.
…คุณเคยสงสัยไหมว่าบ้านจริง ๆ แล้วคือที่ไหน นิยามคำว่าบ้านของคุณคืออย่างไร…
ตั้งแต่เด็ก ๆ หลายครั้งที่ฉันได้ยินพ่อกับแม่ แม้กระทั่งตายายของฉันพูดว่า ‘กลับบ้าน’ ทั้งที่บ้านก็อยู่ตรงนี้ ตั้งอยู่ตรงนี้หลังใหญ่เบ้อเริ่มเลย ทำไมตากับยายหรือพ่อหรือใคร ๆ ก็ตามถึงบอกว่ากลับบ้าน
กลับบ้านที่ไหนกันหรือ บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านหรือ นี่คือความสงสัยของฉันตอนเป็นเด็ก ทว่าฉันก็ไม่ได้หาคำตอบหรอกว่าทำไม
เริ่มตั้งแต่ตาคนแรกก่อนเลย ตอนเด็กฉันมักได้ยินตาพูดบ่อย ๆ ว่า ‘ตาจะกลับบ้าน’ ฉันก็ถามยายว่าตาจะกลับบ้านที่ไหน ทำไมต้องกลับบ้าน แล้วบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของตาหรือ ยายก็ตอบปนยิ้มว่า ‘ตาจะกลับบ้านเกิดของตา บ้านหลังนี้ก็บ้านของตา แต่ที่ตากลับไปน่ะ คือบ้านของตาที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ’
ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แม้ว่าฉันจะได้ยินตาพูดว่ากลับบ้านอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม และ ฉันก็ตามตากลับบ้านอยู่เป็นประจำ ก็ยังไม่เข้าใจว่า แท้จริงแล้วบ้านของตาคือที่ไหนหลังไหนกันแน่
มาถึงคนที่สองยายของฉัน ยายไม่ค่อยชอบกลับบ้าน แต่ว่าฉันก็มักจะได้ยินคำว่า ‘บ้านของยาย’ อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน ตอนเด็ก ๆ ฉันมักจะถามหาพี่น้องของยายตามประสา เพราะฉันมีน้องสาวมีพี่ชาย ฉันก็มักจะถามว่าพี่น้องของยายอยู่ที่ไหน ทำไมที่หมู่บ้านของเราไม่มีญาติพี่น้องของยายสักคน
ยายก็ตอบว่า ‘พี่น้องของยายก็อยู่ที่บ้านไง ที่บ้านของยาย’ ฉันก็สงสัยและอยากรู้คำตอบมาก ที่บ้านหลังไหนกัน บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของยายหรือ ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ที่บ้านหลังนี้ก็เห็นเพียงยายคนเดียว ไม่เห็นจะมีพี่น้องของยายสักคน ในหมู่บ้านของฉันด้วย ไม่เห็นพี่น้องของยายอยู่ในหมู่บ้านนี้สักคน
มาถึงพ่อกับแม่ของฉันบ้าง ฉันก็ได้ยินพ่อพูดว่า ‘กลับบ้าน’ อยู่บ่อย ๆ ทั้งที่ก็นี่แหละบ้านของพ่อ พ่อเป็นคนต่อเติมจากหลังเดิมสร้างมันเองกับมือ แล้วพ่อจะกลับไปบ้านที่ไหนอีก ฉันแอบสงสัยอีกเช่นเคย
ไม่เข้าใจเลย ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้งว่า บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของตากับยายหรือของพ่อหรอกหรือ ถึงไม่ใช่บ้านของพ่อทว่าพ่อก็มีสิทธิ์ เพราะพ่อสร้างมันขึ้นมาใหม่จากหลังเดิมเองกับมือ มันยังไม่ใช่บ้านของพ่ออย่างนั้นหรือ
เวลาพ่อกับแม่ของฉันกลับมาจากทำงาน พ่อมักจะบอกกับแม่ว่า ‘กลับไปบ้านก่อนนะ’ แบบนี้อยู่เป็นประจำ ไม่ก็เวลาเทศกาลพ่อกับแม่มักจะชวนฉันกับพี่ชายกับน้องสาว ‘ไปนอนบ้าน’ เสมอ ยิ่งทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่ ทุกเทศกาลกลับบ้านไหนกัน กลับที่ไหนกัน บ้านก็อยู่ตรงนี้ แล้วจะกลับไหนอีก สรุปก็คือพ่อกับแม่พาฉันกับพี่และน้องมาที่บ้านของปู่กับย่านั่นเอง
คนเดียว! คนเดียวจริง ๆ ที่ฉันไม่เคยได้ยินคำว่ากลับบ้านเลยนั่นก็คือ ‘แม่’ ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วฉันไม่เคยได้ยินแม่พูดคำว่า ‘กลับไปบ้าน’ ของแม่เลยสักครั้ง ฉันก็แอบคิดว่าหรือบ้านหลังนี้ หลังที่ฉันอยู่ปัจจุบันนี่แหละมันจะเป็นบ้านของแม่ เพราะแม่ไม่เคยพูดว่ากลับไปบ้านแม่เลย มีเพียงคนอื่น ๆ ที่พูด
ทุกคนเชื่อไหมว่าฉันโตมาเรียนระดับมัธยม และ อุดมศึกษา ฉันก็ยังไม่เข้าใจคำว่าบ้านของคนในครอบครัวเลย ไม่ว่าจะเป็นตายายหรือแม้กระทั่งพ่อ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วบ้านของทุกคนคือหลังไหนกันแน่
จนกระทั่งมาถึงวันที่ฉันมีครอบครัว มีบ้านเป็นของตัวเอง ฉันถึงเข้าใจว่าคำว่า ‘บ้าน’ ของทุกคนหมายถึงอะไร ฉันพึ่งเข้าใจก็วันนี้
ฉันมีบ้านเป็นของตนเอง ฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่บ้านของฉันเลย มันเป็นเพียงที่พักอาศัยชั่วคราว อาศัยแค่ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ แค่ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ที่นี่เท่านั้น สักวันฉันจะกลับไปอยู่บ้าน บ้านของฉันไม่ใช่หลังนี้ ทั้งที่ฉันเป็นคนทำงานเก็บเงินสร้างมันมากับมือ ฉันกลับคิดว่าแท้จริงแล้ว บ้านของฉันไม่ใช่หลังนี้เลย แต่เป็นที่บ้าน ที่บ้านหลังนั้น ที่ ๆ มีพ่อแม่อาศัยอยู่
สามีของฉันเองก็เช่นกัน เขาตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินมาเพื่อซื้อบ้านหลังนี้ มันคือความใฝ่ฝันของพวกเรา แต่ สามีของฉันก็ชอบฝันอยาก ‘กลับบ้าน’ อยู่บ่อย ๆ รอคอยวันหยุดยาวที่จะได้กลับบ้านอยู่เสมอ หากมีโอกาสสามีของฉันก็มักจะชวน ‘กลับบ้านของเขา’ อยู่เป็นประจำ ซึ่งก็ไม่ใช่บ้านหลังนี้ ไม่ใช่บ้านของฉันที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ เขาหมายถึง ‘บ้านของเขาเองที่มีพ่อแม่ของเขาอยู่’
ฉันมีลูกสองคน ซึ่งลูก ๆ ของฉันติดบ้านมาก ชวนไปเที่ยวหรือไปไหนมาไหนที มักงอแงกลับบ้าน ฉันพาลูกกลับบ้านเกิดของฉัน หรือ กลับบ้านเกิดของสามี ลูกก็มักร้องไห้คิดถึงบ้าน ฉันถามว่าบ้านหลังไหน บ้านที่ไหน ลูก ๆ บอกว่า ‘บ้านของเราไง บ้านที่อยู่กรุงเทพ’
มันทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่าคำว่า ‘บ้าน’ ของทุกคนหมายถึงที่ไหน หมายถึงบ้านที่มีพ่อแม่อยู่ ที่ไหนมีพ่อแม่ที่นั้นคือ ‘บ้านที่อบอุ่น’ ฉันมองย้อนกลับไป ตามักจะกลับไปบ้านของตาอยู่บ่อย ๆ และ ไปนอนค้างที่บ้านหลังเดิม ๆ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ ‘พ่อแม่ของตาเคยอยู่’ แม้พวกท่านจะลาโลกไปนานแล้ว แต่ตาก็ยังเรียกมันว่า ‘บ้านของตา’ อยู่เสมอ
ยายเองก็เช่นกัน ถึงแม้ยายจะไม่ค่อยกลับบ้านของยาย ทว่าเวลาที่ยายพูดถึงบ้าน ยายก็จะหมายถึง ‘บ้านหลังนั้น บ้านที่พ่อแม่ของยายเคยอยู่’ เวลายายพูดถึงบ้าน ยายมักจะพูดถึงบ้านของน้องชายคนเล็กอยู่บ่อย ๆ เพราะนั่นแหละ บ้านที่น้องชายคนสุดท้องของยายอยู่ มันคือบ้านของยายอย่างไรล่ะ
ส่วนพ่อก็เช่นกัน บ้านหลังนี้พ่อสร้างมันขึ้นมากับมือ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพ่อเอง มันก็ยังไม่ใช่บ้านในความรู้สึกของพ่อ เวลากลับมาบ้านพ่อก็มักจะหาเวลาไปนอนที่ ‘บ้าน’ ของพ่ออยู่เป็นประจำ บ้านที่มีย่ากับปู่อยู่ บ้านหลังนั้นคือ ‘บ้าน’ ของพ่อ ในความหมายของพ่ออย่างไรล่ะ
ส่วนแม่! ฉันไม่เคยได้ยินแม่พูดว่า ‘กลับบ้าน’ เหมือนคนอื่น เพราะบ้านหลังนี้มันคือบ้านของแม่จริง ๆ บ้านของแม่บ้านที่มีตากับยายอยู่ ไม่ใช่บ้านของตาหลังนั้น ไม่ใช่บ้านของยายหลังนู้น แต่เป็นบ้านหลังนี้ บ้านที่แม่อยู่มาตั้งแต่เกิด บ้านที่มีตากับยายอยู่ทุกวัน แม้มันจะถูกทุบสร้างขึ้นมาใหม่ ต่อเติมขึ้นมาใหม่ด้วยฝีมือของพ่อก็ตาม มันก็คือบ้านของแม่ บ้านที่แม่อยู่มาตั้งแต่เกิด
ฉันเข้าใจแล้ว ความหมายคำว่า ‘บ้าน’ มันคืออะไร ที่ไหนคือบ้านที่แท้จริงของทุกคน ที่ไหนมีพ่อแม่ที่นั้นคือบ้านที่แสนอบอุ่น แม้จะเติบโตมาในครอบครัวแบบไหน ฐานะรวยจนอย่างไรก็ตาม หากที่นั่นมีพ่อกับแม่แล้ว มันก็คือ ‘บ้าน’ ที่มีความสุขที่สุด
หยุดยาวที่จะถึงนี้ ฉันต้องกลับบ้านของตนเองไปรับไออุ่นจากพ่อแม่อย่างแน่นอน ส่วนบ้านหลังนี้มันคือบ้านของลูก ๆ บ้านที่ให้ความสุขแก่ลูก บ้านในความทรงจำของลูกเพียงเท่านั้น ฉันกับสามีมีหน้าที่เพียงมอบความอบอุ่นให้แก่ลูก ๆ ภายในบ้านหลังนี้เท่านั้นเอง
จบ….
เรื่องสั้น : บ้าน
.
…คุณเคยสงสัยไหมว่าบ้านจริง ๆ แล้วคือที่ไหน นิยามคำว่าบ้านของคุณคืออย่างไร…
ตั้งแต่เด็ก ๆ หลายครั้งที่ฉันได้ยินพ่อกับแม่ แม้กระทั่งตายายของฉันพูดว่า ‘กลับบ้าน’ ทั้งที่บ้านก็อยู่ตรงนี้ ตั้งอยู่ตรงนี้หลังใหญ่เบ้อเริ่มเลย ทำไมตากับยายหรือพ่อหรือใคร ๆ ก็ตามถึงบอกว่ากลับบ้าน
กลับบ้านที่ไหนกันหรือ บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านหรือ นี่คือความสงสัยของฉันตอนเป็นเด็ก ทว่าฉันก็ไม่ได้หาคำตอบหรอกว่าทำไม
เริ่มตั้งแต่ตาคนแรกก่อนเลย ตอนเด็กฉันมักได้ยินตาพูดบ่อย ๆ ว่า ‘ตาจะกลับบ้าน’ ฉันก็ถามยายว่าตาจะกลับบ้านที่ไหน ทำไมต้องกลับบ้าน แล้วบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของตาหรือ ยายก็ตอบปนยิ้มว่า ‘ตาจะกลับบ้านเกิดของตา บ้านหลังนี้ก็บ้านของตา แต่ที่ตากลับไปน่ะ คือบ้านของตาที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ’
ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แม้ว่าฉันจะได้ยินตาพูดว่ากลับบ้านอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม และ ฉันก็ตามตากลับบ้านอยู่เป็นประจำ ก็ยังไม่เข้าใจว่า แท้จริงแล้วบ้านของตาคือที่ไหนหลังไหนกันแน่
มาถึงคนที่สองยายของฉัน ยายไม่ค่อยชอบกลับบ้าน แต่ว่าฉันก็มักจะได้ยินคำว่า ‘บ้านของยาย’ อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน ตอนเด็ก ๆ ฉันมักจะถามหาพี่น้องของยายตามประสา เพราะฉันมีน้องสาวมีพี่ชาย ฉันก็มักจะถามว่าพี่น้องของยายอยู่ที่ไหน ทำไมที่หมู่บ้านของเราไม่มีญาติพี่น้องของยายสักคน
ยายก็ตอบว่า ‘พี่น้องของยายก็อยู่ที่บ้านไง ที่บ้านของยาย’ ฉันก็สงสัยและอยากรู้คำตอบมาก ที่บ้านหลังไหนกัน บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของยายหรือ ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ที่บ้านหลังนี้ก็เห็นเพียงยายคนเดียว ไม่เห็นจะมีพี่น้องของยายสักคน ในหมู่บ้านของฉันด้วย ไม่เห็นพี่น้องของยายอยู่ในหมู่บ้านนี้สักคน
มาถึงพ่อกับแม่ของฉันบ้าง ฉันก็ได้ยินพ่อพูดว่า ‘กลับบ้าน’ อยู่บ่อย ๆ ทั้งที่ก็นี่แหละบ้านของพ่อ พ่อเป็นคนต่อเติมจากหลังเดิมสร้างมันเองกับมือ แล้วพ่อจะกลับไปบ้านที่ไหนอีก ฉันแอบสงสัยอีกเช่นเคย
ไม่เข้าใจเลย ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้งว่า บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของตากับยายหรือของพ่อหรอกหรือ ถึงไม่ใช่บ้านของพ่อทว่าพ่อก็มีสิทธิ์ เพราะพ่อสร้างมันขึ้นมาใหม่จากหลังเดิมเองกับมือ มันยังไม่ใช่บ้านของพ่ออย่างนั้นหรือ
เวลาพ่อกับแม่ของฉันกลับมาจากทำงาน พ่อมักจะบอกกับแม่ว่า ‘กลับไปบ้านก่อนนะ’ แบบนี้อยู่เป็นประจำ ไม่ก็เวลาเทศกาลพ่อกับแม่มักจะชวนฉันกับพี่ชายกับน้องสาว ‘ไปนอนบ้าน’ เสมอ ยิ่งทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่ ทุกเทศกาลกลับบ้านไหนกัน กลับที่ไหนกัน บ้านก็อยู่ตรงนี้ แล้วจะกลับไหนอีก สรุปก็คือพ่อกับแม่พาฉันกับพี่และน้องมาที่บ้านของปู่กับย่านั่นเอง
คนเดียว! คนเดียวจริง ๆ ที่ฉันไม่เคยได้ยินคำว่ากลับบ้านเลยนั่นก็คือ ‘แม่’ ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วฉันไม่เคยได้ยินแม่พูดคำว่า ‘กลับไปบ้าน’ ของแม่เลยสักครั้ง ฉันก็แอบคิดว่าหรือบ้านหลังนี้ หลังที่ฉันอยู่ปัจจุบันนี่แหละมันจะเป็นบ้านของแม่ เพราะแม่ไม่เคยพูดว่ากลับไปบ้านแม่เลย มีเพียงคนอื่น ๆ ที่พูด
ทุกคนเชื่อไหมว่าฉันโตมาเรียนระดับมัธยม และ อุดมศึกษา ฉันก็ยังไม่เข้าใจคำว่าบ้านของคนในครอบครัวเลย ไม่ว่าจะเป็นตายายหรือแม้กระทั่งพ่อ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วบ้านของทุกคนคือหลังไหนกันแน่
จนกระทั่งมาถึงวันที่ฉันมีครอบครัว มีบ้านเป็นของตัวเอง ฉันถึงเข้าใจว่าคำว่า ‘บ้าน’ ของทุกคนหมายถึงอะไร ฉันพึ่งเข้าใจก็วันนี้
ฉันมีบ้านเป็นของตนเอง ฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่บ้านของฉันเลย มันเป็นเพียงที่พักอาศัยชั่วคราว อาศัยแค่ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ แค่ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ที่นี่เท่านั้น สักวันฉันจะกลับไปอยู่บ้าน บ้านของฉันไม่ใช่หลังนี้ ทั้งที่ฉันเป็นคนทำงานเก็บเงินสร้างมันมากับมือ ฉันกลับคิดว่าแท้จริงแล้ว บ้านของฉันไม่ใช่หลังนี้เลย แต่เป็นที่บ้าน ที่บ้านหลังนั้น ที่ ๆ มีพ่อแม่อาศัยอยู่
สามีของฉันเองก็เช่นกัน เขาตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินมาเพื่อซื้อบ้านหลังนี้ มันคือความใฝ่ฝันของพวกเรา แต่ สามีของฉันก็ชอบฝันอยาก ‘กลับบ้าน’ อยู่บ่อย ๆ รอคอยวันหยุดยาวที่จะได้กลับบ้านอยู่เสมอ หากมีโอกาสสามีของฉันก็มักจะชวน ‘กลับบ้านของเขา’ อยู่เป็นประจำ ซึ่งก็ไม่ใช่บ้านหลังนี้ ไม่ใช่บ้านของฉันที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ เขาหมายถึง ‘บ้านของเขาเองที่มีพ่อแม่ของเขาอยู่’
ฉันมีลูกสองคน ซึ่งลูก ๆ ของฉันติดบ้านมาก ชวนไปเที่ยวหรือไปไหนมาไหนที มักงอแงกลับบ้าน ฉันพาลูกกลับบ้านเกิดของฉัน หรือ กลับบ้านเกิดของสามี ลูกก็มักร้องไห้คิดถึงบ้าน ฉันถามว่าบ้านหลังไหน บ้านที่ไหน ลูก ๆ บอกว่า ‘บ้านของเราไง บ้านที่อยู่กรุงเทพ’
มันทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่าคำว่า ‘บ้าน’ ของทุกคนหมายถึงที่ไหน หมายถึงบ้านที่มีพ่อแม่อยู่ ที่ไหนมีพ่อแม่ที่นั้นคือ ‘บ้านที่อบอุ่น’ ฉันมองย้อนกลับไป ตามักจะกลับไปบ้านของตาอยู่บ่อย ๆ และ ไปนอนค้างที่บ้านหลังเดิม ๆ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ ‘พ่อแม่ของตาเคยอยู่’ แม้พวกท่านจะลาโลกไปนานแล้ว แต่ตาก็ยังเรียกมันว่า ‘บ้านของตา’ อยู่เสมอ
ยายเองก็เช่นกัน ถึงแม้ยายจะไม่ค่อยกลับบ้านของยาย ทว่าเวลาที่ยายพูดถึงบ้าน ยายก็จะหมายถึง ‘บ้านหลังนั้น บ้านที่พ่อแม่ของยายเคยอยู่’ เวลายายพูดถึงบ้าน ยายมักจะพูดถึงบ้านของน้องชายคนเล็กอยู่บ่อย ๆ เพราะนั่นแหละ บ้านที่น้องชายคนสุดท้องของยายอยู่ มันคือบ้านของยายอย่างไรล่ะ
ส่วนพ่อก็เช่นกัน บ้านหลังนี้พ่อสร้างมันขึ้นมากับมือ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพ่อเอง มันก็ยังไม่ใช่บ้านในความรู้สึกของพ่อ เวลากลับมาบ้านพ่อก็มักจะหาเวลาไปนอนที่ ‘บ้าน’ ของพ่ออยู่เป็นประจำ บ้านที่มีย่ากับปู่อยู่ บ้านหลังนั้นคือ ‘บ้าน’ ของพ่อ ในความหมายของพ่ออย่างไรล่ะ
ส่วนแม่! ฉันไม่เคยได้ยินแม่พูดว่า ‘กลับบ้าน’ เหมือนคนอื่น เพราะบ้านหลังนี้มันคือบ้านของแม่จริง ๆ บ้านของแม่บ้านที่มีตากับยายอยู่ ไม่ใช่บ้านของตาหลังนั้น ไม่ใช่บ้านของยายหลังนู้น แต่เป็นบ้านหลังนี้ บ้านที่แม่อยู่มาตั้งแต่เกิด บ้านที่มีตากับยายอยู่ทุกวัน แม้มันจะถูกทุบสร้างขึ้นมาใหม่ ต่อเติมขึ้นมาใหม่ด้วยฝีมือของพ่อก็ตาม มันก็คือบ้านของแม่ บ้านที่แม่อยู่มาตั้งแต่เกิด
ฉันเข้าใจแล้ว ความหมายคำว่า ‘บ้าน’ มันคืออะไร ที่ไหนคือบ้านที่แท้จริงของทุกคน ที่ไหนมีพ่อแม่ที่นั้นคือบ้านที่แสนอบอุ่น แม้จะเติบโตมาในครอบครัวแบบไหน ฐานะรวยจนอย่างไรก็ตาม หากที่นั่นมีพ่อกับแม่แล้ว มันก็คือ ‘บ้าน’ ที่มีความสุขที่สุด
หยุดยาวที่จะถึงนี้ ฉันต้องกลับบ้านของตนเองไปรับไออุ่นจากพ่อแม่อย่างแน่นอน ส่วนบ้านหลังนี้มันคือบ้านของลูก ๆ บ้านที่ให้ความสุขแก่ลูก บ้านในความทรงจำของลูกเพียงเท่านั้น ฉันกับสามีมีหน้าที่เพียงมอบความอบอุ่นให้แก่ลูก ๆ ภายในบ้านหลังนี้เท่านั้นเอง
จบ….