เริ่มศึกษาพุทธศาสนา​ เพราะรุกขเทวดา

ย้อนเวลาไปสัก​ 13​ ปีก่อน​(ขอใช้ภาษาแบบบ้านๆนะ​ เพราะผมคนบ้านๆ)​
ผมมีอาชีพค้าขาย​ ตลาดนัด​ เราจะมีเพื่อนพ่อค้าแม่ค้า​ ที่สนิทกันมากจริงๆ​ สัก​10​ คน​ แต่ละคนจะชอบ​ อวดของดี​ ว่าขายดีเพราะ ของศักดิ์สิทธิ์​ที่ตนเองมี​ ส่วนผมนะไม่เชื่อหรอกครับ​ อยากขายของดี​ ก็ต้องบริการลูกค้าดีดี​ มีสินค้าให้พร้อม​ แต่เมียผมคล้อยตาม​กลุ่มนี้ครับ​ จัดรถตู้​ เต็ม​ 14​ ที่นั่ง​ ไปวัด​พุน้อยครับ​ ไปบูชา​ เรือแม่ตะเคียนทอง
   เธอเล่าว่า​ ตอนทำพิธี​ หลายคนมีอาการแปลกๆ​ ส่วนเธอ​ ร้องไห้ไม่หยุด อารมณ์​คล้ายมีคนยกเรือเธอขึ้นเหนือศรีษะ
   จากนั้นเธอก็เริมบูชา​ แบบที่เพื่อนเธอว่า​ หลายคนถูกหวย​ หลายคนค้าขายดี​ แต่ร้านผมเหมือนเดิม​ จนผ่านมาสัก​ 3​ เดือน​ เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง​ ถูกหวย​ ได้เงินมา​ 2.5 แสน​ นั่นละครับ​ ทำให้ผมตาโต​ งวดต่อๆมา​ ผมฝากเขาซื้อทุกงวด​ งวดละ​ 2-3​ พัน​ จนผ่านไปเกือบปี​ ไม่เคยถูกสักงวด​ จนเพื่อนขอให้เราเลิกฝาก​ เพื่อนกลับถูกหวยอีก​ แสนกว่าบาท​
   กลับถึงบ้านด้วยอารมณ์​ขุ่นมัว​ ซื้อหวยมาทั้งปี​ ไม่เคยถูกสักบาท​ เลยยืนต่อหน้า​ เรือตะเคียนทอง​ พร้อมกล่าวด้วยอารมณ์​ เฮ้ย​ มีตัวตนจริงมั้ยวะ​ กุไม่เคยถูกหวยเลย​ แน่จริงก็มาให้เห็นสิวะ​ จะได้รู้..(จริงๆคือหยาบและท้าทาย)​
   หลังจากเข้านอนประมาณ​ 4​ ทุ่ม​ ที่นอนของผมก็​ หน้าทีวีนั่นละ​เหนือทีวี​ ก็​ หิ้งพระ​ กับ​ เรือตะเคียน​ทอง​ ปิคนิคกาง​ หมอนใบ​ ผ้าห่มผืน​ นี่ละสไตล์​ผม​ ส่วนลูกเมียผม​ เตียงหนานุ่ม​ เปิดแอร์เย็นสบาย
   ผมไม่รู้จักสมาธิ​ หรอกนะ​ แต่เมื่อผมจะหลับ​ ก็นอนหงายเหยียดตรง​ มือทาบหน้าอก​ ไล่ลมแบบถอนหายใจสัก​ 2-3​ ที​ จากนี้จะรู้สึกเคลิ้ม​ เห็นแสงเห็นสี​ แต่ผมไม่สนใจหรอ​ ผมง่วง​ ไม่ถึงนาที​ เหมือน​ปิดสวิตช์​ หลับสบาย...
    เวลาประมาณ​สักเที่ยง​คืน​ เริ่มรู้สึกเย็น​ที่ปลายเท้า​ เหมือนมีลมพัดเบาๆ​ ผมก็จะยกขา​ เพื่อขยับผ้าห่ม​ แต่ขยับไม่ได้​ จากเย็นกลายเป็นหนาว​ คลืบคลาน​ มาเรื่อยๆ​ ฺ​จากเท้าขึ้นมาจนถึงหน้าอก​ ผมดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง​ แต่ร่างกายยังแข็งทื่อจากความหนาวกลายเป็นความเจ็บปวด​ ตามโครงกระดูก​ ปวดมาก​ถ้าร้องได้คงสุดเสียง​ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนหุ่น​โครงกระดูก​ ที่ให้นักเรียนดู​ จากปวดเริ่มชา​ จนผมเริ่มไม่มีความรู้สึกทางร่างกายเลย​ นี่ผมตายแล้วใช่ไหม​ ผมยังไม่อยากตายยยยย
  สักพัก​ ผมเริ่มลืมตาขึ้น​ ก็ยังเห็นเพดานบ้านตัวเอง​ หูเริ่มได้ยินเสียง​ เครื่องดนตรี​ไทย​ ร่างกายผมเริ่มลุกขึ้นมา​ เริ่มฟ้อนรำตามจังหวะทำนองผมรำ​ไปรำมาในบ้าน​ สัก​ ชั่วโมง​
   เมียผมเปิดห้องออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำ​ เธอเห็นผมกำลังทำอะไรไม่ร้​ เลยเปิดไฟทั้งบ้าน​ ความงัวเงีย​ หายไปทันที​ เธอกรีดร้อง​ วี้ดๆๆๆ​ ปิดประตูห้องไป​ ผม​อยากจะเรียก​ ให้มาช่วยผม​ แต่ทำไม่ได้​
   ร่างกายผมค่อยๆรำไป​ หยุดที่หน้าห้อง​ จากนั้นประตูก็เปิดออก​ (จนวันนี้เธอยังสงสัยว่าเปิดได้ยังไง​ทั้งที่ล็อคอย่างดี​ และร่างกายผมก็ไม่ได้จับลูกบิดเลย)​ ร่างกายก็เดินรำ​ เข้าในห้อง​ ตาผมมองเห็น​ เมียผมนั่งพนมมือ​ พุทโธ​ๆๆๆ​ เธอตกใจ​ กรีดร้อง​ วี้ดๆๆๆ​แล้ววิ่งสวนออกมา​ เธอไปเอาพระมาถือไว้​ ร่างกายผมเดินไปหา​ความกลัวทำให้เธอหยุดนิ่ง เธอ​ยัด​พระเหรียญ.ใส่ในมือผม​จากนั้นหยิบพระประจำบ้านมาอุ้มไว้
   จากนี้คือบทสนทนา​ ที่เมียผมเล่าให้ฟัง​ (ผมมองเห็นแต่ตา​ ส่วนหูผมได้ยินแต่เสียงดนตรี​ไทย)​ สำเนียงที่พูด​ ไพเราะ​ มีเมตตา​
  " น้องหญิง​ ไม่ต้องกลัว​ นี่แม่เอง​ แม่ชื่อว่า​......... (จำไม่ได้​ กลัว)​ เธอห้ามเรียกว่านางตะเคียนทองนะ​ แม่ไ​ม่ชอบ.. เธอน่ะ​ มีโชควาสนาน้อย​ บุญน้อย​ หมั่นทำบุญ​นะ​ แล้วแม่จะช่วยเหลือ​"
   "ส่วนสามีเธอ​ เขาทำมาบ้างแล้ว​ ศึกษาธรรมะต่อไปนะ​ ให้ เลิก​ อบายมุข​บางอย่าเสีย.. "............................
   การสนทนา​ ประมาณสัก​ ชั่วโมง​ มีหลายอย่างที่ได้สนทนา​กัน​ แต่เมียผมยังอยู่ในอาการกลัว​ ตกใจ​ ก็เลย  จำไม่ค่อย​ได้
  " แม่ลาละนะ"  (ตี๔)​
   ร่างกายผมค่อยๆลุกขึ้น​ แล้วร่ายรำ​ สัก​ นาที​ เสียงดนตรีที่หู​ เริ่มเบาลง​ ความรู้สึกตัวเริ่มมี​ เริ่มชา​ เริ่มปวด​ ปวดมาก​ อาการคล้าย​ โครงกระดูก​ กลับมาอีกครั้ง​ ปวดมาก​ ปวดจนไม่อยากทน​ จนกลายเป็นความเยือกเย็น​ สุดท้ายหายเป็นปกติ​ ผมกลับมารู้สึก​ ได้เต็ม​ ๑๐๐​%
  หลังจากร่างกายกลับมาเป็น​ปกติ​ ใจผมอิ่มสุขอย่างไรไม่รู้​ รู้สึกเยือกเย็น​ โปร่งเบาสบาย​ พูดจาแบบช้าๆ​ สุขุม​ ตอนนี้ผมอยากเดินจงกรม​ ก็เดินรอบบ้านนั่นละครับ​ ในความมืด​ ค่อยๆก้าว​ แบบเบาสบาย​ ไม่หลับไม่นอน​ อิ่มสุข
   ผมเริ่มหาข้อมูล​ จากกูเกิ้ล​ เรื่องเทวดา​ คือหลวงพ่อฤาษีลิง​ดำ​ ที่วัดท่าซุง​  ผมกราบพระ​ อธิษฐาน​ ขอให้ผม​ กระจ่างในเรื่องนี้​
   เริ่มวันใหม่​ ไปตลาดนัด​ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า​ ไม่เคยขายดีแบบนี้มาก่อน​   ขายแบบไม่ได้หยุดพัก​ เงินที่ได้​ มากกว่าปกติถึง​ 10​ เท่า​
  ช่วงนี้​ ความรู้สึกทางร่างกายแปลกๆ​ กินข้าวมื้อเดียว​ ไม่หิวทั้งวัน​ เจอใคร​ ยกมือไหว้หมด​ ชอบเดินจงกลม​ (ทั้งที่ไม่เคยเดินเลยสักครั้ง)​ เห็นภาพนิมิต​ แปลกๆ​ มากมาย​ ตัวเดิน​ แต่​ ภาพตัด ไปเห็นนั่นเห็นนี่ฯ
  ๓​ วันได้เงินก้อน​ ออกเดินทางไปวัดท่าซุง​ ถึง​ จ.​อุทัย​สักประมาณ​ ตี​๔ ความง่วงมาเยือน​ ขับรถไปแบบ​ มีคนนำพาไป​ (ไม่รู้ใคร)​ วิ่งตามถนนดิน​ ลัดเลาะไปตาม​ ทุ่งนา​ ประมาณสัก​ ๑๐​กม. จนมาโผล่ที่ซุ้มประตูวัด​  ดับรถจอดนอน
   มีสติรู้ตัวประมาณสัก​ ๗  โมงเช้า​ เพราเสียงแตรรถทัวร์​ มองไปด้านหน้า​ สวยงามจริงๆ​ วันนั้นรถทัวร์​มีหลายคณะ​ ผมจึงได้เข้าวิหารแก้ว​ ในช่วงเย็นในวิหารแก้ว​ วิจิตรงดงามที่หาใดเปรียบได้​  ผมกราบสรีระ​หลวงพ่อแล้วสบายใจครับ​ ถึงช่วงได้ถวายสังฆทาน​ ผมถามหลวงพ่อที่นั่งรับสังฆทาน​ (เจ้าอาวาส)​"ผมอยากรู้เรื่องเทวดาครับ"  หลวงพ่อให้ผมมาฝึกมโนยิทธิ มาอยู่วัด​ ๗ วัน
  ออกจากวิหารแก้ว​ ก็ยังไม่คลายสงสัยครับ​ พนมมืออธิษฐาน​ ขอคลายความสงสัย​ ก็ขับรถชม​วัด​ ไปเรื่อย​ จนมาจอดที่​ จุดเช่าบูชาพระ​ และหนังสือ​ เดินดูหนังสือ​ มีมากมายหลายร้อยเล่ม​ เลือกเล่มไหนดี  พระผู้ดูแล​ บอก​ จะปิดแล้วนะโยม​ ผมหลับหูหลับตาหยิบเลย​ ได้​ ธุดงค์​
  หนังสือของหลวงพ่อ​ อ่านเพลินดีครับ​ มีธรรมะ​ คั่น​ ให้เราได้ศึกษาตลอด​ ก็ฝึกตามที่หลวงพ่อสอนนั่นละครับ​ ตั้งมั่นในศีล​ เพ่งให้เกิดสมาธิ​..
   ด้วยความไม่รู้จัก​ สมาธิ​ ก็เริ่ม​ ลากลมหายใจเข้าออก​ พุทโธ​ บังคับให้ลมมันสั้น​ มันยาว​  ทำไปอยู่อย่างนั้น​ อาการปวดหัวก็เริ่มมี​ มันเพ่งเกินไป​ มันอั้นเกินไป​ เป็นเวลาหลายเดือน​ จนเกือบท้อ
   ผมได้มีโอกาส​ ไปกราบสรีระ​ หลวงพ่ออยู่บ่อยๆ​ ทุกคราวก็ซื้อหนังสือ​ หลวงพ่อ​ มา​ ผมยังคง​ ฟืดฟาด​ กับลมหายใจ​ พร้อม​ อ่านหนังสือ​ มาตลอด​ บางคราวปวดหัวมาก​ อ่านหนังสือ​ ก็ไม่รู้เรื่อง​ อยากจะเลิก
   จนมีโอกาส​ ได้อ่าน​ เรื่อง​  อาการตกจากฌาน​ ผมนี่อ๋อ​ เลยครับ​ ใช่แล้ว​ ก่อนนอน​หลับ เรามีอาการอย่านี้อยู่บ่อยๆ​ เสียววูบ​ แบบตกจากที่สูง​ แสดงว่าการฟืดฟาด​ นี่ผิดอย่างมหันต์​ ที่เรามี​ เราเห็นอะไรต่างๆ​ นี่คือสมาธิหรือ​ อาการทุกอาการ​ ที่เค​ยเป็น​ ก่อนมาทำ​ ฟืดฟาดๆ​นั่นคือ​ สมาธิ​ ที่ผมมี​ ผมแค่ล้มตัวลงนอน​ ไล่ลมหยาบออก​ ปักจุด​ ไว้ปลายจมูกแบบแผ่วเบา​ บางคราวก็ปักจุด​ ไว้​ กลางอก​ เริ่มเห็นแสง​ ตัวเริ่มโคลง​ บางคราวก็ตัวใหญตัว​โต​ เริ่มอึดอัด​ แสงหายไป​ ลมหายใจ​ ไหลเป็นเส้น​ เหมือนสายน้ำ​ อาการอื่นๆอีกมากมาย​ จนไปสุดที่ความสว่างโพลง​ นี่คือสมาธิใช่ไหม​ อาการทั้งหมดนี้​ ปิติ​ ทั้ง​ ๕​ เราเคยสัมผัสมาทั้งหมด
   วันนี้​ เริ่มเข้าใจสมาธิ​ ที่หลวงพ่อสอนแล้วครับ​ แต่ยังติด​ อาการฟืดฟาด​ เพราะ​ ทำอย่างนั้น​ มานานแรมปี​ พอผมเริ่มได้ระดับฌาน​ ลมเริ่มแผ่วเบา​ (บางครั้งจับความรู้สึกได้ว่า มันเล็กขนาด​เม็ดถั่วดำ​ ค่อยๆไหลลงไปกระทบปอด)​ใจมันกลัว​ ลมหาย  ร่างกายมันจะฟืดฟาดเอง​
   ทุกวันนี้​ สมาธิ​ ผมยังไม่ก้าวหน้าไปไหน​ ยังฟืดฟาดย่อยๆ​ ผมคงมี กรรม​ เรื่องใดเรื่องหนึ่งละครับ​ อีกทั้ง​ มีภาระเลี้ยงดู​ ลูกที่พิการซ้ำซ้อน​ ผิดจากตอนเด็กๆ​ ที่ผมจะเห็นอะไรมากมาย​ (บอกให้ใครฟังแล้วเรากลายเป็นคนเพ้อเจ้อ)​
   ทุกวันนี้​ ยังคง​ สวดมนต์​ นั่งสมาธิ​ (ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น)​อยู่ประจำทุกวัน​ อ่านธรรมะจากหนังสือ​ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ​ เพื่อความพ้นทุกข์​
     โอกาสหน้า​ ผมขอเล่าเรื่องผี​ ที่ผมได้พบเจอละกัน
                    เจริญในธรรม​ ทุกท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่