เปรตหรือความเป็นเปรตนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก และง่ายมากที่คนจะกลายเป็นเปรต ความเป็นเปรตนั้นไม่ต้องรอให้ตายก่อนค่อยเป็นเปรต คนที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ ก็กลายเป็นเปรตได้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า “
มนุสสเปโต” แปลว่า
มนุษย์เปรต หรือ เปรตในคราบของมนุษย์
ซึ่งถ้าว่ากันโดยแก่นแท้แล้ว ความที่คนจะเป็นคนหรือเป็นอะไรนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายที่เป็นมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของจิตว่ามีคุณธรรมความดีมากน้อยแค่ไหน ดังที่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้จำแนกมนุษย์ออกเป็น ๗ จำพวก คือ
๑. มนุสสนิรโย มนุษย์สัตว์นรก หรือสัตว์นรกในคราบมนุษย์ คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจและพฤติกรรมกลับชั่วช้าเลวทราม ก่อกรรมทำบาปได้เยี่ยงสัตว์นรก เช่น ลูกที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ ลูกที่เสพยาบ้าแล้วข่มขืนแม่บังเกิดเกล้าของตน คนเช่นนี้แม้ว่าร่างกายจะเป็นมนุษย์แต่พฤติกรรมของเขาช่างเหี้ยมโหด ชั่วช้าไม่ต่างอะไรกับสัตว์นรก
๒. มนุสสเปโต มนุษย์เปรต หรือเปรตในคราบมนุษย์ คือร่างเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเปรต เปรตแปลว่า ผู้ละไปแล้ว หมายถึง ผู้ยอมละทิ้งความดี หรือยอมกระทำชั่วทุจริตทุกอย่างเพื่อให้ตนได้สนองความอยาก ความหิว เช่น คนที่ติดยาเสพติด ยอมเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย ปล้นร้านทองเพื่อนำเงินไปซื้อยามาเสพ หรือ
เจ้าหน้าที่บางคนนักการเมืองบางรายที่ยอมทุจริตคอ-รัปชั่นคดโกงประเทศชาติเพื่อให้ตนร่ำรวย โดยไม่ใส่ใจเรื่องบุญ-บาป วันๆ จิตใจคิดแต่จะเอา ไม่เคยคิดจะให้ คนประเภทนี้จึงมักถูกด่าอยู่เสมอว่า “อ้าย เปรต”
๓. มนุสสอสุรกาโย มนุษย์อสุรกาย คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจโหดร้าย เต็มไปด้วยโทสะ ความอาฆาตพยาบาทชิงชัง ประกอบกรรมทำชั่วด้วยความอำมหิตไร้ความปรานี มีพฤติกรรมเหมือนยักษ์เหมือนมาร ชอบใช้ความรุนแรง มีอุปนิสัยกักขฬะหยาบกระด้าง ใจไม้-ไส้ระกำ เช่น คนที่ฆ่าคนแล้วกินเป็นอาหาร พวกชอบเปิบพิสดารกินจู๋หมี ยาดองสัตว์เนื้อดิบ พวกที่ค้าขายมนุษย์ด้วยกัน รวมถึงพวกที่มัวเมาในกามถึงขั้นฆ่าข่มขืนพวกนี้ท่านจัดเป็นอสุรกายในคราบมนุษย์
๔. มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์ดิรัจฉาน คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์ดิรัจฉาน คือมากไปด้วยโมหะ เห็นอะไรที่เป็นความสุขของตัวเองก็ทำตามใจไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี มีพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ เช่น ในเรื่องกามก็สมสู่ไม่เลือกหน้า ไม่สนใจว่าผู้นั้นจะเป็นลูกเขาเมียใคร หรือเป็นพ่อ แม่ ลูกหรือญาติของตน บางครั้งอยากได้อะไรของใครก็ใช้กำลัง ข่มเหงรังแกเอา ซึ่งบางคนทุบตีได้ แม้กระทั่งพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่พิกล พิการเพราะขอเงินแล้วไม่ให้ ซึ่งคนประเภทนี้มักถูกด่าให้เป็นสัตว์ชนิดต่างๆ
๕. มนุสสมนุสโส มนุษย์แท้ คือทั้งตัวและหัวใจเป็นมนุษย์ มนุษย์แปลว่า ผู้มีจิตใจสูง คือสูงกว่าสัตว์นรก เปรต อสุรกายสัตว์ดิรัจฉาน มีจิตที่ประกอบด้วยความเมตตา รู้จักแยกแยะดี-ชั่ว ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอกุศลเพราะเห็นแก่ตัว เป็นผู้ตั้งมั่นในศีล ๕ มีละเว้นจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์อื่น เป็นต้น ซึ่งศีล ๕ นี้ถือเป็นธรรมที่เป็นมาตรฐานสำหรับรองรับความเป็นมนุษย์นั่นเอง
๖. มนุสสเทโว มนุษย์เทพ คือผู้ที่มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นเทวดา คือ เป็นผู้มีหิริ ความละอายในการทำชั่วทั้งทางกาย วาจา และใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลบาปที่จะตามสนอง บุคคลเช่นนี้ จะไม่ทำความชั่วเลยทั้งต่อหน้และ ลับหลัง อีกทั้งยังเป็นผู้ฝักใฝ่ในการ ทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
๗. มนุสสอริโย มนุษย์ผู้เป็นพระอริยบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจ ปราศจากกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง มีจิตอยู่เหนือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เป็นอิสระจากทุกข์ ไม่หวั่นไหวด้วยอำนาจของโลกธรรม ๘ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์
เครดิต : หนังสือ “ระวังจะเป็นเปรต"
ระวังจะเป็นเปรต
ซึ่งถ้าว่ากันโดยแก่นแท้แล้ว ความที่คนจะเป็นคนหรือเป็นอะไรนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายที่เป็นมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของจิตว่ามีคุณธรรมความดีมากน้อยแค่ไหน ดังที่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้จำแนกมนุษย์ออกเป็น ๗ จำพวก คือ
๑. มนุสสนิรโย มนุษย์สัตว์นรก หรือสัตว์นรกในคราบมนุษย์ คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจและพฤติกรรมกลับชั่วช้าเลวทราม ก่อกรรมทำบาปได้เยี่ยงสัตว์นรก เช่น ลูกที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ ลูกที่เสพยาบ้าแล้วข่มขืนแม่บังเกิดเกล้าของตน คนเช่นนี้แม้ว่าร่างกายจะเป็นมนุษย์แต่พฤติกรรมของเขาช่างเหี้ยมโหด ชั่วช้าไม่ต่างอะไรกับสัตว์นรก
๒. มนุสสเปโต มนุษย์เปรต หรือเปรตในคราบมนุษย์ คือร่างเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเปรต เปรตแปลว่า ผู้ละไปแล้ว หมายถึง ผู้ยอมละทิ้งความดี หรือยอมกระทำชั่วทุจริตทุกอย่างเพื่อให้ตนได้สนองความอยาก ความหิว เช่น คนที่ติดยาเสพติด ยอมเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย ปล้นร้านทองเพื่อนำเงินไปซื้อยามาเสพ หรือเจ้าหน้าที่บางคนนักการเมืองบางรายที่ยอมทุจริตคอ-รัปชั่นคดโกงประเทศชาติเพื่อให้ตนร่ำรวย โดยไม่ใส่ใจเรื่องบุญ-บาป วันๆ จิตใจคิดแต่จะเอา ไม่เคยคิดจะให้ คนประเภทนี้จึงมักถูกด่าอยู่เสมอว่า “อ้าย เปรต”
๓. มนุสสอสุรกาโย มนุษย์อสุรกาย คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจโหดร้าย เต็มไปด้วยโทสะ ความอาฆาตพยาบาทชิงชัง ประกอบกรรมทำชั่วด้วยความอำมหิตไร้ความปรานี มีพฤติกรรมเหมือนยักษ์เหมือนมาร ชอบใช้ความรุนแรง มีอุปนิสัยกักขฬะหยาบกระด้าง ใจไม้-ไส้ระกำ เช่น คนที่ฆ่าคนแล้วกินเป็นอาหาร พวกชอบเปิบพิสดารกินจู๋หมี ยาดองสัตว์เนื้อดิบ พวกที่ค้าขายมนุษย์ด้วยกัน รวมถึงพวกที่มัวเมาในกามถึงขั้นฆ่าข่มขืนพวกนี้ท่านจัดเป็นอสุรกายในคราบมนุษย์
๔. มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์ดิรัจฉาน คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์ดิรัจฉาน คือมากไปด้วยโมหะ เห็นอะไรที่เป็นความสุขของตัวเองก็ทำตามใจไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี มีพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ เช่น ในเรื่องกามก็สมสู่ไม่เลือกหน้า ไม่สนใจว่าผู้นั้นจะเป็นลูกเขาเมียใคร หรือเป็นพ่อ แม่ ลูกหรือญาติของตน บางครั้งอยากได้อะไรของใครก็ใช้กำลัง ข่มเหงรังแกเอา ซึ่งบางคนทุบตีได้ แม้กระทั่งพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่พิกล พิการเพราะขอเงินแล้วไม่ให้ ซึ่งคนประเภทนี้มักถูกด่าให้เป็นสัตว์ชนิดต่างๆ
๕. มนุสสมนุสโส มนุษย์แท้ คือทั้งตัวและหัวใจเป็นมนุษย์ มนุษย์แปลว่า ผู้มีจิตใจสูง คือสูงกว่าสัตว์นรก เปรต อสุรกายสัตว์ดิรัจฉาน มีจิตที่ประกอบด้วยความเมตตา รู้จักแยกแยะดี-ชั่ว ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอกุศลเพราะเห็นแก่ตัว เป็นผู้ตั้งมั่นในศีล ๕ มีละเว้นจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์อื่น เป็นต้น ซึ่งศีล ๕ นี้ถือเป็นธรรมที่เป็นมาตรฐานสำหรับรองรับความเป็นมนุษย์นั่นเอง
๖. มนุสสเทโว มนุษย์เทพ คือผู้ที่มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นเทวดา คือ เป็นผู้มีหิริ ความละอายในการทำชั่วทั้งทางกาย วาจา และใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลบาปที่จะตามสนอง บุคคลเช่นนี้ จะไม่ทำความชั่วเลยทั้งต่อหน้และ ลับหลัง อีกทั้งยังเป็นผู้ฝักใฝ่ในการ ทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
๗. มนุสสอริโย มนุษย์ผู้เป็นพระอริยบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจ ปราศจากกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง มีจิตอยู่เหนือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เป็นอิสระจากทุกข์ ไม่หวั่นไหวด้วยอำนาจของโลกธรรม ๘ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์
เครดิต : หนังสือ “ระวังจะเป็นเปรต"