมาลัยขาย เป็นงานอดิเรกอยู่นาน ก็พอได้ค่าน้ำแข็ง ค่าโซดาตามสมควร ถึงจะถูกบ่นว่าเอาบ้างก็พอทนได้ แต่เกิดไม่พอใจผู้บังคับบัญชาขึ้นอย่างฉับพลัน ก็ผลุน ผลันลาออกมารับบำนาญเสีย แล้วก็สาบานว่าจะเลิกกินเหล้า แต่กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงไปบวชอยู่ที่วัดแถวถนนบางนาตราด ประมาณกิโลเมตรที่เจ็ด เราไปเยี่ยมก็เห็นสบายดี
บวชอยู่ได้สักสามพรรษา เช้าวันหนึ่งออกบิณฑบาตร ขากลับถูกรถอะไรก็ไม่รู้ เฉี่ยวเอาขณะที่เดินข้ามถนนกลับวัด นอนกลิ้งคลุกฝุ่นสลบเ้างถนน ชาวบ้านต้องช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด สลบไปสามวัน พอฟื้นขึ้นมาเห็นตัวเลขค่ารักษาแล้ว เจ้าตัวบอกว่าอยากกลับไปนอนตายที่เดิม แต่บังเอิญมีญาติร่ำรวยและมีเมตตาช่วยชำระหนี้ให้ จึงรอดมาบวชต่อได้
เมื่อนายออดตาย พ.ศ.๒๕๑๐ ด้วยอุบัติเหตุนั้น เราเขียนกลอนไว้ว่า
อันเจียวต้ายความหมายเป็นไฉน
จักบอกให้หายแคลงแจ้งประจักษ์
คือเพื่อนฝูงใกล้ชิดสนิทนัก
ร่วมใจภักดิ์ไม่หลีกเร้นเป็นเพื่อนตาย
คนที่หนึ่งนายออดยอดเจรจา
สติปัญญาเป็นเลิศประเสริฐหลาย
คราวคับขันเพื่อนฝ่าฟันอันตราย
แก้เรื่องร้ายให้คลายดีทุกทีไป
คนที่สองนายผีมีความซื่อ
เพื่อนยึดถือความจริงไม่อิงไหน
ไม่กลับกลอกยอกย้อนให้อ่อนใจ
ลงรักใครรักจริงไม่ทิ้งกัน
เราคบกันมาจนเกษียณอายุราชการ จึงได้แยกทางกันเดิน ดังที่เล่ามาแล้ว นายผีเลือกเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง เราและเพื่อนที่ตอนนั้นยังเหลือเยอะ เลือกเอาชีวิตปุถุชนคนบาปเป็นทางเดิน จนกระทั่งโยมบิดาของท่านถึงแก่กรรม ก็ได้เจอกันที่วัดทางห้วยขวาง ดินแดง อีกนับสิบปีต่อมา โยมมารดาของท่านก็ถึงแก่กรรมเมื่ออายุประมาณ ๙๐ ปี จึงได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง ที่วัดเดิม ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่วัดทางอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา
เราก็ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุมาจนถึง พ.ศ.๒๕๔๐ เพื่อนเจียวต้ายก็ร่อยหรอลงไป ตามวิถีกรรมของแต่ละคน จึงบันทึกไว้ว่า
คนที่หนึ่งอดยอดเจรจา
สติปัญญาเป็นเลิศประเสริฐหลาย
คราวคับขันเพื่อนฝ่าฟันอันตราย
กลับมลายเหลือแต่ชื่อให้ลือชา
คนที่สองนายผีมีความซื่อ
เพื่อนยึดถือความจริงหยิ่งหนักหนา
ถึงวันเกิดของเพื่อนกลับเชือนชา
เข้าวัดวาบวชเอาบุญไม่วุ่นดี
..............................................
ปีสี่ศูนย์เอ่ยชื่อมาดังว่าแล้ว
เป็นเพื่อนแก้วต่อไปไม่แหนงหน่าย
ปีห้าศูนย์คงอยู่ได้ไม่วุ่นวาย
แม้ลับหายชื่อคงอยู่คู่เราเอย.
แต่อนิจจังไม่เที่ยงแท้แน่นอน เพียงแค่ พ.ศ.๒๕๔๔ เรามีอายุครบ ๗๐ ปี ก็มีบันทึกไว้ว่า
อันเจียวต้ายอยู่มานานผ่านร้อนหนาว
จนล่วงเข้าปีสีสี่นี้ใช่ชั่ว
ฟื้นความหลังขึ้นมาเล่าใช่เมามัว
อยากให้รู้กันทั่วเรื่องจริงจัง
สิ่งที่เกิดย่อมผันแปรแน่ทั้งหมด
ธรรมดาปรากฏไม่ผิดหวัง
เหลือกี่คนอยู่กันไปไม่จีรัง
เจียวต้ายยังคงความหมายไม่คลายเอย.
และพอถึง พ.ศ.๒๕๕๕ ก็เหลือแต่ นายห่อ เพียงคนเดียวที่ยังไม่ดับไปกับเจียวต้าย.
###########