อาศัยความกลัดกลุ้มที่หนาแน่น ทั้งเบียด ทั้งห้อมล้อม
ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ว่าจะขอดูว่ามันจะไหลไปไหนบ้างแต่ละช่วง ขณะ
ขณะที่สังเกตุ ก็เห็นมันไปไปรู้มั่วซั่วไปหมด อะไรกระทบนิดๆหน่อย มันคอยไปจับเอาสิ่งเหล่านั้น
จนเห็นมันยุบยับทั่วทั้งกายใจ ไม่เว้นแม้แต่ความคิด มันเอาหมดไม่เลือก
ยิ่งตามสังเกต ยิ่งเหมือนห่างออกมาเรื่อยๆ ห่างออกมาเรื่อย จนเห็นว่าอาการกาย อาคารคิด อาการรู้ เหมือนเครื่องแมชชีนที่ทำงานไปตามกระบวนการ ส่งต่อกันไปมายุบยับไม่หยุด มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว
จึงปล่อยให้มันทำงานไปตามกระบวนการ ไม่ไปถือเอากระบวนการนั้นเป็นสาระ
เมื่อวาง ไม่ใส่ใจสิ่งที่ปรากฏ จึงมีลักษณะ ตัดแฟล่บๆๆๆ อิสระจากกระบวนการ
ความหนาแน่น ห้อมล้อม อะไรๆก็ไม่มี หวนไปนึก สิ่งที่มักทำให้หนาแน่น จนเป็นนิสัย ก็ไม่มี
เพราะหมดความเชื่อแบบเดิมๆไปซะแล้ว
สิ่งที่เกิด ก็เป็นกระบวนการนึง ซึ่งมันเกิดขึ้นได้จริง จากการเห็นถึงความจริงเหล่านี้เท่านั้น
แต่อาการที่พ้นจากการหนาแน่นห้อมล้อม แบบนี้ ก็ไม่รุ้มันจะตีรวนพากลับไปแน่นๆหนักๆอีกหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่าอะไรจะเป็นเหตุให้วนกลับไปรู้สึกถึงมันอีกครั้ง ต้องรอสังเกตุกันต่อไปอีก
เมื่อไม่ไหลไปกับสิ่งที่เรียกว่าจิต จึงเห็นความจริงของมัน กระพริบๆๆ กระชากออก
ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ว่าจะขอดูว่ามันจะไหลไปไหนบ้างแต่ละช่วง ขณะ
ขณะที่สังเกตุ ก็เห็นมันไปไปรู้มั่วซั่วไปหมด อะไรกระทบนิดๆหน่อย มันคอยไปจับเอาสิ่งเหล่านั้น
จนเห็นมันยุบยับทั่วทั้งกายใจ ไม่เว้นแม้แต่ความคิด มันเอาหมดไม่เลือก
ยิ่งตามสังเกต ยิ่งเหมือนห่างออกมาเรื่อยๆ ห่างออกมาเรื่อย จนเห็นว่าอาการกาย อาคารคิด อาการรู้ เหมือนเครื่องแมชชีนที่ทำงานไปตามกระบวนการ ส่งต่อกันไปมายุบยับไม่หยุด มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว
จึงปล่อยให้มันทำงานไปตามกระบวนการ ไม่ไปถือเอากระบวนการนั้นเป็นสาระ
เมื่อวาง ไม่ใส่ใจสิ่งที่ปรากฏ จึงมีลักษณะ ตัดแฟล่บๆๆๆ อิสระจากกระบวนการ
ความหนาแน่น ห้อมล้อม อะไรๆก็ไม่มี หวนไปนึก สิ่งที่มักทำให้หนาแน่น จนเป็นนิสัย ก็ไม่มี
เพราะหมดความเชื่อแบบเดิมๆไปซะแล้ว
สิ่งที่เกิด ก็เป็นกระบวนการนึง ซึ่งมันเกิดขึ้นได้จริง จากการเห็นถึงความจริงเหล่านี้เท่านั้น
แต่อาการที่พ้นจากการหนาแน่นห้อมล้อม แบบนี้ ก็ไม่รุ้มันจะตีรวนพากลับไปแน่นๆหนักๆอีกหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่าอะไรจะเป็นเหตุให้วนกลับไปรู้สึกถึงมันอีกครั้ง ต้องรอสังเกตุกันต่อไปอีก