นักวิชาการ มธ. ชี้ ศึกซักฟอกฝ่ายค้านอาจไม่ล้มรัฐบาลทันที แต่สร้างแรงสั่นสะเทือนระยะยาว นับเป็นเวลาพิสูจน์ภาวะผู้นำนายกฯ อุ๊งอิ๊ง
https://thestandard.co/key-messages-censure-debate-2568/
.
.
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคมนี้ เป็นการเดิมพันทางการเมืองที่ฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งหวังถึงการล้มรัฐบาลในทันที แต่เป็นการ ‘ปลูกต้นไม้แห่งความไม่ไว้วางใจ’ ในใจประชาชน เพื่อหวังผลทางการเมืองในระยะยาว
การอภิปรายครั้งนี้เปรียบเสมือน ‘การสอบย่อย’ ที่ประชาชนเป็นผู้ให้คะแนน และข้อมูลที่ถูกนำเสนอจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
.
รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) วิเคราะห์ว่า ความคาดหวังทางการเมืองต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในปัจจุบันแตกต่างไปจากอดีตที่สามารถสร้างแรงกดดันรัฐบาลได้ สามารถปิดเกมกันในสภา หรือรัฐมนตรีบางรายถึงกับชิงลาออกไปก่อนเพราะไม่อยากถูกอภิปรายหรือถูกเปิดเผยข้อมูลกลางสภาในขณะที่ประชาชนทั่วทั้งประเทศรับชมอยู่ ทว่าในปัจจุบันทุกคนทราบดีว่าคงไม่สามารถล้มรัฐบาลผ่านการโหวตลงคะแนนเสียงได้
.
ฉะนั้นในการอภิปรายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคมนี้ ฝ่ายค้านย่อมทราบดีว่าตัวเองมีคะแนนเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) น้อยกว่ารัฐบาล จึงอาจจะไม่หวังผลให้รัฐบาลชุดนี้สิ้นสุดลงในทันทีที่จบการอภิปราย แต่หวังให้ผลพวงจากการอภิปราย การชี้ให้เห็นข้อบกพร่องและข้อผิดพลาด ถูกนำขยายต่อในเวลาถัดไปเพื่อสร้างแรงกดดันเป็นระยะๆ เปรียบได้กับการปลูกต้นไม้แห่งความไม่ไว้วางใจลงไปในใจประชาชน ซึ่งถือเป็นการหวังผลทางการเมืองในระยะยาว
.
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจในปัจจุบันก็เหมือนการสอบย่อยโดยมีประชาชนเป็นผู้ให้คะแนน เนื้อหาข้อมูลที่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลนำเสนอจะถูกนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งใหญ่ในครั้งต่อไป” รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าว
.
ล็อกเป้าแค่นายกฯ เป็นได้ทั้งวิกฤตและโอกาส
.
รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านล็อกเป้าอภิปราย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไว้เพียงคนเดียว ส่วนตัวมองว่าเป็นได้ทั้งวิกฤตและโอกาสครั้งสำคัญของแพทองธาร เพราะจะเป็นเวทีในการแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความสามารถ ศักยภาพ และการทำงาน ว่าแพทองธารทำงานจริงหรือไม่ และมีความเข้าใจในงานมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะแสดงออกผ่านการตอบคำถาม ดังนั้นหากทำได้ดีตอบได้กระจ่างก็จะลบคำปรามาสหรือข้อครหาเรื่องภาวะผู้นำลงไปได้ แต่หากทำได้ไม่ดีก็จะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
.
“ในฐานะนักวิชาการ สิ่งที่อยากเห็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้คือปฏิภาณไหวพริบ การโต้ตอบที่รวดเร็วทันควันของนักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยทั้งหมดต้องอิงอยู่บนฐานข้อมูลและข้อเท็จจริง เพราะสิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติพื้นฐานของนักการเมือง คนที่มีปฏิภาณไหวพริบดี-ตอบโต้ได้ดีในทันทีคือคนที่สอบผ่าน เมื่อโดนถามเขาจะตอบโต้ได้เลยหรือเปล่า หรือจะบอกว่าต้องรอข้อมูลก่อน หรือฝ่ายค้าน หากรัฐบาลแจงมาว่าสิ่งที่กล่าวหามีข้อมูลไม่ถูกต้อง ฝ่ายค้านสามารถโต้กลับได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความใส่ใจว่าเราทำงานจริง ถ้าทำงานจริงข้อมูลจะอยู่ในหัวโดยไม่ต้องรอรายงาน” รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าว
.
การกลับมาหลังการจางหาย
.
นักวิชาการธรรมศาสตร์กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งความน่าสนใจของศึกซักฟอกในครั้งนี้คือการกลับเข้ามามีบทบาทในสภาอีกครั้งของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเป็นหนึ่งในผู้อภิปรายของฝ่ายค้านภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐดูเหมือนจะจางหายไปจากความสนใจของสื่อและประชาชน จึงต้องจับตาดูว่า พล.อ. ประวิตร จะช่วยปลุกกระแสให้กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
.
ซักฟอก เวลานั้นใครจะดู
.
รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวถึง ช่วงเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคมนี้ มีการกำหนดระยะเวลาการอภิปรายในวันแรกไว้ที่เวลา 08.00-05.30 น. ส่วนตัวมองว่าไม่มีความเหมาะสม เป็นการจัดสรรเวลาที่ยึดเอาความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงประชาชนที่เฝ้ารอและติดตามการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์
.
“อภิปรายกันตั้งแต่ 08.00-05.30 น. แล้วเริ่มอภิปรายกันอีกครั้งตอน 08.00 น. ของอีกวัน คำถามก็คือแล้วจะให้ใครดู มันเหมือนกับการทำให้มันจบๆ ไป ไม่ได้คิดคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน อย่าไปบอกว่ามันสามารถดูย้อนหลังผ่าน YouTube หรือคลิป TikTok ได้ เพราะทุกคนอยากดูผล ณ เวลานั้น เกิดความรู้สึกเซอร์ไพรส์ต่อข้อมูล ณ เวลานั้น แต่ก็เป็นไปได้ว่าบริบทการเมืองอาจเปลี่ยนไป” นักวิชาการธรรมศาสตร์กล่าว
.
เอฟเฟกต์หลังซักฟอก
.
เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือการสั่นสะเทือนความเป็นปึกแผ่นภายในพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะยังคงผนึกกำลังกันแน่น เพราะตามหลักการคงไม่มีใครอยากจะกลับมาเป็นฝ่ายค้าน หรือเกิดการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ในเร็ววันนี้
.
คิดว่าหลัง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับ ครม. ซึ่งเป็นสไตล์การทำงานของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ที่น่าสนใจคือจะปรับแบบไหน ถ้าปรับบุคคลภายใต้โควตากระทรวงของพรรคเดิมก็ถือเป็นเรื่องปกติแต่ถ้ามีการสับเปลี่ยนโควตาของพรรคมีการแลกเปลี่ยนกระทรวงระหว่างกันอันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ที่สุดแล้วด้วยความเป็นปึกแผ่นของพรรคร่วมในขณะนี้ เชื่อว่าจะสามารถหาทางเจรจากันได้ในท้ายที่สุด
.
เมื่อถามอีกว่าพรรคประชาชนได้เน้นย้ำว่ามีหลักฐานในการมัดตัวรัฐบาลว่าจะดิ้นไม่หลุด และพร้อมจะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป สิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดแตกหักระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนหรือไม่ รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองย่อมต้องการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง และต้องการเข้าไปเป็นที่หนึ่งในใจคน ฝ่ายค้านจึงต้องแสดงบทบาทให้ประชาชนเห็นว่าเขาคือตัวเลือกที่ดีกว่าในการเป็นรัฐบาล และเหมาะสมจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร หากพรรคประชาชนพ่ายแพ้ ไม่ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง หรือชนะ แต่ไม่ขาด ก็จำเป็นต้องหาพรรคร่วม เมื่อถึงวันนั้นอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ เราจึงไม่สามารถพูดได้ว่าเพราะเหตุการณ์วันนี้จะทำให้ทั้ง 2 พรรค ไม่สามารถจับมือกันได้อีกเลย
.
.
5 ตัวตึง ซักฟอก นายกฯอิ๊งค์ -คนในครอบครัว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_858393/
.
อีกไม่ถึง 48 ชั่วโมง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” และบุคคลในครอบครัว ตามญัตติที่ฝ่ายค้านแก้ไข ก็จะเริ่มขึ้น หลายคนจับตาศึกซักฟอกครั้งนี้มากเป็นพิเศษ
.
เพราะเป็นการถูกอภิปรายครั้งแรกของ “นายกฯเจนวาย” ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องปกป้องเหมือนไข่ในหิน กับฝ่ายค้านลูกผสม พรรคประชาชน ที่เป็นคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหญ่ จากพลังประชารัฐ โดยมีตัวตึงหลายคนเตรียมทำหน้าที่ ในการซักฟอก และมีประชาชนเฝ้ารอชมผลงาน คนแรกเปิดฟลอร์ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคส้มลำดับ 4 ผู้นำฝ่ายค้านมาดนิ่ง พูดน้อย แต่อัดแน่นด้วยข้อมูล
.
จะเป็นคนเปิดศึกครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ผลงานว่า มีความเหมาะสมกับการเป็นผู้นำพรรคส้มต่อไปมากน้อยเพียงใด เพราะมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบ กับ 3 ผู้นำคนก่อน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ชัยธวัช ตุลาธน” โดยมองว่า “ณัฐพงษ์” ยังห่างชั้น ทั้งบารมี และผลงาน หากครั้งนี้ ทำได้ไม่ดี ก็อาจไม่ได้ไปต่อกับตำแหน่งนี้
.
คนต่อมา “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ในอดีตก็แทบไม่เคยมีบทบาทในการอภิปราย หรือชี้แจงในสภาเลย ถูกโจมตีขุดคุ้ย ว่าขาดประชุม ลาประชุม จนถูกร้องสอบจริยธรรม แต่ครั้งนี้จะเป็นผู้นำ ส.ส.พลังประชารัฐ อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯอิ๊งค์ ด้วยตัวเอง ในประเด็น MOU44 และ คาสิโน พนันออนไลน์ ในภาพรวม ต้องมารอลุ้นกันว่า จะมีท่วงท่า ลีลาอภิปรายเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร มักจะพูดน้อย และไม่ค่อยตอบคำถามอะไรยาวๆ ตอบแค่ “ไม่รู้ ไม่รู้ เท่านั้น”
.
คนที่ 3 “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ ฝีปากกล้า ของพรรคประชาชน นับเป็นตัวเอกที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก เพราะก่อนการอภิปราย “วิโรจน์” ก็ฝากผลงาน จนฝ่ายรัฐบาลต้องเรียงหน้ากันออกมาตอบโต้ จากการไปแซะ “นายกฯ” ไม่รู้สี่รู้แปด เพิ่มดีกรีการซักฟอกครั้งนี้ได้เป็นอย่างมาก เชื่อว่า ด้วยบุคลิกลักษณะ ของ “สส.วิโรจน์” ที่พูดจาเสียงดังฟังชัดหัวไว ไหวพริบดี ในการต่อปากต่อคำ ตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม หากถูกประท้วง ขัดจังหวะในการอภิปราย ส่วนเนื้อหาสาระต้องรอลุ้นกันอีกทีว่าจะยกประเด็นอะไรมาโจมตีนายกฯอิงค์ ในธีม”ดีลแลกประเทศ”
.
คนที่ 4 “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ซึ่งตามติดเกาะติดเรื่องปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มาอย่างต่อเนื่อง มีข้อมูล ด้านงานมั่นคง เรื่องตำรวจ เรื่องทหารเป็นอย่างดีรวมถึงเรื่องคนชั้น 14 การอภิปรายครั้งนี้ จึงน่าสนใจว่า เป้าถล่มนายกฯอิ๊งค์ ของ “สส.โรม” ที่ผลงานก่อนหน้านี้ มีข้อมูล หลักฐานค่อนข้างลึก เป็นที่ประจักษ์ และมีสำนวนโวหารเชือดเฉือน ในการอภิปราย จะหยิบยกเรื่องใดเป็นพิเศษ มาเชื่อมโยงความสัมพันธ์ บุคคลในครอบครัวนายกฯ แทรกแซง ครอบงำ ชี้นำ การบริหารประเทศ ว่าอย่างไรบ้าง ต้องรอติดตาม
.
ปิดท้ายคนที่ 5 “ศิริกัญญา ตันสกุล” บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน มือดีด้านเศรษฐกิจ เคยฝากผลงานไว้มากมายตั้งแต่สมัยอภิปรายรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” จนมาถึงรัฐบาลเพื่อไทย “สส.ไหม”ก็เป็นคู่ปรับตลอดกาลในเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่อง ดิจิทัลวอลเลต แจกเงินหมื่น ที่คัดค้านมาตลอด นำเสนอความเห็นต่างๆ และข้อมูลในเชิงสถิติ ว่าการแจกของรัฐบาล ไม่ได้ผล
.
ไม่สามารถเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ตามที่รัฐบาลพุ่งเป้าได้ ศึกอภิปรายครั้งนี้ ก็น่าจะเป็นอีกเวที ที่ “ศิริกัญญา” จะฟาดฟัน “นายกฯอิ๊งค์” รวมถึงบุคคลในครอบครัว เรื่องการบริหารประเทศแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้นอกจากคอการเมืองรอชมการอภิปรายของฝ่ายค้านแล้ว เชื่อว่า อีกส่วนหนึ่งก็รอติดตาม และให้กำลังใจนายกฯเจนวาย ในการชี้แจง ข้อสงสัยของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน นายกฯคนรุ่นใหม่ จะตอบได้ฉะฉาน ชัดเจนมากน้อยเพียงใด หรือฝ่ายค้านจะทำได้ดีกว่า ประชาชนเท่านั้น จะเป็นผู้ให้คำตอบ
.
.
JJNY : 5in1 นักวิชาการมธ.ชี้ศึกซักฟอก│5 ตัวตึงซักฟอก│สปส.เตรียมรับศึกซักฟอก│รับมือ ถ้าภูเขาฟูจิปะทุ│หาก“ไม่มีน้ำแข็ง”