การสูญเสีย"มักทำให้คนเราเจ็บปวดเสมอ"คุณว่าไหม
ในขณะที่ฉันเดินทางกลับจากโรงเรียน ฉันก็เดินกลับบ้านด้วยความร่าเริงปกติแบบทุกวัน
เมื่อถึงบ้าน ฉันก็หมุนลูกบิดประตูเข้าไป สิ่งที่ฉันเห็นในวินาทีแรก ทำเอาฉันตั้งตัวไม่ถูก
ใบหน้าของพ่อมีน้ำตา ฉันย้อนกลับมาถามตัวเองว่า ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
เอ ไม่นี่ แล้วทำไมพ่อถึงมีน้ำตา นี่หรือเปล่าที่เรียกว่าผู้ชายร้องไห้
มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นน้ำตาของพ่อ ได้เห็นพ่อร้องไห้ ฉันไม่รู้ว่าฉันควรทำอย่างไรในวินาทีนั้น
ฉันรู้แค่เพียงฉันควรจะทำอะไรสักอย่างสิ ฉันยื่นมือสองมือไปกอดพ่อ โดยที่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่พ่อกลับร้องไห้มากกว่าเดิม แปลกแฮะ ที่น้ำตาฉันมันไหลออกมาด้วย
"ปู่เสียแล้ว"พ่อพูดเสียงสั่นเครือแล้วพ่อก็ร้องไห้ต่อ ในขณะที่ฉันสับสนไปหมดเมื่อได้ยิน รู้สึกหูอื้อตัวชาไป น้ำตาก็ไหลตามกันออกมาอย่างไม่ขาดสาย มันจะเป็นไปได้ไงนะ เมื่อสองวันที่แล้วปู่ยังมาบ้าน มานั่งทานข้าวกับครอบครัวฉันอยู่เลย
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพ่อต้องร้องไห้ เหตุผลเพราะพ่อฉันเสียใจไงล่ะที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านอย่างดีที่สุด
ปู่กับย่าอยากมาอาศัยอยู่กับพ่อฉันใจแทบขาด แต่ต้องไปอยู่บ้านพี่น้องที่มีพร้อมกว่าในขณะที่พ่อฉันไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
แต่เช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่ ลุงๆป้าๆจึงให้ปู่กับย่าอยู่กับเขาซึ่งพร้อมกว่า ใช่ ปู่กับย่าควรมีความสุขสิ แต่เปล่าเลย
เพราะวันหนึ่งปู่เคยบอกฉันว่าอยากอยู่กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยบ่นเคยว่าปู่กับย่าเลย แม้อาหารการกินปู่กับย่าอยากกินอะไรพ่อก็หามาให้
และพ่อมักมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ครอบครัวเราอยู่เสมอ ปู่กับย่าจึงมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วย ก่อนหน้านั้นสองวันที่ผ่านมาปู่รบเร้ากับลุงว่าจะขอมาหาพ่อให้ได้ พ่อจึงต้องเช่าอีกห้องหนึ่งไว้ให้ปู่กับย่ามานอน แต่ท่านมาเพียงสามวัน วันที่สามตอนดึกท่านก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน แต่ก็หายปกติแล้วกลับบ้านลุง พอตอนบ่ายลุงโทรมาว่า ปู่นอนหลับอยู่ในห้องนอนกลางวันเหมือนทุกวัน แต่ผิดจากทุกวันคือ ปลุกแล้วไม่ตื่นเท่านั้นเอง
หรือการรบเร้ามาหาครอบครัวเรา จะเป็นการบอกลา
ครั้งสุดท้ายของปู่ ที่พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัว
พ่อได้ให้สัญญาว่าจะรีบมีบ้านแล้วพาปู่กับย่ามาอยู่บ้านกับเรา
แต่มันสายเกินไปแล้วหรือนี่ ๆ
อย่ารอให้ทุกอย่างนั้นสายเกินไป
รีบทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
มิว ภาวินี.
เรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง
การสูญเสีย"มักทำให้คนเราเจ็บปวดเสมอ"คุณว่าไหม
ในขณะที่ฉันเดินทางกลับจากโรงเรียน ฉันก็เดินกลับบ้านด้วยความร่าเริงปกติแบบทุกวัน
เมื่อถึงบ้าน ฉันก็หมุนลูกบิดประตูเข้าไป สิ่งที่ฉันเห็นในวินาทีแรก ทำเอาฉันตั้งตัวไม่ถูก
ใบหน้าของพ่อมีน้ำตา ฉันย้อนกลับมาถามตัวเองว่า ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
เอ ไม่นี่ แล้วทำไมพ่อถึงมีน้ำตา นี่หรือเปล่าที่เรียกว่าผู้ชายร้องไห้
มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นน้ำตาของพ่อ ได้เห็นพ่อร้องไห้ ฉันไม่รู้ว่าฉันควรทำอย่างไรในวินาทีนั้น
ฉันรู้แค่เพียงฉันควรจะทำอะไรสักอย่างสิ ฉันยื่นมือสองมือไปกอดพ่อ โดยที่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่พ่อกลับร้องไห้มากกว่าเดิม แปลกแฮะ ที่น้ำตาฉันมันไหลออกมาด้วย
"ปู่เสียแล้ว"พ่อพูดเสียงสั่นเครือแล้วพ่อก็ร้องไห้ต่อ ในขณะที่ฉันสับสนไปหมดเมื่อได้ยิน รู้สึกหูอื้อตัวชาไป น้ำตาก็ไหลตามกันออกมาอย่างไม่ขาดสาย มันจะเป็นไปได้ไงนะ เมื่อสองวันที่แล้วปู่ยังมาบ้าน มานั่งทานข้าวกับครอบครัวฉันอยู่เลย
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพ่อต้องร้องไห้ เหตุผลเพราะพ่อฉันเสียใจไงล่ะที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านอย่างดีที่สุด
ปู่กับย่าอยากมาอาศัยอยู่กับพ่อฉันใจแทบขาด แต่ต้องไปอยู่บ้านพี่น้องที่มีพร้อมกว่าในขณะที่พ่อฉันไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
แต่เช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่ ลุงๆป้าๆจึงให้ปู่กับย่าอยู่กับเขาซึ่งพร้อมกว่า ใช่ ปู่กับย่าควรมีความสุขสิ แต่เปล่าเลย
เพราะวันหนึ่งปู่เคยบอกฉันว่าอยากอยู่กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยบ่นเคยว่าปู่กับย่าเลย แม้อาหารการกินปู่กับย่าอยากกินอะไรพ่อก็หามาให้
และพ่อมักมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ครอบครัวเราอยู่เสมอ ปู่กับย่าจึงมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วย ก่อนหน้านั้นสองวันที่ผ่านมาปู่รบเร้ากับลุงว่าจะขอมาหาพ่อให้ได้ พ่อจึงต้องเช่าอีกห้องหนึ่งไว้ให้ปู่กับย่ามานอน แต่ท่านมาเพียงสามวัน วันที่สามตอนดึกท่านก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน แต่ก็หายปกติแล้วกลับบ้านลุง พอตอนบ่ายลุงโทรมาว่า ปู่นอนหลับอยู่ในห้องนอนกลางวันเหมือนทุกวัน แต่ผิดจากทุกวันคือ ปลุกแล้วไม่ตื่นเท่านั้นเอง
หรือการรบเร้ามาหาครอบครัวเรา จะเป็นการบอกลา
ครั้งสุดท้ายของปู่ ที่พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัว
พ่อได้ให้สัญญาว่าจะรีบมีบ้านแล้วพาปู่กับย่ามาอยู่บ้านกับเรา
แต่มันสายเกินไปแล้วหรือนี่ ๆ
อย่ารอให้ทุกอย่างนั้นสายเกินไป
รีบทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
มิว ภาวินี.