วันอาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกแย่มาก ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนซ้อมเลย ทั้ง ๆ ที่อ่านหนังสือมาแล้วว่า ให้ตีทุกลูกด้วยความสุข อย่ากลัว อย่ากังวล อย่าระแวง แต่มันก็อดไม่ได้ จากนั้นก็แป๊กเรื่อยมากตั้งแต่หลุมที่หนึ่ง ยันหลุมที่๑๘ ตีไม่ถูกลูกเลย สงสัยอยู่ในใจว่าผิดพลาดตรงไหนกันแน่ ทำไมตอนซ้อมนั้นทำได้ แต่พอเจอของจริงกลับทำไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดก็คือผมรู้สึกเกรงใจพี่เต้ยมาก อยากให้ให้เขาภูมิใจในตัวผม พี่เขาก็ให้การสนับสนุนส่งเสริมขนาดนี้ แต่ผมก็ยังตีลูกให้พี่ได้ชื่นใจสักลูกไม่ได้เลย ยิ่งคุณหน่อยผู้ให้การอุปการคุณ เป็นสปอนเซ่อร์หลักของผม ทั้งให้กำลังใจ ทั้งให้อุปกรณ์ แล้วผมก็ยังพลาดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมรู้สึกเหมือนหมาหงอยเลยละครับ
ผมนึกถึงตอนเป็นนักมวย ไฟต์ไหนที่ขึ้นเวทีชกไม่เอาอ่าว แล้วต้องแพ้ยับเยินลงจากเวที นอกจากโดนด่าโดนค่อนขอดแล้ว ผมยังไม่กล้าสู้หน้าใคร ไม่ว่าพี่เลี้ยง พ่อผม หัวหน้าคณะ หรือแม้แต่ญาติ ๆ ที่ไปเชียร์ ผมกลับลงจากเวที นั่งแก้ผ้าพันมือเงียบ ๆ อยู่ในมุมมืดด้วยตัวเอง นึกเสียใจว่าทำไมจึงชกไม่ได้ดังใจ กว่าจะหายอาการแบบนี้ก็ใช้เวลาหลายวัน โชคดีหน่อยที่มีเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เข้าใจ เธออายุมากกว่าผมสามปี พอเจอหน้าจ๋อย ๆ เข้าเธอก็รู้ทันทีว่าแพ้มาอีกแล้ว เธอก็จะมาลูบหัวและจุ๊บแก้มทีหนึ่ง บอกว่าไม่เป็นไรนะคะ คนเราชนะได้ก็แพ้ได้ ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจขึ้นทุกครั้ง เพื่อนสาวของผมนี่ดีมาก ๆ เวลาผมขึ้นชกไม่เคยได้ไปเชียร์ที่ขอบเวทีหรอกครับ
เพราะครอบครัวผมรังเกียจ หาว่าไม่การศึกษา คิดจะทำลายอนาคตของผม เธออยู่บ้านและก็จุดธูปควันโขมงไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานให้ผมปลอดภัยลงจากเวทีด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนเดิม
ผมเคยถามเธอว่าไม่เคยอวยพรให้ชนะบ้างหรือ เธอว่าไม่เคย แต่ขอให้พระเจ้าคุ้มครองให้ผมปลอดภัยจากความเจ็บปวดทั้งปวง
ตอนนี้ผมกลับมาเป็นนักกีฬาอีกรอบหนึ่งตอนอายุสี่สิบแปด คล้ายๆ กับตอนต่อยมวย ขยันซ้อม ไม่ขี้เกียจ แต่มันก็เหมือนตอนอายุสิบแปด ผมแค่ขยันอย่างเดียว แต่วี่แววของความเป็นเลิศนั้นไม่เคยปรากฏออกมา
และคิดว่า ความเป็นอัจฉริยะของผมคงไม่น่าจะปรากฏในชาตินี้ ต้องรอเกิดใหม่อีกรอบหนึ่ง ตอนนั้นชีวิตผมอาจส่องประกายความเป็นเลิศเหมือนที่ไทเกอร์ วูดให้ทั้งโลกได้รู้จักก็ได้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่จะตั้งใจว่า จะตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเปิดรายการวิทยุของพี่เต้ย แต่วันนี้กลับไม่ได้ฟัง เพราะโปรทวีศักดิ์นัดเช้า เขาเป็นห่วงผม ที่จริงโปรแกรมเรียนของผมนั้นเป็นวันพุทธ วันเสาร์เขามีสอนที่อื่น แต่ช่วงเช้าเขาจะโฉบมาสอนพัตต์ลูกให้กับผม ผมเตรียมหนังสือวิถีแห่งกอล์ฟไว้ให้เขาเรียบร้อย ตื่นขึ้นมาก็ไปซ้อมหวดลูกก่อน เมื่อโปรทวีศักดิ์มาถึงเขาก็พาผมไปที่สนามหญ้าด้านหลัง สอนวิธียืน วิธีจับไม้ วิธีตั้งลูก และเล็งไลน์ให้ผม จากนั้นก็ขอให้ผมลูกพัตต์ลูก ลองชิพ ผมก็ทำตามที่เขาแนะนำ รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าที่ตีลูกไปโดยไม่รู้อะไรเลย
การชิพลูกนั้น ขาต้องชิดกว่าเดิม ย่อเขานิดเดียว แล้วค่อยแกว่งแขนไปทางขวาในระยะที่พอเหมาะ จากนั้นก็เหวี่ยวแขนเบา ๆ ให้ถูกลูก กะให้ลูกตกใกล้ธงที่สุด ทำซ้ำอยู่หลายครั้ง จนพอเป็นแล้ว
โปรทวีศักดิ์ก็บอกเหมือนวันก่อน ๆ ว่าอย่าเกร็ง และอย่าให้แขนงอ พยายามให้แขนไปพร้อมกับไม้ อย่างอแขนซ้ายโดยเด็ดขาด ส่วนลูกพัตต์ก็เช่นเดียว ขาต้องวางชิดกันประมาณหนึ่งฝ่ามือ ปลาเท้าเท่ากัน วางให้เหมือนเลข11 ย่อเข่า ก้มตัวนิดเดียว แล้วตั้งลูกให้ดี เล็งให้แม่น แล้วค่อยกวาดลูกทางซ้าย กะน้ำหนักให้พอดี เรื่องนี้ขอให้รู้หลักการยืน การวางลูกให้สัมพันธ์กับไม้พัตต์ จากนั้นก็ค่อยฝึกซ้อมเอง โปรทวีศักดิ์ก็บอกเหมือนวันก่อน ๆ ว่า กีฬาทุกชนิดต้องมีการซ้อมอย่างหนัก และเขาก็บอกว่า ผมนั้นขยันมาก มาซ้อมทุกวันไม่เคยขาด
ผมรู้ว่านี่คือคำชม แต่ก็ข่มกลั้นไว้ที่จะไม่ภูมิใจในตัวเองมากไป
เพราะลึก ๆ แล้วผมก็รู้ตัวดีว่า ผมมีแต่ลูกขยัน ลูกอัจฉริยะ หรือลูกที่เรียกว่าพัฒนาการนั้นยังไม่เกิดขึ้น
วันอาทิตย์ ผมตื่นเต้นเลยว่าจะได้ออกสนามจริงอีก อย่างน้อยก็ได้โชว์ให้พี่เต้ยกับคุณหน่อยเห็นว่า พลังของหัวไม้สามของผมไม่ธรรมดา สามารถตีลูกให้ไปได้ไกล ตรงและสวยงาม ระยะเกือบสองร้อยหลาแน่นอน
แต่พระเจ้าช่วย เกิดอะไรขึ้น ตีละลูก มันไม่อาจนำพาลูกให้ลอยไปได้เลย บางลูกจมอยู่ใต้ดิน ผมพลาดตรงไหน ผมคิดหัวแทบแตก ไม้ก็จับถูก ท่ายืนก็ถูก หมุนตัวก็พอถูก หรืออาจจะยกตัวเร็วไป เกร็งเกินไป กดหัวไม้ลงมากไป ยืนห่างไป ผมคิดอยู่แค่นี้ หวังว่าหลุมหน้าแก้ตัวใหม่ เอาให้สวยกว่าเดิม
และมันก็แป๊กอีก ลงน้ำบ้าง จมดินบ้าง หายสาบสูญบ้าง
สิบแปดหลุม ผมทำลายสติถิ ตีผิดทุกครั้ง ทำลูกกอล์ฟตกน้ำหายเกลี้ยง ไม่เหลือกลับบ้านแม้แต่ลูกเดียว
กลับบ้าน นั่งทบทวนตัวเองอยู่ครึ่งคืน
เมื่อวานไปหาโปรรัชนี เล่าให้เรื่องนี้ให้ฟัง เธอฟังจบแล้วยิ้มหวานให้ผม และเอามือแตะไหล่เบา ๆ พี่เครียดเกินไป ทำตัวสบาย ๆ นะค่ะ แล้วซ้อมใหม่ อย่าลืมที่โปรฯสอน และเธอก็มายืนข้างหลังให้กำลังใจผม
แค่ลูกแรก ผมก็หวดไปได้ไกลเกินร้อยห้าสิบ ลูกลอยฉับ โค้งขึ้นนิดหนึ่ง ตรงแหนว ตกลงอย่างสวยงาม โปรติ๊กบอกว่า นั่นแหละ
ลูกต่อมาผมก็ทำได้เหมือนเดิมอีก
หนึ่งถาดสี่สิบลูก ผมสามารถตีลูกสวย ๆ ได้ถึงสามสิบห้าครั้ง
แล้วทำไมเมื่อเข้าสนามจริง ผมกลับทำไม่ได้เลย
ผมถามตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับผม
ไม่ได้อายใครหรอกนะครับ
แต่อายตัวเอง
วันพุทธผมจะเร่งให้โปรทวีศักดิ์พาออกรอบ เผื่อจะได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นบ้าง
แล้วผมจะลงสนามครั้งหน้าด้วยความมั่นใจมากกว่านี้ ไม่ทำให้ใครต้องคอยลุ้นกับชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของผมอีก
นักเขียนเรียนกอล์ฟ
ที่สำคัญที่สุดก็คือผมรู้สึกเกรงใจพี่เต้ยมาก อยากให้ให้เขาภูมิใจในตัวผม พี่เขาก็ให้การสนับสนุนส่งเสริมขนาดนี้ แต่ผมก็ยังตีลูกให้พี่ได้ชื่นใจสักลูกไม่ได้เลย ยิ่งคุณหน่อยผู้ให้การอุปการคุณ เป็นสปอนเซ่อร์หลักของผม ทั้งให้กำลังใจ ทั้งให้อุปกรณ์ แล้วผมก็ยังพลาดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมรู้สึกเหมือนหมาหงอยเลยละครับ
ผมนึกถึงตอนเป็นนักมวย ไฟต์ไหนที่ขึ้นเวทีชกไม่เอาอ่าว แล้วต้องแพ้ยับเยินลงจากเวที นอกจากโดนด่าโดนค่อนขอดแล้ว ผมยังไม่กล้าสู้หน้าใคร ไม่ว่าพี่เลี้ยง พ่อผม หัวหน้าคณะ หรือแม้แต่ญาติ ๆ ที่ไปเชียร์ ผมกลับลงจากเวที นั่งแก้ผ้าพันมือเงียบ ๆ อยู่ในมุมมืดด้วยตัวเอง นึกเสียใจว่าทำไมจึงชกไม่ได้ดังใจ กว่าจะหายอาการแบบนี้ก็ใช้เวลาหลายวัน โชคดีหน่อยที่มีเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เข้าใจ เธออายุมากกว่าผมสามปี พอเจอหน้าจ๋อย ๆ เข้าเธอก็รู้ทันทีว่าแพ้มาอีกแล้ว เธอก็จะมาลูบหัวและจุ๊บแก้มทีหนึ่ง บอกว่าไม่เป็นไรนะคะ คนเราชนะได้ก็แพ้ได้ ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจขึ้นทุกครั้ง เพื่อนสาวของผมนี่ดีมาก ๆ เวลาผมขึ้นชกไม่เคยได้ไปเชียร์ที่ขอบเวทีหรอกครับ
เพราะครอบครัวผมรังเกียจ หาว่าไม่การศึกษา คิดจะทำลายอนาคตของผม เธออยู่บ้านและก็จุดธูปควันโขมงไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานให้ผมปลอดภัยลงจากเวทีด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนเดิม
ผมเคยถามเธอว่าไม่เคยอวยพรให้ชนะบ้างหรือ เธอว่าไม่เคย แต่ขอให้พระเจ้าคุ้มครองให้ผมปลอดภัยจากความเจ็บปวดทั้งปวง
ตอนนี้ผมกลับมาเป็นนักกีฬาอีกรอบหนึ่งตอนอายุสี่สิบแปด คล้ายๆ กับตอนต่อยมวย ขยันซ้อม ไม่ขี้เกียจ แต่มันก็เหมือนตอนอายุสิบแปด ผมแค่ขยันอย่างเดียว แต่วี่แววของความเป็นเลิศนั้นไม่เคยปรากฏออกมา
และคิดว่า ความเป็นอัจฉริยะของผมคงไม่น่าจะปรากฏในชาตินี้ ต้องรอเกิดใหม่อีกรอบหนึ่ง ตอนนั้นชีวิตผมอาจส่องประกายความเป็นเลิศเหมือนที่ไทเกอร์ วูดให้ทั้งโลกได้รู้จักก็ได้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่จะตั้งใจว่า จะตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเปิดรายการวิทยุของพี่เต้ย แต่วันนี้กลับไม่ได้ฟัง เพราะโปรทวีศักดิ์นัดเช้า เขาเป็นห่วงผม ที่จริงโปรแกรมเรียนของผมนั้นเป็นวันพุทธ วันเสาร์เขามีสอนที่อื่น แต่ช่วงเช้าเขาจะโฉบมาสอนพัตต์ลูกให้กับผม ผมเตรียมหนังสือวิถีแห่งกอล์ฟไว้ให้เขาเรียบร้อย ตื่นขึ้นมาก็ไปซ้อมหวดลูกก่อน เมื่อโปรทวีศักดิ์มาถึงเขาก็พาผมไปที่สนามหญ้าด้านหลัง สอนวิธียืน วิธีจับไม้ วิธีตั้งลูก และเล็งไลน์ให้ผม จากนั้นก็ขอให้ผมลูกพัตต์ลูก ลองชิพ ผมก็ทำตามที่เขาแนะนำ รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าที่ตีลูกไปโดยไม่รู้อะไรเลย
การชิพลูกนั้น ขาต้องชิดกว่าเดิม ย่อเขานิดเดียว แล้วค่อยแกว่งแขนไปทางขวาในระยะที่พอเหมาะ จากนั้นก็เหวี่ยวแขนเบา ๆ ให้ถูกลูก กะให้ลูกตกใกล้ธงที่สุด ทำซ้ำอยู่หลายครั้ง จนพอเป็นแล้ว
โปรทวีศักดิ์ก็บอกเหมือนวันก่อน ๆ ว่าอย่าเกร็ง และอย่าให้แขนงอ พยายามให้แขนไปพร้อมกับไม้ อย่างอแขนซ้ายโดยเด็ดขาด ส่วนลูกพัตต์ก็เช่นเดียว ขาต้องวางชิดกันประมาณหนึ่งฝ่ามือ ปลาเท้าเท่ากัน วางให้เหมือนเลข11 ย่อเข่า ก้มตัวนิดเดียว แล้วตั้งลูกให้ดี เล็งให้แม่น แล้วค่อยกวาดลูกทางซ้าย กะน้ำหนักให้พอดี เรื่องนี้ขอให้รู้หลักการยืน การวางลูกให้สัมพันธ์กับไม้พัตต์ จากนั้นก็ค่อยฝึกซ้อมเอง โปรทวีศักดิ์ก็บอกเหมือนวันก่อน ๆ ว่า กีฬาทุกชนิดต้องมีการซ้อมอย่างหนัก และเขาก็บอกว่า ผมนั้นขยันมาก มาซ้อมทุกวันไม่เคยขาด
ผมรู้ว่านี่คือคำชม แต่ก็ข่มกลั้นไว้ที่จะไม่ภูมิใจในตัวเองมากไป
เพราะลึก ๆ แล้วผมก็รู้ตัวดีว่า ผมมีแต่ลูกขยัน ลูกอัจฉริยะ หรือลูกที่เรียกว่าพัฒนาการนั้นยังไม่เกิดขึ้น
วันอาทิตย์ ผมตื่นเต้นเลยว่าจะได้ออกสนามจริงอีก อย่างน้อยก็ได้โชว์ให้พี่เต้ยกับคุณหน่อยเห็นว่า พลังของหัวไม้สามของผมไม่ธรรมดา สามารถตีลูกให้ไปได้ไกล ตรงและสวยงาม ระยะเกือบสองร้อยหลาแน่นอน
แต่พระเจ้าช่วย เกิดอะไรขึ้น ตีละลูก มันไม่อาจนำพาลูกให้ลอยไปได้เลย บางลูกจมอยู่ใต้ดิน ผมพลาดตรงไหน ผมคิดหัวแทบแตก ไม้ก็จับถูก ท่ายืนก็ถูก หมุนตัวก็พอถูก หรืออาจจะยกตัวเร็วไป เกร็งเกินไป กดหัวไม้ลงมากไป ยืนห่างไป ผมคิดอยู่แค่นี้ หวังว่าหลุมหน้าแก้ตัวใหม่ เอาให้สวยกว่าเดิม
และมันก็แป๊กอีก ลงน้ำบ้าง จมดินบ้าง หายสาบสูญบ้าง
สิบแปดหลุม ผมทำลายสติถิ ตีผิดทุกครั้ง ทำลูกกอล์ฟตกน้ำหายเกลี้ยง ไม่เหลือกลับบ้านแม้แต่ลูกเดียว
กลับบ้าน นั่งทบทวนตัวเองอยู่ครึ่งคืน
เมื่อวานไปหาโปรรัชนี เล่าให้เรื่องนี้ให้ฟัง เธอฟังจบแล้วยิ้มหวานให้ผม และเอามือแตะไหล่เบา ๆ พี่เครียดเกินไป ทำตัวสบาย ๆ นะค่ะ แล้วซ้อมใหม่ อย่าลืมที่โปรฯสอน และเธอก็มายืนข้างหลังให้กำลังใจผม
แค่ลูกแรก ผมก็หวดไปได้ไกลเกินร้อยห้าสิบ ลูกลอยฉับ โค้งขึ้นนิดหนึ่ง ตรงแหนว ตกลงอย่างสวยงาม โปรติ๊กบอกว่า นั่นแหละ
ลูกต่อมาผมก็ทำได้เหมือนเดิมอีก
หนึ่งถาดสี่สิบลูก ผมสามารถตีลูกสวย ๆ ได้ถึงสามสิบห้าครั้ง
แล้วทำไมเมื่อเข้าสนามจริง ผมกลับทำไม่ได้เลย
ผมถามตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับผม
ไม่ได้อายใครหรอกนะครับ
แต่อายตัวเอง
วันพุทธผมจะเร่งให้โปรทวีศักดิ์พาออกรอบ เผื่อจะได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นบ้าง
แล้วผมจะลงสนามครั้งหน้าด้วยความมั่นใจมากกว่านี้ ไม่ทำให้ใครต้องคอยลุ้นกับชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของผมอีก