......

ผมคิดถึง การยกระดับจิตให้สูงขึ้น  แล้วรู้สึกว่ามันยาก

ถ้าปัจจุบันนี้ ผมทำไม่ได้ เพราะจิตใจของผมไม่อาจละวางกรรมในอดีต และรู้สึกเหนื่อยหน่ายตลอดเวลา คือ สิ้นหวังหาทางออกไม่ได้



ผมได้พยายาม มิให้ตนทำชั่ว ถ้าหากจะทำก็ทำน้อยที่สุด


แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันมักจะมีเรื่องผิดพลาดเสมอๆ ยิ่งผิดพลาดมากขึ้น  ผมยิ่งเครียดและกระทำผิดมากขึ้น


คือไม่เข้าใจ ทำไมการทำความดี ถึงเครียด

นี้เพราะผมทำบาปหนัก

สมัยเด็กน้อยๆ แม่เคยพาผมเข้าไปในวัดใกล้บ้าน

ผมตีแม่ของตนในวัด เพราะผมอยากออกจากวัด และอยากกินขนม

สมัยนั้นเด็กอย่างผม อายุเพิ่งเข้าประถม หรืออาจจะไม่ถึงอนุบาล ด้วยซ้ำ หรือก่อนมัทยมต้น

ผมหาไม้ในวัดแท่งเล็กๆ ตีแม่ของตนจนเลือดไหล​​


เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้ว พูดตามตรง บาปของผมหนักกว่าใครหลายๆคน

ผมน่ะเถียงแม่ จนแม่ต้องกราบเท้าผมตั้งหลายรอบ และขณะที่กราบเท้า ผมก็แกว่งเท้าต่อหน้าแม่เช่นกัน


แม่ร้องไห้กับผมบ่อยมาก แต่ผมไม่เคยหยุด ทั้งเคยสาบานด้วยซ้ำ ว่าชาตินี้จะไม่เป็นคนกตัญญู ถ้าเป็นคนกตัญญู ขอตกนรก อเวจี

นี้เป็นคำสาบานสมัยประถม

ผมยังเป็นเด็ก และเด็กนั้นสามารถทำชั่วด้วยจิตใจที่เรียกว่า เลวบริสุทธิ์

ครั้งหนึ่งกิ้งกือกัดอวัยวะเพศ ผมด้วยความเป็นเด็ก พอเห็นกิ้งกือทีไร ก็จะถือค้อนขนาดใหญ่ ทุบกิ้งกือให้แหลก

ภายหลังได้ฟังมาว่า การฆ่าสัตว์เป็นบาป ผมเลยเลิกฆ่ากิ้งกือ แต่กว่าจะเลิกฆ่า ผมก็ฆ่ากิ้งกือไปหลายร้อยตัวแล้ว


ต่อมา ได้ยินว่า สัตว์เดรัจฉานถ้ามันทรมานก็ควรฆ่ามันให้หายทรมาร


ผมผู้จะเลิกจะฆ่าสัตว์ อนิจจาเท้าเผลอไปเหยียบกิ้งกือ แล้วมันไม่ตาย ผมเลยเอาค้อนทุบให้แหลก มันจะได้หายทรมาน

นี้ผมไม่ได้ตั้งใจเหยียบมัน แต่เมื่อผมคิดดับลมหายใจของมัน  ผมก็มีเจตนาในการทำบาป


แล้วกรรมก็ให้ผล

พอขึ้นมัธยมต้น ผมถูกคนรังแกสารพัด


แม่ของผม สอนเสมอว่า อย่ามีเรื่อง อย่าให้ต้อง
ถึงมือตำรวจ อย่าเป็นคดีความ


หลายครั้งที่ผมโดนคนในชั้นเรียน (กลุ่มหัวโจก) ตบหัว ต่อยบ้าง เตะบ้าง ผลคือเรียนหนังสือก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมจึงเป็นคนโง่เขลา

เนื่องจากการถูกรังแกสารพัด ทำให้จิตใจของผมอ่อนแอ ขี้ขลาด แถมแม่ของผมเองก็สั่งสอนว่า อย่าไปมีเรื่อง

แถมนิสัยอย่างผมเป็นคนเลวในอดีต พ่อผมที่เป็นทหาร ก็ยังเอือมระอากับผม

ผมจึงไม่สามารถพึ่งพาใครได้

เมื่อบ้านพึ่งพาไม่ได้ ไปโรงเรียนก็ไม่รู้ว่าตนจะถูกเหยียดหยามอย่างไร

เข้ากลุ่มก็ไม่ค่อยมีคนให้เข้ากลุ่ม  เนื่องจากผมเป็นคนโง่เขลา

มันจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราอ่อนแอสุด จึงตกเป็นเป้าหมาย ไอ้คนอย่างผมสมัยนั้น จึงหาวิธีทุกอย่างเพื่อหลุดพ้น เลยแกล้งเป็นกระเทย และโกหกสารพัด

จนเด็กที่อายุต่ำกว่า ถามผมว่า "ทำไมต้องโกหก"

ใช่ผมคิด เหตุใดต้องโกหก เผื่อได้รับการยอมรับจากเพื่อนในชั้นเรียนเหรอ  เพื่อที่ว่าตนจะได้ไม่ถูกรังแกงั้นเหรอ

ผมพิจารณาอย่างยาวนาน จนในที่สุดผมก็พยายามจะเลิกโกหก


ความดีทำไม่ได้ง่ายๆ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่โกหกก็โกหกอยู่ดี


ผมไม่รู้จะหาอุบายอย่างไร  ที่ทำได้แค่เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือธรรมะให้มากที่สุด (ซึ่งคิดแล้วถ้าย้อนไปได้ผมอ่านหนังสือเรียนดีกว่า)

นั้นทำให้ผมเก็บตัวยิ่งขึ้น มิตรภาพก็ลดน้อยถอยลง เมื่อไม่มีพรรคพวก ผมจึงลงสถานะ


หลายคนมองผมเป็นเบ้ รับใช้


เพื่อตัดปัญหา คนจะฝากไปซื้อนั้นซื้อนี้ ก็เอา ก็ทำตาม


บางคนต่อยผม บางคนด่าพ่อผม แล้วผมไม่สู้กลับ จึงยิ่งไร้ศักดิ์ศรีไปใหญ่ ก็นั้นแหละ กระสอบทรายเดินได้ เป็นฉายา

บางทีไปเข้าแถวหน้าเสาธง ก็โดนเพื่อนแกล้งตบหัวให้อับอาย

ผมจึงหนีเคารพธงชาติบ่อยๆ

ผมนึกถึงกรรมในอดีต รู้ว่าที่โดนคือกรรมเล่นงาน และก็หวาดกลัว ไม่รู้ว่าตนนั้นจะลงนรกหรือไม่เมื่อตายไป

เวลาโดนรังแก บางทีบางครั้งผมเข้าห้องน้ำบ่อย ผมร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว ทุกข์ทรมารอย่างถึงที่สุด

ศักดิ์ศรีผมไม่มี เพราะสู้ไม่ได้ แต่ผมลืมไปที่บ้านผมมีปืน ถ้าผมเอาปืนไปยิง เสีย เรื่องราวก็จบ

แต่ผมก็เป็นผู้เยาว์ ต่อให้ทำผิดอย่างไร ผมก็รอดอยู่ดี แต่กระนั้น ผู้คนจะเกลียดครอบครัวผม เนื่องจากผมเป็นฆาตกร

ทว่าโชคดี ที่ผมไม่ใช้ปืนนั้น ไม่งั้นชีวิตผมคงพังจริงๆ

เรียนหนังสือยาก มีแต่ปัญหา แถมครูในชั้นเรียนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมเชิญผม เข้าฝ่ายปกครองบ่อยๆ เพราะผมเป็นเด็กมีปัญหา

และผมยังเรียนไม่ได้เรื่อง ครูเขาต้องเชิญผู้ปกครอง

มันเป็นระเบียบงานปกติ

ทว่าถ้าครูเขาเลิกให้มีการกลั่นแกล้งทางโรงเรียนได้ก็จบ


ผมมีแต่ความเครียด เพราะแบบนั้น ผมจึงต้องระบายความโกรธ

ด่าพ่อด่าแม่


บางทีทนไม่ไหว ก็ตีหมาแมวระบายความโกรธ


ยิ่งทำชั่วมาก ยิ่งโดนรังแกมาก


ต่อให้หันมาทำความดี ผมก็ถูกรังแกอยู่ดี รังแกเสียจน ผมกลายเป็นคนชั่ว

ผมคิดว่า ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว

ผมอยู่อย่างนั้น จนกลายเป็นคนไม่เข้าสังคม ไม่เปิดใจให้ใคร  แม้ตอนนี้อายุสามสิบ ก็ยังยากที่จะเผชิญโลกภายนอก คือไม่มีความมั่นใจ


แถมเนื่องจากถูกรังแกบ่อย จนเผลอติดนิสัยชอบใช้ความรุนแรงตามไปด้วย


แม้จะเคยทำงานที่อื่น ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะผมเป็นคนหัวทึบ

ไอ้หัวทึบก็แย่พอแล้ว แถมยังเถียง ผมจึงไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป

โชคดีที่ครอบครัวมีเงินบ้าง แม่ก็มีความรู้ จึงสอนให้ผมทำขนม จะได้มีอาชีพ

ผมก็เอาสิ่งนั้น มาเป็นอาชีพของตน รายได้เล็กน้อย

ยังดีกว่า ไม่ทำงานทำการ

แต่ทุกวันนี้ผมยังติดนิสัยเดิมอยู่ คือเวลาโกรธชอบทำร้ายมิตร


แต่ท่านทั้งหลาย ผมขอพูดตรงนี้ว่าผมเป็นคนชั่ว ผมไม่เคยคิดว่าตนเป็นคนดี

แต่ผมก็มุ่งมั่นว่า วันหนึ่งตัวผมจะไม่ทำบาปเพิ่ม

ผมปฎิบัติธรรม ไม่ต้องตั้งสัจจะ (เพราะยังไงเสียมันอาจจะพลาด)


ท่านรู้หรือไม่? ผมน่ะเวลาโกรธชอบทำลายข้าวของ ชอบตีสุนัขในบ้าน

ตอนนี้ จิตนี้ ความโกรธผมมีอยู่ อาจบ่นบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเลิกทำคือ การที่ผมไม่ทำลายข้าวของ ไม่เตะสุนัขระบายอารมณ์


สำหรับคนบางคนนี้มันช่างไร้สาระ

แต่สำหรับผมแล้ว นี้คือพัฒนาการใหม่ อย่างน้อยก็ลดความชั่วไปหนึ่งอย่าง


ผมนั้นรู้ว่าตนเป็นคนโหดร้าย ดังนั้นธรรมที่ผมถือ คือ เมตตา


ดังนั้น เวลาโกรธ แล้วไม่ทำลายข้าวของ ผมถือว่า ผมชนะมาก้าวหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่