จากพฤติการณ์ของจำเลย ศาลมองว่าไม่สำนึกผิด แต่จนด้วยหลักฐาน ไม่มีเหตุให้ลดโทษ
...หลักสากลทั่วโลก หากจำเลยสำนึกผิด ให้การรับสารภาพ ถือว่ามีเหตุอันควรให้ลดโทษ
แต่กรณีที่พฤติการณ์ของจำเลย ไม่สำนึกผิด แต่จนด้วยหลักฐาน ให้ถือว่าไม่มีเหตุอันควรให้ลดโทษ
กรณีที่คุณอภิสิทธิ์ ออกมาแถลงข่าว เขียนจดหมายเปิดผนึก ขึ้นเวที ออกรายการทีวีต่างๆ
ไม่เพียงแต่ฟ้องว่าคุณอภิสิทธิ์ ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย กับคำสั่งของตัวเอง
แต่ยังพยายามใส่ร้ายและทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งในที่นี้ ไม่ใช่แค่หน่วยงานเดียว แต่ เป็น สามหน่วยงาน + หนึ่ง
คือ DSI ตำรวจ อัยการ + ศาล
(การดำเนินคดีของสามหน่วยงานดังกล่าว มาจากคำพิพากษาของศาล อีกทอดหนึ่ง)
ซึ่งหน่วยงานเดียวกันเนี้ยแหละ ที่เป็นคนฟ้องร้อง ดำเนินการ บังคับคดี เกี่ยวกับผู้ชุมนุมจำนวนมาก
แต่พอเขาดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์ กลับกลายเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากพรรคตรงข้าม ไปเสียอย่างนั้น
การล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของนายอภิสิทธิ์ ในกรณีดังกล่าว
จึงถูกสื่อมวลชนนำไปขยายความ เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปในวงกว้าง
จนแม้แต่ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก
เริ่มมีความรู้สึกคลางแคลงใจในการสนับสนุนคนๆนี้ ให้เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป
ประเด็นสำคัญดังกล่าว อาจไม่สำคัญเท่ากับ การเคลื่อนไหวของตัวคุณอภิสิทธิ์เอง
หลังจากที่การดำเนินคดี เริ่มงวดเข้ามา
โดยธรรมชาติของคุณอภิสิทธิ์ ที่เป็นนักพูดตัวยงและได้ดิบได้ดีทางการเมือง
เพราะการพูดมาทั้งชีวิต
จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณอภิสิทธิ์ จะมองไม่เห็นทางออกอื่น
นอกจากการพูด พูด และพูดให้มากขึ้นไปอีก
สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า คำพูดของเป็นคุณอภิสิทธิ์ ที่กลายมาเป็นบ่วงรัดคอ คุณอภิสิทธิ์เสียเอง
ทั้งจากกรณีตายน้ำตื้น สารภาพเรื่องการใช้กระสุนจริงกับนักข่าว BBC
และการพยายามทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรม ที่กำลังดำเนินคดีกับตัวเขาเอง
พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ ไม่มีความสำนึกผิด ต่อการกระทำที่ตัวเองได้ก่อขึ้น
แม้แต่น้อย
คงไม่ใช่เรื่อง น่าแปลกใจหากจะมีส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ที่ระบุว่า
" ........พฤติการณ์ของจำเลยที่หนึ่ง ชี้ให้เห็นว่า จำเลยไม่สำนึกผิด
แต่สารภาพเพราะจนด้วยหลักฐาน ไม่มีเหตุอันควรให้ลดโทษ..."
วันนี้ ทางรอดทางเดียวของคุณอภิสิทธิ์ คือ การออกมา "ขอโทษ"
และแสดงความสำนึกผิด
ก่อนที่จะเป็น การสารภาพเพราะ "จนด้วยหลักฐาน" และหมดโอกาสลดโทษในที่สุด
จากพฤติการณ์ของจำเลย ศาลมองว่าไม่สำนึกผิด แต่จนด้วยหลักฐาน ไม่มีเหตุให้ลดโทษ
...หลักสากลทั่วโลก หากจำเลยสำนึกผิด ให้การรับสารภาพ ถือว่ามีเหตุอันควรให้ลดโทษ
แต่กรณีที่พฤติการณ์ของจำเลย ไม่สำนึกผิด แต่จนด้วยหลักฐาน ให้ถือว่าไม่มีเหตุอันควรให้ลดโทษ
กรณีที่คุณอภิสิทธิ์ ออกมาแถลงข่าว เขียนจดหมายเปิดผนึก ขึ้นเวที ออกรายการทีวีต่างๆ
ไม่เพียงแต่ฟ้องว่าคุณอภิสิทธิ์ ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย กับคำสั่งของตัวเอง
แต่ยังพยายามใส่ร้ายและทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งในที่นี้ ไม่ใช่แค่หน่วยงานเดียว แต่ เป็น สามหน่วยงาน + หนึ่ง
คือ DSI ตำรวจ อัยการ + ศาล
(การดำเนินคดีของสามหน่วยงานดังกล่าว มาจากคำพิพากษาของศาล อีกทอดหนึ่ง)
ซึ่งหน่วยงานเดียวกันเนี้ยแหละ ที่เป็นคนฟ้องร้อง ดำเนินการ บังคับคดี เกี่ยวกับผู้ชุมนุมจำนวนมาก
แต่พอเขาดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์ กลับกลายเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากพรรคตรงข้าม ไปเสียอย่างนั้น
การล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของนายอภิสิทธิ์ ในกรณีดังกล่าว
จึงถูกสื่อมวลชนนำไปขยายความ เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปในวงกว้าง
จนแม้แต่ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก
เริ่มมีความรู้สึกคลางแคลงใจในการสนับสนุนคนๆนี้ ให้เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป
ประเด็นสำคัญดังกล่าว อาจไม่สำคัญเท่ากับ การเคลื่อนไหวของตัวคุณอภิสิทธิ์เอง
หลังจากที่การดำเนินคดี เริ่มงวดเข้ามา
โดยธรรมชาติของคุณอภิสิทธิ์ ที่เป็นนักพูดตัวยงและได้ดิบได้ดีทางการเมือง
เพราะการพูดมาทั้งชีวิต
จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณอภิสิทธิ์ จะมองไม่เห็นทางออกอื่น
นอกจากการพูด พูด และพูดให้มากขึ้นไปอีก
สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า คำพูดของเป็นคุณอภิสิทธิ์ ที่กลายมาเป็นบ่วงรัดคอ คุณอภิสิทธิ์เสียเอง
ทั้งจากกรณีตายน้ำตื้น สารภาพเรื่องการใช้กระสุนจริงกับนักข่าว BBC
และการพยายามทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรม ที่กำลังดำเนินคดีกับตัวเขาเอง
พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ ไม่มีความสำนึกผิด ต่อการกระทำที่ตัวเองได้ก่อขึ้น
แม้แต่น้อย
คงไม่ใช่เรื่อง น่าแปลกใจหากจะมีส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ที่ระบุว่า
" ........พฤติการณ์ของจำเลยที่หนึ่ง ชี้ให้เห็นว่า จำเลยไม่สำนึกผิด
แต่สารภาพเพราะจนด้วยหลักฐาน ไม่มีเหตุอันควรให้ลดโทษ..."
วันนี้ ทางรอดทางเดียวของคุณอภิสิทธิ์ คือ การออกมา "ขอโทษ"
และแสดงความสำนึกผิด
ก่อนที่จะเป็น การสารภาพเพราะ "จนด้วยหลักฐาน" และหมดโอกาสลดโทษในที่สุด