วันพระ ขึ้น 8ค่ำ เดือน1 เรื่อง มหาสาโรปมสูตร(พระสูตรที่กล่าวถึง อุปมาพรหมจรรย์กับแก่นไม้ ดั่ง สะเด็ด เปลือก แก่น กระพี้)

กระทู้สนทนา
*** แก้ไขหัวข้อกระทู้ เป็น กิ่งและใบ  สะเก็ด เปลือก กระพี้ แก่น คะ ****
-----------------------------------------------------------------------------------

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์




๙. มหาสาโรปมสูตร
อุปมาพรหมจรรย์กับแก่นไม้



           [๓๔๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
           สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ
เขตพระนครราชคฤห์.



เมื่อพระเทวทัตต์หลีกไปไม่นาน ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงปรารภ
พระเทวทัตต์


ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้ว ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า



เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า  ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์
ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ.



เขาบวชอย่างนั้นแล้วยังลาภสักการะ และความสรรเสริญให้บังเกิดขึ้น.
เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยมด้วยลาภสักการะและ
ความสรรเสริญนั้น.




เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญ อันนั้น
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ มีศักดาน้อย.




เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาท เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญ
นั้น เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้




แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย



****ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น.****




บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า
บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่นไม้ ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก
ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ




จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่ มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น  
ละเลยกระพี้
ละเลยเปลือก
ละเลยสะเก็ดไปเสีย



ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่น
ของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด






กุลบุตรบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีศรัทธา ออกจากเรือนบวช
เป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส อุปยาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์
ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ
ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้จะพึงปรากฏ.






เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้บังเกิดขึ้น.
เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและ
ความสรรเสริญอันนั้น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น






เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีลาภสักการะและ
ความสรรเสริญ ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ [หรือมีคนรู้จักน้อย]
มีศักดาน้อย เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาทเพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้วย่อมอยู่เป็นทุกข์.






ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า




ได้ถือเอากิ่งและใบของพรหมจรรย์
และถึงที่สุดแค่กิ่งและใบนั้น.



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่