มีเรื่องความรักแบบบ้านๆมาเล่าสู่กันฟังอีกเช่นเคยครับคุณผู้ชม
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จขกท.มีโอกาสไปงานวันเกิดของคนรู้จักกัน
เค้าก็จัดงานกันเล็กๆ นั่งดื่มกินกันตามประสาเพื่อนฝูงแหละครับ
พอดีได้นั่งติดกับพี่สาวเจ้าของวันเกิด ก็เลยได้คุยกัน
ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับเธอและสามีเธอมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนัก
ทราบเพียงว่า เธอเปิดร้านขายเครื่องดื่มและอาหารว่าง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปอุดหนุนเลย
คุยกันไปสักพักก็ถามถึงสามีเธอ เธอก็อึ้งไป แล้วก็บอกว่า แยกกันอยู่ได้เกือบสองเดือนแล้ว
เธอบอกว่า เป็นความผิดของเธอเอง แล้วก็เล่าให้ฟังว่า
เป็นเพราะเมื่อปีที่แล้วเธอได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง เป็นลูกค้าประจำร้านเธอ
คุยกันบ่อยๆก็เลยสนิทกัน พอดีช่วงนั้นเธอเครียดๆ มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องร้าน และเรื่องครอบครัว
ก็เลยคุยปรึกษากับลูกค้าคนนั้นบ่อยๆ ด้วยเค้าเป็นผู้ฟังที่ดี คอยให้กำลังใจและคำแนะนำดีๆอยู่เสมอ
ตอนนั้นเธอก็เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง และเรื่องที่คุยก็ไม่มีเรื่องชู้สาวแม้แต่น้อย
เพียงแต่เธอคุยกับเค้าแล้วเธอสบายใจ ซึ่งต่างจากการคุยกับสามีมากเหลือเกิน
เนื่องด้วยสามีหนักไปทางเหน็บแนม คุยกันแล้วชอบเอาชนะคะคานกันซะมากกว่า
เธอเองก็ไม่ค่อยต่างจากเค้าเท่าไหร่ ทำให้บ่อยครั้งที่การพูดคุยกัน จะลงเอยด้วยความรู้สึกที่แย่กว่าเดิม
ซึ่งต่างจากการคุยกับผู้ชายที่ดูช่างแสนอบอุ่นคนนั้น
และการได้คุยกับคนที่เข้าใจ ในอารมณ์เหนื่อยหน่ายจากคนที่เป็นสามี บ่อยๆเข้า
มันก็อาจจะเผลอใจ หวั่นไหวในอารมณ์กันไปบ้าง
คราวนี้ก็เลยคุยกันและเจอกันบ่อยครั้งจนเกินงาม และถึงจะไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น
แต่เรื่องแบบนี้ คนเป็นสามีภรรยากัน มันจะรู้สึกอะไรบางอย่างได้
และหากได้รู้แล้ว ใครที่ไหนจะยอมรับได้ล่ะ ในที่สุดปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้
และเมื่อมีปัญหา แทนที่จะรับฟังกันก่อน คุยกันด้วยเหตุด้วยผลเพื่อปรับความเข้าใจกัน
แต่ตัวเธอเองกลับดันทุรัง มองว่าตัวเองไม่ผิด เพราะไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน
ไม่ได้มองเลยว่า เรื่องแบบนี้หากเจอกับตัวเอง ไม่มีสามีหรือภรรยาคนไหนที่จะไม่คิดมาก
เพียงแต่ว่า ใครจะแสดงออกอย่างไร แค่นั้นเอง
ฝ่ายสามี ก็ไม่ได้มองกลับไปที่ต้นเหตุ ว่าที่ภรรยาต้องไปคุยกับคนอื่นจนเลยเถิด ตัวเองก็มีส่วนผิด
ส่วนผู้ชายคนนั้นเอง หากปรารถนาดีกับเธอจริงๆ ก็ควรจะระมัดระวังให้มากกว่านี้
รู้จักเว้นระยะห่างในการการคุยกับผู้หญิงที่มีสามีแล้วให้เหมาะสม เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้
เมื่อต่างก็เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็เลยต้องเลิกรากันไปเพราะทิฐิ ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้
ทั้งที่วันนี้เธอก็ไม่ได้คุยกับผู้ชายคนนั้นแล้ว ด้วยซ้ำไป
ก็แปลกดี ตอนเจอกันครั้งแรก ต้องใช้ความ อดทนมากมายแค่ไหนกว่าจะได้รักกัน
แต่พอจะทำให้ความรักได้ไปต่อ ความอดทนกลับลดลงกว่าเดิมมากมายซะงั้น
จขกท.เองก็ไม่ได้มองว่าใครผิดหรือถูก เพราะเรื่องราวจริงๆก็คงมีรายละเอียดมากกว่านี้
แต่ก็เชื่อนะ ว่า หากทั้งคู่รู้จักถนอมน้ำใจกัน และห่วงใยความรู้สึกกันให้มากกว่านี้ ก็คงพูดจากันดีกว่านี้
และปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คงไม่เดินทางมาถึงจุดนี้แน่นอน
เล่าสู่กันฟัง...ทำไมไม่พูดกันดีๆ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จขกท.มีโอกาสไปงานวันเกิดของคนรู้จักกัน
เค้าก็จัดงานกันเล็กๆ นั่งดื่มกินกันตามประสาเพื่อนฝูงแหละครับ
พอดีได้นั่งติดกับพี่สาวเจ้าของวันเกิด ก็เลยได้คุยกัน
ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับเธอและสามีเธอมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนัก
ทราบเพียงว่า เธอเปิดร้านขายเครื่องดื่มและอาหารว่าง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปอุดหนุนเลย
คุยกันไปสักพักก็ถามถึงสามีเธอ เธอก็อึ้งไป แล้วก็บอกว่า แยกกันอยู่ได้เกือบสองเดือนแล้ว
เธอบอกว่า เป็นความผิดของเธอเอง แล้วก็เล่าให้ฟังว่า
เป็นเพราะเมื่อปีที่แล้วเธอได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง เป็นลูกค้าประจำร้านเธอ
คุยกันบ่อยๆก็เลยสนิทกัน พอดีช่วงนั้นเธอเครียดๆ มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องร้าน และเรื่องครอบครัว
ก็เลยคุยปรึกษากับลูกค้าคนนั้นบ่อยๆ ด้วยเค้าเป็นผู้ฟังที่ดี คอยให้กำลังใจและคำแนะนำดีๆอยู่เสมอ
ตอนนั้นเธอก็เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง และเรื่องที่คุยก็ไม่มีเรื่องชู้สาวแม้แต่น้อย
เพียงแต่เธอคุยกับเค้าแล้วเธอสบายใจ ซึ่งต่างจากการคุยกับสามีมากเหลือเกิน
เนื่องด้วยสามีหนักไปทางเหน็บแนม คุยกันแล้วชอบเอาชนะคะคานกันซะมากกว่า
เธอเองก็ไม่ค่อยต่างจากเค้าเท่าไหร่ ทำให้บ่อยครั้งที่การพูดคุยกัน จะลงเอยด้วยความรู้สึกที่แย่กว่าเดิม
ซึ่งต่างจากการคุยกับผู้ชายที่ดูช่างแสนอบอุ่นคนนั้น
และการได้คุยกับคนที่เข้าใจ ในอารมณ์เหนื่อยหน่ายจากคนที่เป็นสามี บ่อยๆเข้า
มันก็อาจจะเผลอใจ หวั่นไหวในอารมณ์กันไปบ้าง
คราวนี้ก็เลยคุยกันและเจอกันบ่อยครั้งจนเกินงาม และถึงจะไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น
แต่เรื่องแบบนี้ คนเป็นสามีภรรยากัน มันจะรู้สึกอะไรบางอย่างได้
และหากได้รู้แล้ว ใครที่ไหนจะยอมรับได้ล่ะ ในที่สุดปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้
และเมื่อมีปัญหา แทนที่จะรับฟังกันก่อน คุยกันด้วยเหตุด้วยผลเพื่อปรับความเข้าใจกัน
แต่ตัวเธอเองกลับดันทุรัง มองว่าตัวเองไม่ผิด เพราะไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน
ไม่ได้มองเลยว่า เรื่องแบบนี้หากเจอกับตัวเอง ไม่มีสามีหรือภรรยาคนไหนที่จะไม่คิดมาก
เพียงแต่ว่า ใครจะแสดงออกอย่างไร แค่นั้นเอง
ฝ่ายสามี ก็ไม่ได้มองกลับไปที่ต้นเหตุ ว่าที่ภรรยาต้องไปคุยกับคนอื่นจนเลยเถิด ตัวเองก็มีส่วนผิด
ส่วนผู้ชายคนนั้นเอง หากปรารถนาดีกับเธอจริงๆ ก็ควรจะระมัดระวังให้มากกว่านี้
รู้จักเว้นระยะห่างในการการคุยกับผู้หญิงที่มีสามีแล้วให้เหมาะสม เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้
เมื่อต่างก็เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็เลยต้องเลิกรากันไปเพราะทิฐิ ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้
ทั้งที่วันนี้เธอก็ไม่ได้คุยกับผู้ชายคนนั้นแล้ว ด้วยซ้ำไป
ก็แปลกดี ตอนเจอกันครั้งแรก ต้องใช้ความ อดทนมากมายแค่ไหนกว่าจะได้รักกัน
แต่พอจะทำให้ความรักได้ไปต่อ ความอดทนกลับลดลงกว่าเดิมมากมายซะงั้น
จขกท.เองก็ไม่ได้มองว่าใครผิดหรือถูก เพราะเรื่องราวจริงๆก็คงมีรายละเอียดมากกว่านี้
แต่ก็เชื่อนะ ว่า หากทั้งคู่รู้จักถนอมน้ำใจกัน และห่วงใยความรู้สึกกันให้มากกว่านี้ ก็คงพูดจากันดีกว่านี้
และปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คงไม่เดินทางมาถึงจุดนี้แน่นอน