ออกตัวก่อนนะคะ ว่าไม่ได้ต้องการจะดิสเครดิตใครนะคะ
เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พ่อเราซึ่งอายุ 58 ถ่ายไม่ออก ก็เลยไปหาหมอที่คลินิค
หมอให้ยาถ่ายมาแต่ก็ไม่ดีขึ้น วันอาทิตย์ก็เลยไปหาหมอที่ รพ.เอกชน
ได้ยาถ่ายมาอีก แต่ก็ไม่ดีขึ้น วันจันทร์ที่ 17 พ่อท้องบวมมาก ก็เลยกลับไป รพ.เอกชน
หมอสวนทวาร แต่ก็ออกนิดเดียว ก็เลยให้นอน รพ. และใช้สายยางดูดออกทางจมูก
พร้อมกับเอ็กซเรย์ 4 ทุ่ม หมอผ่าตัดเอาฟิล์มเอกซเรย์มาให้ดูและบอกว่าต้องผ่าตัด
ค่าใช้จ่ายประมาณแสนกว่าบาท และบอกว่าอาจจะต้องผ่าตัดสองครั้ง เพราะลำไส้บวมมาก
ตอนนั้น พวกเราพี่น้องรวมทั้งแฟนใหม่ของพ่อก็ให้ผ่าค่ะ เพราะพ่อปวดท้อง ทรมานมาก
คืนนั้นตกลงได้ผ่าตอน 5 ทุ่ม ผ่าเสร็จตอน 02.00 หมอออกมาบอกว่า พ่อเราหายใจเองไม่ได้
ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องอยู่ห้อง icu ไปก่อน หมอบอกว่า เจอก้อนเนื้อประมาณ 5 ซม.
อยู่ตรงลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย แต่ยังไม่ได้เอาออกให้ เพราะลำไส้บวมมาก ทำได้แค่ตัดไส้ติ่ง
กับระบายของเสียออกมาโดยต่อท่อออกมาจากลำไส้ใหญ่ ต้องผ่าตัดอีกรอบเพื่อตัดก้อนเนื้อทิ้ง
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเนื้อดีรึว่าเนื้อร้าย ผ่าตัดครั้งที่ 2 ค่าใช้จ่ายประมาณสามแสนบาท
วันอังคาร พวกเราได้คุยกับหมอเรื่องผ่าตัดครั้งที่ 2 หมอถามพวกเราว่าจะย้าย รพ.มั้ย
เพราะพ่อเราเป็นข้าราชการเบิกได้ แต่ถ้าย้ายเราก็ต้องไปหาหมอเจ้าของไข้เอง
แช้วก็ไม่รู้จะมีคิวห้องผ่าตัดรึป่าว อีก รพ.นึงเป็น รพ.ของทหาร หมอผ่าตัดมีแค่ 3 คน
ตอนนั้น พวกเราอยากให้พ่อหายค่ะ เห็นพ่อนอน icu ก็ไม่อยากให้ย้ายไปไหนอีก
ก็เลยตกลงผ่าที่ รพ.นี้ แต่ยังไม่ได้นัดวันผ่า จนตอนเย็นแม่เราซึ่งเป็นพยาบาลเก่า รพ.รัฐ
มาเยี่ยมพ่อ เลยได้เจอกับรุ่นน้องพยาบาลที่มาอยู่เวรพิเศษที่ รพ.นี้ รุ่นน้องแม่แนะนำให้ย้าย รพ.
กลับมาคืนนั้น แม่บอกว่าอยากย้าย รพ. พวกเรากับแฟนใหม่พ่อก็เลยให้แม่จัดการเรื่องย้าย รพ.
วันพุธแม่เข้าไปคุยกับหมอ ถามเรื่องคลื่นหัวใจพ่อ หมอตอบว่า มันไม่เกี่ยวกันเป็นตรงไหนก็รักษาตรงนั้น
หมอดูไม่ค่อยพอใจที่จะย้าย รพ. แม่ขอให้เขียนรายละเอียดในการส่งตัวพ่อ หมอบอกว่า
จะเขียนให้หมดแหละ แต่ไม่รู้จะอ่านออกรึป่าวนะ สรุปวันนั้นได้ย้าย รพ.ค่ะ หมดค่าใช้จ่ายไป
แสนสามกว่าๆ พอมาถึงหมอที่ รพ.รัฐประจำจังหวัดเรา หมองงมากว่าทำไมผ่าเปิดหน้าท้องขนาดนั้นแล้ว
ทำไมถึงไม่ตัดก้อนเนื้อออกมา พอมาอยู่ รพ.นี้ พ่อเราฟื้นตัวดีมาก ได้เอาเครื่องช่วยหายใจออก
พ่อเล่าให้ฟังว่า คืนที่พ่อเราผ่าตัดเสร็จ พ่อเราได้ยินคนคุยกันเรื่องผ่าตัดพ่อครั้งที่ 2 ว่าแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่
แล้วยังมีเลี้ยงฉลองกันอีก พอเราไปถามว่าจะย้าย รพ.มั้ย พ่อเราถึงรีบพยักหน้า แต่เพื่อความชัวร์เราเลยให้พ่อเขียน
พ่อก็เขียนว่าอยากย้าย รพ. พ่อบอกว่า หลังจากบอกว่าจะย้าย รพ. พยาบาลก็ไม่มาดูแลอะไรอีกเลย
ประมาณเกือบ 4 ชม.ค่ะ ตอนนี้พ่อเราอาการดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ รอฟื้นตัวกว่านี้ถึงจะเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ได้
ประสบการณ์พาพ่อไปผ่าตัด
เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พ่อเราซึ่งอายุ 58 ถ่ายไม่ออก ก็เลยไปหาหมอที่คลินิค
หมอให้ยาถ่ายมาแต่ก็ไม่ดีขึ้น วันอาทิตย์ก็เลยไปหาหมอที่ รพ.เอกชน
ได้ยาถ่ายมาอีก แต่ก็ไม่ดีขึ้น วันจันทร์ที่ 17 พ่อท้องบวมมาก ก็เลยกลับไป รพ.เอกชน
หมอสวนทวาร แต่ก็ออกนิดเดียว ก็เลยให้นอน รพ. และใช้สายยางดูดออกทางจมูก
พร้อมกับเอ็กซเรย์ 4 ทุ่ม หมอผ่าตัดเอาฟิล์มเอกซเรย์มาให้ดูและบอกว่าต้องผ่าตัด
ค่าใช้จ่ายประมาณแสนกว่าบาท และบอกว่าอาจจะต้องผ่าตัดสองครั้ง เพราะลำไส้บวมมาก
ตอนนั้น พวกเราพี่น้องรวมทั้งแฟนใหม่ของพ่อก็ให้ผ่าค่ะ เพราะพ่อปวดท้อง ทรมานมาก
คืนนั้นตกลงได้ผ่าตอน 5 ทุ่ม ผ่าเสร็จตอน 02.00 หมอออกมาบอกว่า พ่อเราหายใจเองไม่ได้
ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องอยู่ห้อง icu ไปก่อน หมอบอกว่า เจอก้อนเนื้อประมาณ 5 ซม.
อยู่ตรงลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย แต่ยังไม่ได้เอาออกให้ เพราะลำไส้บวมมาก ทำได้แค่ตัดไส้ติ่ง
กับระบายของเสียออกมาโดยต่อท่อออกมาจากลำไส้ใหญ่ ต้องผ่าตัดอีกรอบเพื่อตัดก้อนเนื้อทิ้ง
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเนื้อดีรึว่าเนื้อร้าย ผ่าตัดครั้งที่ 2 ค่าใช้จ่ายประมาณสามแสนบาท
วันอังคาร พวกเราได้คุยกับหมอเรื่องผ่าตัดครั้งที่ 2 หมอถามพวกเราว่าจะย้าย รพ.มั้ย
เพราะพ่อเราเป็นข้าราชการเบิกได้ แต่ถ้าย้ายเราก็ต้องไปหาหมอเจ้าของไข้เอง
แช้วก็ไม่รู้จะมีคิวห้องผ่าตัดรึป่าว อีก รพ.นึงเป็น รพ.ของทหาร หมอผ่าตัดมีแค่ 3 คน
ตอนนั้น พวกเราอยากให้พ่อหายค่ะ เห็นพ่อนอน icu ก็ไม่อยากให้ย้ายไปไหนอีก
ก็เลยตกลงผ่าที่ รพ.นี้ แต่ยังไม่ได้นัดวันผ่า จนตอนเย็นแม่เราซึ่งเป็นพยาบาลเก่า รพ.รัฐ
มาเยี่ยมพ่อ เลยได้เจอกับรุ่นน้องพยาบาลที่มาอยู่เวรพิเศษที่ รพ.นี้ รุ่นน้องแม่แนะนำให้ย้าย รพ.
กลับมาคืนนั้น แม่บอกว่าอยากย้าย รพ. พวกเรากับแฟนใหม่พ่อก็เลยให้แม่จัดการเรื่องย้าย รพ.
วันพุธแม่เข้าไปคุยกับหมอ ถามเรื่องคลื่นหัวใจพ่อ หมอตอบว่า มันไม่เกี่ยวกันเป็นตรงไหนก็รักษาตรงนั้น
หมอดูไม่ค่อยพอใจที่จะย้าย รพ. แม่ขอให้เขียนรายละเอียดในการส่งตัวพ่อ หมอบอกว่า
จะเขียนให้หมดแหละ แต่ไม่รู้จะอ่านออกรึป่าวนะ สรุปวันนั้นได้ย้าย รพ.ค่ะ หมดค่าใช้จ่ายไป
แสนสามกว่าๆ พอมาถึงหมอที่ รพ.รัฐประจำจังหวัดเรา หมองงมากว่าทำไมผ่าเปิดหน้าท้องขนาดนั้นแล้ว
ทำไมถึงไม่ตัดก้อนเนื้อออกมา พอมาอยู่ รพ.นี้ พ่อเราฟื้นตัวดีมาก ได้เอาเครื่องช่วยหายใจออก
พ่อเล่าให้ฟังว่า คืนที่พ่อเราผ่าตัดเสร็จ พ่อเราได้ยินคนคุยกันเรื่องผ่าตัดพ่อครั้งที่ 2 ว่าแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่
แล้วยังมีเลี้ยงฉลองกันอีก พอเราไปถามว่าจะย้าย รพ.มั้ย พ่อเราถึงรีบพยักหน้า แต่เพื่อความชัวร์เราเลยให้พ่อเขียน
พ่อก็เขียนว่าอยากย้าย รพ. พ่อบอกว่า หลังจากบอกว่าจะย้าย รพ. พยาบาลก็ไม่มาดูแลอะไรอีกเลย
ประมาณเกือบ 4 ชม.ค่ะ ตอนนี้พ่อเราอาการดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ รอฟื้นตัวกว่านี้ถึงจะเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ได้