สวัสดีค่ะ เรามีคำถามเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวของเราค่ะ คือตั้งแต่เด็กเราอาศัยอยู่กับคุณปู่คุณย่า และพี่สาว ที่บ้านนอก แล้วตอน ป.5 ได้ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ค่ะ ตอนเด็ก ๆ คุณปู่คุณย่าดูแลเราดีมากค่ะ เรามักจะพูดคุยกับพวกท่านตลอด ทำอาหารด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน ทานข้าว นอนกอดกัน พี่สาวก็เช่นเดียวกันค่ะ พ่อแม่ท่านเองก็มีเหตุผลที่ให้คุณปู่กับคุณย่าเลี้ยงเรากับพี่ ก็คงเพราะพวกท่านต้องหาเงินนั่นแหละค่ะ บางครั้งช่วงปิดเทอมเราก็ไปดที่ยวเล่นที่หอพักของคุณพ่อคุณแม่บ้างบางครั้ง สักพักท่านก็ได้ซื้อบ้านหนึ่งหลังค่ะ
หลักจากที่เราย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ ช่วง ป.5 พวกท่านก็มักจะทำงานเสมอ กลับบ้านมา เราก็แทบไม่ได้คุยกัน อาจจะได้คุยกันบ้างแต่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ยังดีที่มีพี่สาวเราอยู่ เราเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน ก็เลยได้พูดคุยกันบ้าง นอนห้อง้ดียวกัน ไปโรงเรียน กลับบ้าน พร้อมกัน พอจะพูดคุยกับพี่สาวได้ แต่แป้ป ๆ พี่ก็ขึ้นมหาลัยไปอยู่หอ เราก็อยู่ตัวคนเดียว เราไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน แต่เราก็พูดคุยกับเพื่อน ๆ (เพื่อนที่โรงเรียน)ทางโทรศัพท์ บ้างก็เล่นเหม พ่อแม่ท่านน่าจะคิดว่าเราติดโทรศัพท์ค่ะ เราเองก็คิดว่าคงจะติดจริง ๆ แต่เราไม่สามารถคุยอะไรกับใครได้เลยนอกจากเพื่อน
ในปัจจุบันนี้ ตอนนี้เราอายุ 15 ปีแล้วค่ะ อยู่ ม.5 เราร้องไห้ค่อนข้างที่จะบ่อยเลยค่ะ อาจะเดือนละสามครั้งขึ้นไป บ้างก็นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่อยู่กับคุณปู่คุณย่า บ้างก็เห็นคลิปเกี่ยวกับครอบครัวก็ร้องไห้ง่าย ๆ เราค่อนข้างอ่อนไหว และอาจจะไม่ค่อยมีความอดทน เราคิดว่าตนอาจจะขาดความอบอุ่นรึเปล่า ส่วนตัวเราค่อนข้างเป็นคนพูดมากค่ะ ชอบพูดอยู่เสมอ ชอบพูดคุยกับเพื่อน ๆ ว่าวันนี้ทำอะไรเป็นยังไงบ้าง แต่กลับบ้านมาก็แทบไม่ได้พูดคุยกับพ่อแม่ อาจจะคุยกันไม่กี่ประโยค ยิ่งโตขึ้นเหมือนเราจะเก็บกดขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งทุก ๆ สุดสัปดาห์มักจะร้องไห้ แล้วก็คิดเรื่องหลาย ๆ เรื่อง แต่มักจะเป็น เรื่องครอบครัวนี่แหละค่ะ
เราว่าพ่อแม่น่าจะคิดว่าเรายิ่งโตขึ้นยิ่งต้องการความเป็นส่วนตัวหรือเปล่า แต่ท่านก็เคยบอกว่าตอนเด็ก ๆ เราเป็นเด็กที่ร่าเริงมาก เราเองก็คิดถึงตัวเองตอนนั้น แต่ตอนนี้เราก็ยังร่าเริงนะคะ กับเพื่อน ๆ ในห้องเรียน แต่กลับไม่กล้าที่จะแสดงออกต่อหน้าพ่อแม่เลย บางครั้งเราดูการ์ตูน แล้วจะขำหรือยิ้ม ก็ไม่กล้าที่จะยิ้มต่อหน้าพ่อแม่ด้วยซ้ำไป เราว่าเราค่อนข้างที่จะไม่สนิทกันเลย เราไม่กล้าพูดคุย สอบถามปัญหาอะไรต่าง ๆ กับพวกท่านเลย เราเองก็รู้สึกว่าพวกท่านไม่ได้อยากจะรู้เรื่องของเราเลย เราไม่รู้เลยค่ะ ว่าพวกท่านคิดยังไง เพราะพวกท่านเองก็ไม่เคยบอกเรา แต่พวกท่านจะบอกเสมอค่ะ ว่าท่านรักเรา เรารู้ค่ะว่าพวกท่านรักเรา ท่านตั้งใจพยายามทำงานก็เพื่อเรา อนาคตของเรา แต่สิ่งที่ท่านทำ มันทำให้เราไม่รู้สึกถึงมันเลยค่ะ
เราไม่ได้อยากเรียนโรงเรียนค่าเทอมเป็นหมื่น ๆ เราไม่ได้อยากกินอาหารมากมาย หรืออาหารอร่อยที่แพงนัก เราไม่ได้ต้องการเสื้อผ้าเยอะแยะ แต่เพียงแค่อยากให้พวกท่านหันมา พูดคุยกัน ออกไปเที่ยวเล่น จริง ๆ แค่คุยกันก็พอค่ะ เราอยากพูด อยากคุยด้วย อยากบอกว่าวันนี้ เหนื่อยมาก เรียนคณิตไม่เข้าใจเลย เราอยากบอกว่าวันนี้เรากินก๋วยเตี๋ยว ปรุงเผ็ดมาก แทบทานไม่ได้ เพียงเท่านั้น บางครั้งเราคิดว่า ไม่จำเป็นต้องมีเงินก็ได้ค่ะแต่เราอยากมีความสุข อยากมีพวกท่านอยู่ข้าง ๆ เหลือเกิน อนาคตเราไม่ได้ต้องการให้เรามีเงินทอง ร่ำรวย แต่ต้องเสียพวกท่านไปโดยที่ไม่ได้พูดว่ารักด้วยซ้ำ มันอาจจะดูแย่ค่ะ เราขอโทษด้วย แต่เราไม่กล้าเลย ที่จะพูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกไป แต่เราเหงามากเลยค่ะ เราเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวตลอด เราเองก็อยากถูกกอด และบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ
พวกท่านน่าจะไม่รู้ว่าแท้จริงเราเป็นยังไง ชอบทาน อะไร ชอบทำอะไรด้วยซ้ำ เราไม่รู้ว่า พวกท่านมีความสุขไหมที่ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกของเราเป็นแบบนี้ แต่เรารู้สึกเสียใจมากค่ะ ท่านไม่รู้ว่าเราขี้น้อยใจ ขี้แง อ่อนไหว คิดมาก ไม่รู้ว่าเราชอบทานอะไร ชอบสีอะไร เรารู้ค่ะว่าท่านต้องทำงาน รู้อยู่ตลอด แต่หลาย ๆ ครั้งที่พวกท่านทำงานอยู่ ท่านจะรู้ไหมว่าเรากำลังร้องไห้ มันทรมานเหลือเกินค่ะ ที่ร้องไห้อยู่ตัวคนเดียวในห้อง ไม่มีใครทราบ ไม่มีใครสนใจ บางครั้งเราเคยคิดว่าถ้าเด็กที่เกิดมาไม่ใช่เราล่ะ ถ้าตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่าเชอรี่ พวกท่านอาจจะมีความสุขมากกว่า ครอยครัวเราอาจจะมีความสุขกันมากกว่านี้ เราชอบคิดโทษตัวเองตลอดเลยค่ะ เรารู้ว่ามันก็ไม่ดีหรอก แต่เราก็คิดเช่นนั้นตลอด เราคิดว่าเรามันแย่หลาย ๆ ครั้ง เราเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นสมาชิกครอบครัวที่ดีของทุกคนไม่ได้ แต่เรารู้สึกดีใจ และขอบคุณมากเลยค่ะที่ครั้งนึงได้เป็นครอบครัวเดียวกับทุกคน แต่ถ้าไม่มีเรามันจะดีกว่านี้รึเปล่านะ บางครั้งเราก็คิดอยากที่จะตายค่ะ ตอนนี้เราไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่เราไม่อยากให้ทุก ๆ อย่างที่พ่อแม่ลงทุน เงินเป็นล้านที่ใช้ชุบเลี้ยงดูแลเรามาจนถึงตอนนี้เสียเปล่า อย่างน้อยในอนาคตเราก็อนากมีเงินมาก ๆ มาใช้คืนท่าน และก็ไม่อยากตาย เพราะไม่อยากให้คนในครอบครัวร้องไห้ เสียใจกับชีวิตที่ไร้ค่าของเราเลย
จริง ๆ โพสต์นี้อาจจะเป็นเพียงโพสต์ระบายของเราเท่านั้นเอง แต่จริง ๆ ก็มีคำถามเช่นเดียวกันค่ะ เรายังคิดที่จะสู้ และพยายามกบัชีวิตครั้งนี้ต่อไป แต่เราไม่อยากให้เวลามันไหลผ่านไปโดยไม่ได้พูดคุยกับพวกท่านเลยค่ะ เราอยากรู้ว่า ถ้าอยากจะเริ่มพูดคุยกัน ควรจะเริ่มจากยังไงดีคะ เราคิดว่า อาจจะพูดว่า เราไปเรียนก่อนนะคะกับคุณพ่อคุณแม่ แต่คุณพ่อก็ไปทำงานซะก่อน บางครั้งแม่ก็ทำงานเช้า ไม่ก็เย็น ไม่ค่อยได้ทักทายกันท่าไหร่เลย ตอนเช้าคุณพ่อก็เดินออกจากประตูขึ้นรถไปทำงาน บางครั้งคุณแม่ก็ทำอาหารอยู่ในครัว เราก็นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารทำงานของเราไป โดยไมำ่ด้พูดจาอะไรกันทบางครั้งเราก็นึกน้อยใจ ไปร้องไห้บนรถบ้างกก็เถอะ เราเคยไปโรงเรียนและไหว้คุณพ่อคุณแม่ก่อนไป แต่คุณพ่อก็แซวทำให้เรารู้สึกเสียใจ ก็เบยไม่ได้ทำอีกเลยค่ะ
เอาจริง ๆ ใช่ว่าครอบครัวเราไม่ได้คุยกันเลยนะคะ ก็มีบ้างนิดหน่อย ตอนไปโรงเรียนคุณแม่ก็จะให้เงินค้าขนม อาจจำบอกให้หยิบยางมัดผมให้ ตอนเย็นบ้างก็ถามว่าที่โรงเรียนทานข้าวกับอะไร เหนื่อยไหม คงจะมีคำถามแค่นี้ แล้วก็ไม่ได้พูดคุยกันต่อ บ้างคุณพ่อก็ถามว่า กินนี่ไหม ไปเที่ยวกันไหม ส่วนมากเราก็จะตอบว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวกินค่ะ หรือไม่ก็แล้วแต่ จริง ๆ ตัวเราก็ไม่ใช่คนพูดน้อยอะไรหรอกค่ะ ออกจะพูดมากและไร้สาระด้วยศ้ำ แต่ก็ไม่รู้เลยทำไมถึงไม่กล้าพูดคุยกับพวกท่าน
ในครอบครัว ณ ตอนนี้ก็มีพี่สาวนี่แหละค่ะที่พูดคุยด้วยบ้าน แต่พี่เองก็ดูค่อนข้างจะรำคาญเรา แต่บางครั้งก็ได้พูดคุยกันบ้าง แต่ก็ส่วนน้อย อาจจะเป็นเพราะเราอยู่กับพี่ตลอดค่ะ ไม่เคยได้ห่างกันเลย ตั้งแต่เล็กที่อยู่กับคุณปู่คุณย่า จนมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ก็ยังมีพี่อยู่ แต่ไม่เคยพูดคุยหรือปรึกษาเรื่องความรู้สึกแนว ๆ นี้เท่าไหร่นัก แต่พี่สาวมักจะชอบคุยกับคุณย่า ตรงส่วนนี้เราเองก็มีปัญหาค่ะ เราไม่รู้ว่าตัวเราเป็นบ้าอะไร แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคุยกับคุณย่า แต่ตอนเด็ก ๆ เราสนิทกับท่านที่สุดเลย แต่กลับไม่กล้าพูดคุยกับท่าน เช่นเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ แต่เวลาเจอกันเราแทบไม่คุยกับท่านเลย แต่เรายังคงรักท่านนะคะ รักมาก เรายังร้องไห้เพราะคิดถึงท่าน เสียใจและกลัวว่าจะเสียท่านไป แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรเลย ไม่เข้าใจตัวเองสักนิด
บางครั้งเราก็คิดอิจฉาครอบครัวคนอื่นนะคะ เพื่อนบางคน มีปัญหาอะไรก็สามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้ ทะเลาะกับเพื่อน เรื่องการทำงานต่าง ๆ พ่อแม่เพื่อนบางท่าน ก็น่ารักมาก เวลามาช่วยงานโรงเรียน หรือมาดูการแสดง ซัพพอร์ตลูก ๆ เราเห็นบางครั้งก็แทบจะร้องไห้เลยค่ะ อาจจะอิจฉา แต่โคตรจะอบอุ่นเลย จริง ๆ คุณพ่อคุณแม่เราก็คอยซัพพอร์ตเราเช่นกันค่ะ เราอยากได้อะไรท่านก็จะพยายามหามาให้ แต่เราเองก็ขี้เกรงใจ ไม่อยากขอ ไม่ต้องการ และชอบตอบว่าไม่เป็นไร จริง ๆ เราเองแค่ต้องการอยากจะมีคนอยู่ข้าง ๆ อยากจะมีความสุข อยากจะให้พวกเราพูดคุยกันได้ แต่ก็อย่างที่พูดไป พวกท่านเองต้องทำงาน ไม่มีเวลาไหนมานั่ง deep talk หรือทานอาหารร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากันหรอกค่ะ
เราจะไม่ร้องไห้ต่อแล้วค่ะ อยากให้ช่วยคิดว่าเราจะสามารถสนิทกันขึ้น พูดคุยกันมากขึ้นได้อย่างไร เราไม่แน่ใจเลยค่ะ ว่าจะสามารถทำได้ไหม แต่เราเองก็จะพยายาม ที่จะพูดคุยกับพวกท่านได้ (เราเองก็เคยพยายามเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณแม่ฟัง แต่ตอนนั้นเราเล่า หันไปอีกทีคุณแม่ไม่สนใจ ก็เลยไม่ค่อยมีความกล้าที่จะเล่าอีกเท่าไหร่นัก อาจจะมีปัญหา ทะเลาะกันบ้างอีก แต่ก็ไม่ได้ใส่รายละเอียดเข้าไป) หวังว่าทุกคนจะช่วยตอบปัญหาของเราทีนะคะ 🙏🙏🙏
พูดคุยอย่างไรให้สนิทสนมกับคนในครอบครัวมากขึ้น?
หลักจากที่เราย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ ช่วง ป.5 พวกท่านก็มักจะทำงานเสมอ กลับบ้านมา เราก็แทบไม่ได้คุยกัน อาจจะได้คุยกันบ้างแต่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ยังดีที่มีพี่สาวเราอยู่ เราเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน ก็เลยได้พูดคุยกันบ้าง นอนห้อง้ดียวกัน ไปโรงเรียน กลับบ้าน พร้อมกัน พอจะพูดคุยกับพี่สาวได้ แต่แป้ป ๆ พี่ก็ขึ้นมหาลัยไปอยู่หอ เราก็อยู่ตัวคนเดียว เราไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน แต่เราก็พูดคุยกับเพื่อน ๆ (เพื่อนที่โรงเรียน)ทางโทรศัพท์ บ้างก็เล่นเหม พ่อแม่ท่านน่าจะคิดว่าเราติดโทรศัพท์ค่ะ เราเองก็คิดว่าคงจะติดจริง ๆ แต่เราไม่สามารถคุยอะไรกับใครได้เลยนอกจากเพื่อน
ในปัจจุบันนี้ ตอนนี้เราอายุ 15 ปีแล้วค่ะ อยู่ ม.5 เราร้องไห้ค่อนข้างที่จะบ่อยเลยค่ะ อาจะเดือนละสามครั้งขึ้นไป บ้างก็นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่อยู่กับคุณปู่คุณย่า บ้างก็เห็นคลิปเกี่ยวกับครอบครัวก็ร้องไห้ง่าย ๆ เราค่อนข้างอ่อนไหว และอาจจะไม่ค่อยมีความอดทน เราคิดว่าตนอาจจะขาดความอบอุ่นรึเปล่า ส่วนตัวเราค่อนข้างเป็นคนพูดมากค่ะ ชอบพูดอยู่เสมอ ชอบพูดคุยกับเพื่อน ๆ ว่าวันนี้ทำอะไรเป็นยังไงบ้าง แต่กลับบ้านมาก็แทบไม่ได้พูดคุยกับพ่อแม่ อาจจะคุยกันไม่กี่ประโยค ยิ่งโตขึ้นเหมือนเราจะเก็บกดขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งทุก ๆ สุดสัปดาห์มักจะร้องไห้ แล้วก็คิดเรื่องหลาย ๆ เรื่อง แต่มักจะเป็น เรื่องครอบครัวนี่แหละค่ะ
เราว่าพ่อแม่น่าจะคิดว่าเรายิ่งโตขึ้นยิ่งต้องการความเป็นส่วนตัวหรือเปล่า แต่ท่านก็เคยบอกว่าตอนเด็ก ๆ เราเป็นเด็กที่ร่าเริงมาก เราเองก็คิดถึงตัวเองตอนนั้น แต่ตอนนี้เราก็ยังร่าเริงนะคะ กับเพื่อน ๆ ในห้องเรียน แต่กลับไม่กล้าที่จะแสดงออกต่อหน้าพ่อแม่เลย บางครั้งเราดูการ์ตูน แล้วจะขำหรือยิ้ม ก็ไม่กล้าที่จะยิ้มต่อหน้าพ่อแม่ด้วยซ้ำไป เราว่าเราค่อนข้างที่จะไม่สนิทกันเลย เราไม่กล้าพูดคุย สอบถามปัญหาอะไรต่าง ๆ กับพวกท่านเลย เราเองก็รู้สึกว่าพวกท่านไม่ได้อยากจะรู้เรื่องของเราเลย เราไม่รู้เลยค่ะ ว่าพวกท่านคิดยังไง เพราะพวกท่านเองก็ไม่เคยบอกเรา แต่พวกท่านจะบอกเสมอค่ะ ว่าท่านรักเรา เรารู้ค่ะว่าพวกท่านรักเรา ท่านตั้งใจพยายามทำงานก็เพื่อเรา อนาคตของเรา แต่สิ่งที่ท่านทำ มันทำให้เราไม่รู้สึกถึงมันเลยค่ะ
เราไม่ได้อยากเรียนโรงเรียนค่าเทอมเป็นหมื่น ๆ เราไม่ได้อยากกินอาหารมากมาย หรืออาหารอร่อยที่แพงนัก เราไม่ได้ต้องการเสื้อผ้าเยอะแยะ แต่เพียงแค่อยากให้พวกท่านหันมา พูดคุยกัน ออกไปเที่ยวเล่น จริง ๆ แค่คุยกันก็พอค่ะ เราอยากพูด อยากคุยด้วย อยากบอกว่าวันนี้ เหนื่อยมาก เรียนคณิตไม่เข้าใจเลย เราอยากบอกว่าวันนี้เรากินก๋วยเตี๋ยว ปรุงเผ็ดมาก แทบทานไม่ได้ เพียงเท่านั้น บางครั้งเราคิดว่า ไม่จำเป็นต้องมีเงินก็ได้ค่ะแต่เราอยากมีความสุข อยากมีพวกท่านอยู่ข้าง ๆ เหลือเกิน อนาคตเราไม่ได้ต้องการให้เรามีเงินทอง ร่ำรวย แต่ต้องเสียพวกท่านไปโดยที่ไม่ได้พูดว่ารักด้วยซ้ำ มันอาจจะดูแย่ค่ะ เราขอโทษด้วย แต่เราไม่กล้าเลย ที่จะพูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกไป แต่เราเหงามากเลยค่ะ เราเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวตลอด เราเองก็อยากถูกกอด และบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ
พวกท่านน่าจะไม่รู้ว่าแท้จริงเราเป็นยังไง ชอบทาน อะไร ชอบทำอะไรด้วยซ้ำ เราไม่รู้ว่า พวกท่านมีความสุขไหมที่ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกของเราเป็นแบบนี้ แต่เรารู้สึกเสียใจมากค่ะ ท่านไม่รู้ว่าเราขี้น้อยใจ ขี้แง อ่อนไหว คิดมาก ไม่รู้ว่าเราชอบทานอะไร ชอบสีอะไร เรารู้ค่ะว่าท่านต้องทำงาน รู้อยู่ตลอด แต่หลาย ๆ ครั้งที่พวกท่านทำงานอยู่ ท่านจะรู้ไหมว่าเรากำลังร้องไห้ มันทรมานเหลือเกินค่ะ ที่ร้องไห้อยู่ตัวคนเดียวในห้อง ไม่มีใครทราบ ไม่มีใครสนใจ บางครั้งเราเคยคิดว่าถ้าเด็กที่เกิดมาไม่ใช่เราล่ะ ถ้าตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่าเชอรี่ พวกท่านอาจจะมีความสุขมากกว่า ครอยครัวเราอาจจะมีความสุขกันมากกว่านี้ เราชอบคิดโทษตัวเองตลอดเลยค่ะ เรารู้ว่ามันก็ไม่ดีหรอก แต่เราก็คิดเช่นนั้นตลอด เราคิดว่าเรามันแย่หลาย ๆ ครั้ง เราเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นสมาชิกครอบครัวที่ดีของทุกคนไม่ได้ แต่เรารู้สึกดีใจ และขอบคุณมากเลยค่ะที่ครั้งนึงได้เป็นครอบครัวเดียวกับทุกคน แต่ถ้าไม่มีเรามันจะดีกว่านี้รึเปล่านะ บางครั้งเราก็คิดอยากที่จะตายค่ะ ตอนนี้เราไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่เราไม่อยากให้ทุก ๆ อย่างที่พ่อแม่ลงทุน เงินเป็นล้านที่ใช้ชุบเลี้ยงดูแลเรามาจนถึงตอนนี้เสียเปล่า อย่างน้อยในอนาคตเราก็อนากมีเงินมาก ๆ มาใช้คืนท่าน และก็ไม่อยากตาย เพราะไม่อยากให้คนในครอบครัวร้องไห้ เสียใจกับชีวิตที่ไร้ค่าของเราเลย
จริง ๆ โพสต์นี้อาจจะเป็นเพียงโพสต์ระบายของเราเท่านั้นเอง แต่จริง ๆ ก็มีคำถามเช่นเดียวกันค่ะ เรายังคิดที่จะสู้ และพยายามกบัชีวิตครั้งนี้ต่อไป แต่เราไม่อยากให้เวลามันไหลผ่านไปโดยไม่ได้พูดคุยกับพวกท่านเลยค่ะ เราอยากรู้ว่า ถ้าอยากจะเริ่มพูดคุยกัน ควรจะเริ่มจากยังไงดีคะ เราคิดว่า อาจจะพูดว่า เราไปเรียนก่อนนะคะกับคุณพ่อคุณแม่ แต่คุณพ่อก็ไปทำงานซะก่อน บางครั้งแม่ก็ทำงานเช้า ไม่ก็เย็น ไม่ค่อยได้ทักทายกันท่าไหร่เลย ตอนเช้าคุณพ่อก็เดินออกจากประตูขึ้นรถไปทำงาน บางครั้งคุณแม่ก็ทำอาหารอยู่ในครัว เราก็นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารทำงานของเราไป โดยไมำ่ด้พูดจาอะไรกันทบางครั้งเราก็นึกน้อยใจ ไปร้องไห้บนรถบ้างกก็เถอะ เราเคยไปโรงเรียนและไหว้คุณพ่อคุณแม่ก่อนไป แต่คุณพ่อก็แซวทำให้เรารู้สึกเสียใจ ก็เบยไม่ได้ทำอีกเลยค่ะ
เอาจริง ๆ ใช่ว่าครอบครัวเราไม่ได้คุยกันเลยนะคะ ก็มีบ้างนิดหน่อย ตอนไปโรงเรียนคุณแม่ก็จะให้เงินค้าขนม อาจจำบอกให้หยิบยางมัดผมให้ ตอนเย็นบ้างก็ถามว่าที่โรงเรียนทานข้าวกับอะไร เหนื่อยไหม คงจะมีคำถามแค่นี้ แล้วก็ไม่ได้พูดคุยกันต่อ บ้างคุณพ่อก็ถามว่า กินนี่ไหม ไปเที่ยวกันไหม ส่วนมากเราก็จะตอบว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวกินค่ะ หรือไม่ก็แล้วแต่ จริง ๆ ตัวเราก็ไม่ใช่คนพูดน้อยอะไรหรอกค่ะ ออกจะพูดมากและไร้สาระด้วยศ้ำ แต่ก็ไม่รู้เลยทำไมถึงไม่กล้าพูดคุยกับพวกท่าน
ในครอบครัว ณ ตอนนี้ก็มีพี่สาวนี่แหละค่ะที่พูดคุยด้วยบ้าน แต่พี่เองก็ดูค่อนข้างจะรำคาญเรา แต่บางครั้งก็ได้พูดคุยกันบ้าง แต่ก็ส่วนน้อย อาจจะเป็นเพราะเราอยู่กับพี่ตลอดค่ะ ไม่เคยได้ห่างกันเลย ตั้งแต่เล็กที่อยู่กับคุณปู่คุณย่า จนมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ก็ยังมีพี่อยู่ แต่ไม่เคยพูดคุยหรือปรึกษาเรื่องความรู้สึกแนว ๆ นี้เท่าไหร่นัก แต่พี่สาวมักจะชอบคุยกับคุณย่า ตรงส่วนนี้เราเองก็มีปัญหาค่ะ เราไม่รู้ว่าตัวเราเป็นบ้าอะไร แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคุยกับคุณย่า แต่ตอนเด็ก ๆ เราสนิทกับท่านที่สุดเลย แต่กลับไม่กล้าพูดคุยกับท่าน เช่นเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ แต่เวลาเจอกันเราแทบไม่คุยกับท่านเลย แต่เรายังคงรักท่านนะคะ รักมาก เรายังร้องไห้เพราะคิดถึงท่าน เสียใจและกลัวว่าจะเสียท่านไป แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรเลย ไม่เข้าใจตัวเองสักนิด
บางครั้งเราก็คิดอิจฉาครอบครัวคนอื่นนะคะ เพื่อนบางคน มีปัญหาอะไรก็สามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้ ทะเลาะกับเพื่อน เรื่องการทำงานต่าง ๆ พ่อแม่เพื่อนบางท่าน ก็น่ารักมาก เวลามาช่วยงานโรงเรียน หรือมาดูการแสดง ซัพพอร์ตลูก ๆ เราเห็นบางครั้งก็แทบจะร้องไห้เลยค่ะ อาจจะอิจฉา แต่โคตรจะอบอุ่นเลย จริง ๆ คุณพ่อคุณแม่เราก็คอยซัพพอร์ตเราเช่นกันค่ะ เราอยากได้อะไรท่านก็จะพยายามหามาให้ แต่เราเองก็ขี้เกรงใจ ไม่อยากขอ ไม่ต้องการ และชอบตอบว่าไม่เป็นไร จริง ๆ เราเองแค่ต้องการอยากจะมีคนอยู่ข้าง ๆ อยากจะมีความสุข อยากจะให้พวกเราพูดคุยกันได้ แต่ก็อย่างที่พูดไป พวกท่านเองต้องทำงาน ไม่มีเวลาไหนมานั่ง deep talk หรือทานอาหารร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากันหรอกค่ะ
เราจะไม่ร้องไห้ต่อแล้วค่ะ อยากให้ช่วยคิดว่าเราจะสามารถสนิทกันขึ้น พูดคุยกันมากขึ้นได้อย่างไร เราไม่แน่ใจเลยค่ะ ว่าจะสามารถทำได้ไหม แต่เราเองก็จะพยายาม ที่จะพูดคุยกับพวกท่านได้ (เราเองก็เคยพยายามเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณแม่ฟัง แต่ตอนนั้นเราเล่า หันไปอีกทีคุณแม่ไม่สนใจ ก็เลยไม่ค่อยมีความกล้าที่จะเล่าอีกเท่าไหร่นัก อาจจะมีปัญหา ทะเลาะกันบ้างอีก แต่ก็ไม่ได้ใส่รายละเอียดเข้าไป) หวังว่าทุกคนจะช่วยตอบปัญหาของเราทีนะคะ 🙏🙏🙏