JJNY : 5in1 ยื่นซักฟอก ไม่ทำตามสัญญา│4 ผู้ต้องขังถูกทำร้าย│‘กัณวีร์’ งงภาพกอด│TDRI แนะหยุดแจกเงิน│“ทรัมป์”หารือกับยูเครน

นักกิจกรรม ยื่นฝ่ายค้าน ซักฟอกรบ. ไม่ทำตามสัญญานิรโทษกรรม ด้านทนายแจม รับลูก ยันชัดมีแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5101451
.
.
‘กลุ่มนิรโทษกรรมประชาชน’ ยื่น ‘เท้ง’ ซักฟอกรัฐบาลประเด็นสิทธิเสรีภาพ-112 ด้วย ด้าน ‘ทนายแจม’ รับลูกยืนยันมีแน่
.
เมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 20 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา กลุ่มนิรโทษกรรมประชาชน ยื่นหนังสือถึง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในประเด็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน และคดีทางการเมืองด้วย เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมายังไม่มีการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด โดยมี น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรค ปชน. เป็นตัวแทนรับหนังสือ
.
โดยตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากในช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจถึงการทำงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พวกตนจึงอยากเรียนถึงนายณัฐพงษ์ ถึงสภาพปัญหาด้านสิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่เกิดขึ้น ปัญหาทางคดีความทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองก่อนหน้านั้น ทำให้มีคนออกมาชุมนุมประท้วงและใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองจำนวนมาก ซึ่งต้องถูกดำเนินคดี และมีหลายคนที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองออกไปต่างประเทศ มีอีกหลายคนที่ยังถูกจองจำในเรือนจำโดยไม่สมควรตั้งแต่แรก
.
ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เคยมองเห็นประเด็นดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัญหาและเคยกล่าวว่า เป็นประเด็นหนึ่งที่ต้องการจะแก้ไข แต่ขณะนี้ใกล้จะครบ 2 ปี แต่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรค พท.ตั้งแต่ยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนมาถึง น.ส.แพทองธาร ยังไม่เห็นว่า ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระ 2568-2570 ซึ่งมีภารกิจในการจัดการสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนให้เป็นไปตามพันธกิจด้านสิทธิมนุษยชน
.
ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงรัฐไทยสามารถดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหาให้เบาลง เพื่อคุ้มครองสิทธิให้สอดคล้องตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล และข้อเสนอจากองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็นและการแสดงออกสหภาพยุโรปและการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามวาระครั้งล่าสุดในปี 2564 แนะนำให้ประเทศไทยใช้มาตรา 112 และระบุว่าควรมีการนิรโทษกรรมผู้ต้องขังคดีการเมือง แต่รัฐบาลกับเลือกที่จะไม่ทำอะไรให้เป็นรูปธรรมเลย ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม และทำให้ประเทศได้รับความเสียหายในเชิงเศรษฐกิจและสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
.
ดังนั้นจึงอยากฝากให้นายณัฐพงษ์เห็นถึงปัญหาดังกล่าวและฝากเสียงของผู้รักในเสรีภาพและประชาธิปไตยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ โดยหวังว่าคดีทางการเมืองของทุกคนจะได้รับการแก้ไขอย่างเร็ววัน และการออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีความทางการเมือง โดยรวมคดีมาตรา 112 ด้วย เพราะ 1 วันที่ยังไม่ดำเนินการคือ 1 วันที่พวกเขาเสียสิทธิเสรีภาพไป” ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าว
.
ด้าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมทางการเมือง กล่าวว่า จริงๆ น.ส.แพทองธาร เป็นคนที่รู้เรื่องหรือพูดว่ารู้สี่รู้แปดก็ได้ เพราะเคยพูดหาเสียงว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะขอร้องต่อศาลหรือขอความเมตตาจากศาลเพื่อปล่อยตัวพวกเขา รวมถึงแก้ไขมาตรา 112 และนายเศรษฐาก็เคยกล่าวไว้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงอยากให้เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปรายว่าสิ่งที่เคยหาเสียงไว้นั้นไม่ได้ดำเนินการและขณะนี้สถานการณ์ของผู้ต้องขังทางการเมืองก็เลวร้ายลงไปด้วยการที่มีการย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไปที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งเป็นที่คุมขังนักโทษประหารชีวิต ซึ่งเรื่องนี้เราเห็นว่าทางกรมราชทัณฑ์รวมถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม การย้ายผู้ต้องเช่นนี้เป็นการกลั่นแกล้งให้ได้รับความทุกข์ทรมานหรือมีเจตนาแฝงฆาตรกรรมคนเหล่านี้ด้วยหรือไม่ จึงอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้
.
ด้านน.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะมีการบรรจุเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหัวข้ออภิปราย ส่วนเรื่องการย้ายเรือนจำนั้นตนและนายณัฐพงษ์ได้เข้าไปเยี่ยมนักโทษทางการเมืองเป็นการส่วนตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยหนึ่งในบทสนทนาเป็นเรื่องของการย้ายเรือนจำ ซึ่งนักโทษทางการเมืองก็มีความประสงค์ว่าจะไม่ย้ายเรือนจำ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ต้องขังอุกฉกรรจ์แต่เป็นผู้ต้องขังทางความคิด ซึ่งปัจจุบันการอยู่ในเรือนจำก็มีความยากลำบากแล้ว เขาจึงของเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน และวันนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็รับปาก รวมถึง ผบ.เรือนจำพิเศษด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการรับปากในวันนั้นจะเป็นการรับปากส่งๆ หรือไม่ เพราะหลังจากนั้นก็มีการย้ายผู้ต้องขังทางการเมืองไปเรือนจำอื่น
.
น.ส.ศศินันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในส่วนของรัฐบาลสิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้คือการกำหนดนโยบายซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอกฎหมายนิรโทษกรรมหากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ลองคิดว่าทุกคนที่อยู่ในเรือนจำเป็นญาติพี่น้องของท่าน หากเป็นเช่นนั้นท่านจะดำเนินการอย่างไร
.

.
4 ผู้ต้องขังทางการเมือง อารยะขัดขืน ปฏิเสธย้ายไปเรือนจำบางขวาง กลับถูกทำร้ายร่างกาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5101814
.
4 ผู้ต้องขังทางการเมือง อารยะขัดขืน ปฏิเสธย้ายไปเรือนจำบางขวาง หวั่นไม่ปลอดภัย กลับถูกทำร้ายร่างกาย ล่าสุดโดนย้ายไป 3 คน แยกแดนกันอยู่
.
จากกรณีแฟจเพจ Elevenfinger ของ บุ๊ค ธนายุทธ และ Get Surariddhidhamrong ของ นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้ต้องขังทางการเมือง ระบุตรงกันว่า
.
4 ผู้ต้องขังทางการเมือง ประกอบด้วย เก็ท (ผู้ต้องขังคดี ม.112), บุ๊ค (ผู้ต้องขังคดีครอบครองวัตถุระเบิด), ก้อง (ผู้ต้องขังคดี ม.112), จอย (ผู้ต้องขังคดี ม.112) ทำอารยะขัดขืน เพราะไม่สมัครใจย้ายไปเรือนจำบางขวาง เนื่องจากผู้ที่มีรายชื่อย้ายเรือนจำโดยไม่แจ้งล่วงหน้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่อุ้มตัว ล็อกคอ ได้รับบาดเจ็บ โดยปรากฏรอยช้ำและรอยขีดข่วนนั้
.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยสถานการณ์ภายหลังทนายความเข้าเยี่ยมเก็ทเมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) ซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
โดยเก็ทบอกกับทนายความว่า วันนี้ตอนเช้า พวกเราทราบว่ามีว่าก้อง (อุกฤษฏ์) กับบุ๊ค (ธนายุทธ) มีรายชื่อถูกย้ายเรือนจำ ผมจึงถาม ก้อง บุ๊ค ว่าอยากย้ายไหม ซึ่งทั้งสองคนไม่อยากไป เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ผมจึงบอกว่าถ้างั้นพร้อมไหม ถ้าเราจะทำการอารยะขัดขืน คือถ้าสมมุติเจ้าหน้าที่มาอุ้มเราไปเนี่ย เราก็จะคล้องแขนกันไว้ หากจะไปก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด
.
เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ที่แดน 4 ผู้ช่วย (ผู้ต้องขังด้วยกันเอง) เดินมาเรียก ก้อง บุ๊ค ให้ไปเตรียมตัวเพื่อย้ายไปเรือนจำอื่น ก้อง บุ๊ค และผม แจ้งไปว่าเราไม่ไป ผู้ช่วยจึงเดินกลับไป
.
จากนั้นพี่หนุ่ม (สมบัติ) จึงมาเรียกพวกผมทั้งสามคนให้ไปคุยกับ ผบ.แดน 4 พวกเราจึงคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ถ้าจะอารยะขัดขืนตรงนี้ เค้าจะมาอุ้มไปเลย สรุปพวกเราจึงไปคุยกับ ผบ.แดน 4 ก่อน
.
ผบ.แดน 4 แจ้งว่า ผบ.แดน 4 ไม่มีอำนาจเรื่องให้ย้ายเรือนจำ ถ้าอยากเจรจา พูดคุยเรื่องนี้ ให้ไปคุยกับ ผอ. ตอนแรกบอก ผบ.จะให้ไปแค่ก้องกับบุ๊ค ผมจึงบอกว่าผมไม่ไว้ใจ จึงยอมให้ผมไปด้วย เพราะผมไปที่หน้าห้อง เจอพัศดี แต่มี ผอ.ออกมาคุยแล้วบอกว่าให้ไปรอที่หอประชุม
.
พวกเราจึงเดินไปที่หอประชุม มีผู้คุมเดินเข้ามาคุยโดยใส่ชุดสีกากีสามคน สองคนไม่ติดชื่อ อีกหนึ่งคนติดชื่อ แต่ตัวเล็กมองไม่เห็น ถามผมว่ามีชื่อย้ายเรือนจำใช่หรือไม่ ถ้ามีชื่อก็ไปนั่งต่อแถวเลย ผมแจ้งว่าผมไม่มีชื่อย้าย แต่จะมาคุยกับ ผอ. โดยที่ห้องประชุมนั้นมีการเตรียมผู้ต้องขังที่จะย้าย มีผู้คุมประมาณ 7-8 คน รวมสามคนที่เข้ามาคุยกับผม
.
ในระหว่างนั้นมีพี่จอย (สถาพร ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112) ที่อยู่แดน 8 เดินเข้ามาด้วย พี่จอยมีชื่อถูกย้าย จึงถามพี่จอยว่าอยากย้ายเรือนจำไหม ถ้าพี่จอยไม่อยากย้าย ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ไป และอยู่ด้วยกันตรงนี้ พี่จอยก็บอกว่าเขาไม่อยากไป
.
จากนั้นกลุ่มผู้คุมก็เดินกันเข้ามา นำโดย ผอ. ผมได้บอกว่าพวกเราไม่อยากย้ายเรือนจำ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย คนที่ถูกย้ายไปคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกาอยู่เลย แล้วถ้าพวกเขาชนะคดีขึ้นมา ความรู้สึกที่เสียไป ความปลอดภัยระหว่างถูกย้ายจะเอายังไง
.
จากนั้นมีการโต้เถียงประเด็นเรื่องย้ายเรือนจำจะไม่ปลอดภัยอย่างไร จนมีผู้คุมคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ให้จับแยกเลย หากไม่ยอมก็ให้อุ้มไปเลย ผม ก้อง และบุ๊ค จึงคล้องแขนกันแล้วนั่งลง ทำการอารยะขัดขืน ผมไม่แน่ใจว่าพี่จอยคล้องแขนกับใคร
.
จากนั้นผู้คุมก็เข้ามาล็อกคอ ล็อกแขน ล็อกขา เข้ามาเบียด เข้ามาแทรก แล้วแยกตัวพวกเราทั้งสามคนออกจากกัน ผมถูกล็อกคอแล้วก็ยกขาขึ้น แล้วก็อุ้มเดินออกไป ผมเลยตะโกนว่า พวกเราถูกทำร้าย
.
มันชุลมุนมาก เพราะเจ้าหน้าที่เบียดเข้ามาหลายคน จนผมมองไม่เห็นเพื่อนคนอื่น ผมถูกอุ้มออกไปจากห้องประชุมในลักษณะที่มีการล็อกคอ จับแขน จับขา ผมไม่แน่ใจว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งหมดกี่คน แต่มันเบียดกันแน่นมาก ซึ่งตอนจังหวะที่เบียดนี่แหละที่ผมตะโกนว่า พวกเราถูกทำร้าย
.
ผอ.จึงบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าทุกคนอย่าทำร้ายน้อง และให้ผู้ช่วยเอากล้องมาถ่ายระหว่างที่พาพวกผมออกไป ซึ่งเข้าใจว่ามีการบันทึกตลอดทาง เมื่อออกจากหอประชุม เจ้าหน้าที่ก็ส่งตัวผมให้ผู้ช่วย ซึ่งผู้ช่วยทั้งหมดก็มาอุ้มตัวออกไป แล้วพยายามบอกให้ใจเย็นๆ พวกเรามีน้อย สู้ไม่ได้หรอก
.
ได้ยินผู้คุมตะโกนว่าเอาไปไว้ที่แดน 2 ผู้ช่วยก็อุ้มผมไป โดยที่มีผู้คุมเดินประกบอีกที ระหว่างทาง ผมยังตะโกนบอกว่ามาถ่ายอะไรตอนนี้ ตอนที่ใช้ความรุนแรงไปแล้ว
.
เมื่อมาถึงแดน 2 ผู้ช่วยก็วางตัวผมลงกับพื้น ผบ.แดน 4 ก็มาหา เอาเก้าอี้มาให้นั่ง และบอกให้ใจเย็นๆ ผมบอกทำนองว่า พี่เคยบอกว่าอย่าด้อยค่าเรือนจำ แล้วดูพวกพี่ทำ แล้วผมก็เห็นว่าตัวเองไม่มีแว่น จึงให้คนไปหาแว่นให้ผม แล้วให้ผมนั่งรออยู่ที่แดน 2
.
จนเวลาเกือบ 11 โมง จึงมีเจ้าหน้าที่จากแดน 4 มารับตัวผมกลับแดน มีเพื่อนๆ เข้ามาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ผมจึงเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรบ้าง ทุกคนจึงช่วยกันดูว่าผมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พบว่าที่หลังผมมีรอยแดง และที่สีข้างมีรอยถลอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่