JJNY : 5in1 ประณามเลิกจ้างพอล│'ธนาธร'ลุยอุดร│‘เท่าพิภพ’ชี้อย่ารีบดีใจ│ส.ว.นันทนาเร่งสอบคดีฮั้วสว.│ชาวอินเดียหนีภัยสู้รบ

กระทู้ข่าว

กฎหมายการเมือง พรรคประชาชน การเมืองท้องถิ่น วุฒิสภา ข่าวต่างประเทศ

ชมรมวรรณศิลป์ มช. ประณามผู้บริหาร มน. เลิกจ้าง พอล แชมเบอร์ส ทำลายเสรีภาพทางวิชาการ.
https://www.matichon.co.th/local/education/news_5175461
.

ชมรมวรรณศิลป์ มช. แถลงการณ์ประณามผู้บริหาร ม.นเรศวร เลิกจ้าง พอล แชมเบอร์ส ทำลายเสรีภาพทางวิชาการ

จากกรณี ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวสหรัฐอเมริกัน ซึ่งประจำอยู่ที่สถานประชาคมอาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถูกศาลจังหวัดพิษณุโลกออกหมายจับในคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการแจ้งความของ กอ.รมน.ภาค 3 ต่อมาอธิบดีอัยการภาค 6 มีคำสั่งไม่ฟ้อง

ประกอบกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจากคณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร ว่า ผศ.ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดี ออกคำสั่งยกเลิกการจ้างงาน ดร.พอล แชมเบอร์ส โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันที่ถูกแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

ต่อมา ดร.พอล ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งยกเลิกการจ้างงานต่อ ม.นเรศวร พร้อมระบุเหตุผลว่า คำสั่งเลิกจ้างเป็นคำสั่งที่ไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของรองอธิการบดี อีกทั้งการออกคำสั่งดังกล่าวไม่เปิดโอกาสให้ ดร.พอล เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง

ล่าสุด ชมรมวรรณศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ออกแถลงการณ์ยืนยันเสรีภาพทางวิชาการ และประท้วงต่อความอยุติธรรมต่างๆ ที่เกิดกับ ดร.พอล ลงวันที่ 8 พฤษภาคม

โดยระบุตอนหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมิเพียงแต่เป็นการ “ผลักไสคนภายใน” ออกจากมหาวิทยาลัยตนเอง ทั้งที่ยังไม่มีความผิด หากแต่ยังเป็นการ “ร่วมทำลาย” เสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของสถาบันการศึกษา

ในนามชมรมวรรณศิลป์ มช. นักศึกษาผู้สร้างศรัทธาในเสรีภาพทางความคิดและเสรีภาพทางวิชาการ ขอแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอประณามการตัดสินใจของผู้บริหาร ม.นเรศวร ที่กระทำการโดย ไร้ซึ่งความยุติธรรมและความเห็นอกเห็นใจ ต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพคนหนึ่ง

พร้อมระบุ “หากมหาวิทยาลัยมิใช่ผู้ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ แต่กลับกลายเป็นผู้ทำลายมันเสียเอง แล้วเราจะมีมหาวิทยาลัยไว้ทำไม?”

https://www.facebook.com/PostVarnaSilpa/posts/pfbid02nasz3oLFqMCoqQeoY8WNTPZYrxqbMxiDEH999MGEWXtjbonbZetnwuNZHYuvLhbLl
.

.
'ธนาธร' ลุยอุดร ช่วย 'คณิศร' หาเสียง เลือกตั้งเทศบาล 2568
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9752682
.
‘ธนาธร’ ลุยอุดร ช่วย ‘คณิศร’ หาเสียง เลือกตั้งเทศบาล 2568 ชี้เขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้งบมากถึงปีละ 1,700 ล้าน เชื่อพรรคประชาชนพัฒนาอุดรดีกว่านี้ได้
.
9 พ.ค. 68 – ที่วัดวิเวกบูรพาชัย (วัดบ้านหนองตุ) เขตเทศบาลนครอุดรธานี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลงพื้นที่ช่วย นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี เบอร์ 3 พรรคประชาชน หาเสียง โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมรับฟัง
.
นายธนาธร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนคำนึงถึงการเลือกตั้งว่าการบริหารเมืองอุดรธานีนั้นจะก้าวหน้าหรือไม่ อยู่ที่การเลือกคนเข้าไปเป็นผู้นำในการพัฒนาบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครอุดรธานี เรามีพื้นที่ไม่มาก แต่งบประมาณเราได้มามาก 1,700 ล้านบาทต่อปี งบประมาณจำนวนมากขนาดนี้ คิดว่าเราสามารถสร้างเทศบาลนครอุดรธานี ได้ดีกว่านี้ได้
.
จากการได้ศึกษานโยบาย นายคณิศร พบว่าทั้ง 6 เสาหลัก 26 นโยบาย เป็นนโยบายดีมากที่จะนำมาใช้กับคนในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ทำให้เมืองอุดรก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งนโยบายหลักแรกคือโปร่งใสตรวจสอบได้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณ คอร์รัปชันเป็นศูนย์
.
หลักที่สอง คุณภาพชีวิตดี สะดวกสบายทุกพื้นที่ ทำให้เขตเทศบาลเป็นพื้นที่สีเขียว มีลานกีฬาให้ประชาชนและเยาวชนเล่น
.
หลักที่สาม การศึกษาที่ต้องเพิ่มหลักสูตร 2 ภาษา ให้โรงเรียนทั้ง 12 แห่งของเทศบาล เสริมทักษะวิชาชีพให้เด็ก ๆ สำหรับอาชีพในอนาคต เสริมห้องเรียนเด็กพิเศษ มีครูเฉพาะทางที่ช่วยพัฒนาเพื่อให้เรียนและอยู่ร่วมกับเด็กอื่น ๆ ได้
.
หลักที่สี่ สุขภาพดีเท่าเทียมกัน สร้างศูนย์บริการทั้ง 4 มุมเมือง ดูแลผู้สูงวัย อัดฉีดเงินงบประมาณเข้าไปให้ อสม. จัดซื้อหาอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้ทุกวัน ทำให้ไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานในการที่จะออกไปทำงาน
.
หลักที่ห้า ทำให้เมืองสะอาด ดูแลลอกคูคลองไม่ให้น้ำท่วมเมืองเวลามีฝนตกลงมา แก้ปัญหารถติดโดยมีรถบริการรับส่งนักเรียนแทนพ่อแม่ประชาชน ทำให้เมืองสะอาดโดยส่งเสริมชุมชนจัดตั้งธนาคารขยะ เรื่องของปราบยาเสพติดโดยประสานความร่วมมือกับตำรวจและฝ่ายปกครองโดยตั้งศูนย์ป้องปรามยาเสพติด ดูแลกลุ่มเปราะบางพัฒนาอาชีพฟื้นฟูให้คืนเข้าสู่สังคมได้อย่างมั่นคง
.
หลักที่หก คือเรื่องของเศรษฐกิจ ต้องทำให้เศรษฐกิจของเมืองอุดรธานีก้าวหน้า ส่งเสริมย่านการค้า เช่นถนนก๋วยเตี๋ยว ถนนบันเทิง ถนนฝรั่ง คุ้มหมอลำ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ด้วยเอกลักษณ์ประจำถิ่น นอกจากนั้นก็ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ผลักดัน สนับสนุนให้เกิดย่านห้าแยกให้เป็นไนท์มาร์เก็ต ทำให้ห้าแยกกลับมาคึกคักอีกครั้ง ปรับปรุงทางเท้าย่านเศรษฐกิจ ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ผลักดันสนับสนุนให้เกิดศูนย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์
.
นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า เป็นโค้งสุดท้ายแล้ว จึงมาเชิญชวนให้พ่อแม่พี่น้องไปเลือกตั้ง อยากให้ชาวอุดรธานี ให้โอกาสพรรคประชาชน ในการบริหารเทศบาลนครอุดรธานี วันที่ 11 พ.ค.
.

.
‘เท่าพิภพ’ ชี้อย่ารีบดีใจ ประกาศฉบับใหม่ยังไม่เลิกห้ามขายเหล้าวันพระ
https://www.dailynews.co.th/news/4691870/
.
‘เท่าพิภพ’ เตือนคอสุราอย่าเพิ่งดีใจไป ประกาศห้ามขายเหล้าวันพระล่าสุด ‘ไม่ได้ยกเลิก’ แค่ยกเว้นบางที่ แนะสถานประกอบการตรวจเช็กสถานะตัวเองให้เรียบร้อย ไม่อยากเห็นใครถูกจับเพราะเข้าใจผิด ระบุประกาศไม่แก้ปัญหา-เชื่อยกเลิกกฎหมายเข้าท่ากว่า
.

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่ได้ยกเลิกการห้ามขายเหล้าวันพระ แค่ยกเว้นบางที่ หลายคนที่เห็นข่าวประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งออกมาวันนี้ (9 พ.ค.) คงกำลังเตรียมตัวจะฉลองกันว่าในที่สุดกฎหมายห้ามขายเหล้าวันพระได้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ตนต้องขอมาอธิบายว่ากฎหมายนี้ยังไม่ได้ยกเลิกไปแต่อย่างใด วันพระใหญ่ยกคงถูกจำกัดไว้ไม่ให้ขายเหล้าอยู่ แค่ในประกาศฉบับใหม่มีการเพิ่มเติมข้อยกเว้นเข้ามาเพื่อให้สถานที่บางแห่งสามารถขายได้ ดังนั้น ร้านข้าวต้ม ร้านชำ ร้านอาหาร ร้านชำ ร้านสะดวกซื้อ ห้างใหญ่ ซึ่งไม่รวมอยู่ในประกาศใหม่ ยังไม่สามารถขายเหล้าได้อยู่ดี สถานบริการหรือ ผับ บาร์ เทค ที่เราคุ้ยเคยกันก็สามารถขายได้เฉพาะร้านที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตประกอบการสถานบริการ ร้านที่ไม่มีใบอนุญาต แต่ประกอบกิจการคล้ายกัน ตามประกาศจะให้ขายได้แค่แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่ทุกจังหวัดจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และไม่น่าจะครอบคลุมทั้งจังหวัดด้วย

นายเท่าพิภพ ระบุอีกว่า โรงแรมที่จะขายได้ก็ต้องมีใบอนุญาตโรงแรมถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีน้อยมากในประเทศไทย และไม่ครอบคลุมทุกประเภทที่พัก ทั้งนี้ ตนกำลังดำเนินการยื่นแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)โรงแรม ฉบับใหม่อยู่

“ผมจึงขอเตือนให้ผู้ประกอบการที่เห็นข่าวนี้ อย่าเพิ่งรีบดีใจไป ระวังให้ดี ตรวจเช็กสถานะของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนว่าเข้าข้อยกเว้นหรือเปล่า ก่อนที่จะจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ ผมไม่อยากเห็นเห็นใครโดนจับเพราะความเข้าใจผิด” นายเท่าพิภพ ระบุ

นายเท่าพิภพ ระบุว่า ตนเชื่อว่าถ้ายกเลิกกฎหมายแบบนี้ไปเลย จะเข้าท่ากว่า เพราะประกาศที่ออกมาไม่แก้ปัญหาบางประการอยู่ดี เช่น ถ้าอยากได้เหล้ามิรินหรือไวน์แดงไว้ทำอาหาร คงไม่สามารถหาซื้อในสถานประกอบการหรือโรงแรมในวันพระตอนกลางวันได้.

.
ส.ว.นันทนา จี้ ดีเอสไอ-กกต.-ป.ป.ช. เร่งสอบคดีฮั้วส.ว. หวั่นชักช้างานวุฒิสภาสะดุด
https://www.matichon.co.th/politics/news_5175698
.

‘สว.นันทนา’ แนะมารยาททางการเมือง ‘ประธาน-รองประธานวุฒิสภา’ ที่มีชื่อเกี่ยวข้องฮั้วส.ว.ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง หากหมายเรียกส่งตรงถึงบ้าน เหตุส่งผลต่อหน้าที่ประมุขสภาสูง ได้ทีจี้ ‘ดีเอสไอ-กกต.-ป.ป.ช.’ ต้องเร่ง ชักช้างานวุฒิสภาสะดุดแน่

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว.พันธุ์ใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายเรียก ส.ว.ไปแปะหน้าบ้านแต่ละคน ว่า เป็นไปตามกระบวนการ ถ้าบอกว่าวันนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตนมองว่าค่อนข้างช้า เพราะการได้มาซึ่ง ส.ว.ผ่านมาแล้ว 10 เดือน แต่อย่างน้อยกระบวนการก็ได้เริ่มต้นขึ้นมาแล้ว และเป็นการบูรณาการระหว่าง 3 ฝ่าย ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดีเอสไอ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งถือเป็นองค์กรที่มีอำนาจในการดำเนินการตรวจสอบ ดังนั้นเมื่อกระบวนการเริ่มแล้ว ประชาชนก็รอคอยคำตอบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ประชาชนตั้งความหวังไว้ ด้วยความอยากรู้ว่า ส.ว.กลุ่มใหญ่ได้มาอย่างไร จะได้สิ้นสงสัย

เมื่อถามว่าภายในกลุ่ม ส.ว.ได้มีการพูดคุยอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่ น.ส.นันทนาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ปกติตนก็ไม่ได้พูดกับ ส.ว.กลุ่มใหญ่อยู่แล้ว ไม่ทราบว่าเขาพูดคุยอะไรกัน เราแทบจะไม่ได้พบปะพูดคุยกันอยู่แล้ว เวลาอยู่ในสภาต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ ซึ่ง ส.ว.เสียงข้างมากก็จะมีกรรมวิธีในการสกัดให้เราไม่สามารถเสนอญัตติได้ หรือไม่สามารถลงมติอะไรต่างๆ ได้ ทำให้เราไม่เคยพบปะพูดคุยอะไรกันอยู่แล้ว จึงไม่ทราบว่ากลุ่มใหญ่เขามีความเคลื่อนไหวอะไร

เมื่อถามว่ามองความเงียบของ ส.ว.โดยเฉพาะ 3 ประมุข ทั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา จะมีผลดีผลเสียอย่างไรต่อสถานการณ์แบบนี้ น.ส.นันทนากล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่าหมายเรียกมีไปถึงประธานวุฒิสภา หรือรองประธานวุฒิสภาหรือไม่ เพราะชื่อที่ปรากฏในสื่อมีเพียง 6 คน แต่บางสำนักระบุว่ารวมถึงประธานและรองประธานวุฒิสภาด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว โดยมารยาททางการเมือง ผู้ที่ถูกหมายเรียกแม้ว่าจะไม่ได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ควรจะแสดงสปิริต หรือมารยาททางการเมืองด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง เพราะการทำหน้าที่ของผู้ที่ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติมีความสำคัญมาก เป็นผู้ควบคุมการลงมติและการประชุม ในขณะที่ตัวเองยังถูกตรวจสอบและมีมูลถึงขั้นเรียกไปให้ข้อมูล

“กระบวนการตรวจสอบมันเดินมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นถึงแม้ยังไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่โดยมารยาทแล้วก็ควรที่จะหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง ตำแหน่งนี้มีความหมายและมีความสำคัญต่อฝ่ายนิติบัญญัติมากค่ะ” น.ส.นันทนากล่าว

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะทำให้งานของวุฒิสภาสะดุดลงหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า ต้องดูว่าการเรียกไปในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้นเท่าไหร่ และกระบวนการในการตรวจสอบจะใช้เวลาเนิ่นนานแค่ไหน ถ้าใช้เวลานานจนเกินไป การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาอาจจะสะดุดได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่ดำเนินการอยู่คงจะต้องเร่ง เพื่อจะไม่ให้กระบวนการนิติบัญญัติในฝั่งวุฒิสภาสะดุดหยุดลง