เตือนภัย นายจ้างไม่ยอมส่งทวิ 50 ให้ค่ะ (และเรื่องอื่นๆภายในที่แย่มากๆ)

สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนเบื้องต้น เราเป็น มนุษย์เงินเดือนปกติ ที่ได้รับผลกระทบ ช่วง ต้นปี 2024 และโดน เลออฟ จากบริษัทหนึ่ง (ซึ่งไม่ใช่บริษัทที่เป็นประเด็นในกระทู้นี้) ต่อมา เราจึงเร่งสมัครหางาน และเราด็ได้งาน ภายใน 1 เดือน ที่บริษัทหนึ่ง (บริษัทนี้แหละที่เป้นประเด็น) ซึ่งก็มีชื่อติดหูคนฟังวิทยุอยู่บ้าง เป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ บ้านและที่อยู่ศัย ย่านลาดพร้าว-รัชดา สีแดง จะขอให้ดีเทลแค่ประมาณนี้เพื่อความปลอดภัยของตัว จขกท.นะคะ 

   ตอนแรกเราลังเล เนื่องจาก เราเองก็มีเพื่อนที่ทำงานภายในองค์กร นี้มาก่อน เขาก็เล่าห้เราฟัง (และใช่ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีค่ะ)
ซึ่งเราก็ต้องเก็บมาพิจารณา แต่ด้วย ตำแหน่งที่สูงขึ้น + เงินเดือนที่ให้มาก (พอสมควร) จึงตัดสินใจ เออ ทำไปก่อนก็ได้วะ.... และนั่นแหละค่ะ
จุดเริ่มต้นความป่วงของเรื่องราวครั้งนี้
   
    รีวิวรวมๆ ระหว่างเริ่มงานจนถึงวันสุดท้ายที่ทำ รวมๆ ข้อดีมีแค่ เพื่อนร่วมงาน ค่ะ อ่อแล้วก็ พนักงานที่เป็น แม่บ้านและ รปภ. ก็น่ารักทุกคน นอกนั้น เราบอกได้คำเดียวว่า ที่นี่ สังคมนายบ่าว เช้าชามเย็นชาม  (ค่อนข้างเป็นฟิลละครมากๆ ถ้าอวยนาย = นายรัก  เออใช่ แล้วทุกคนเรียกเจ้าของว่า นาย  ใช่ค่ะ สำหรับเราคือแปลก เราอยู่สังคมลูกจ้างมาตลอด มีคือ ลูกพี่ลูกน้อง หัวหน้า ลูกน้อง ไม่ใช่ นายบ่าว แบบนี้ )
 
   เรื่องที่ 1 - คือ ในการทำงานเค้าให้เราตั้ง KPI ของตัวเอง และเราสามารถดู KPI ของคนอื่นๆก่อนหน้าเราเพื่อเป็นตัวอย่างได้
และปรึกษากับคนใตำแหน่งเดียวกันได้ เราก็เสนอไปในแบบปกติ และ ตามดุลยพินิจของเรา ว่า สามารถทำให้ได้ทัน ภายใน ระยะเวลา ทดลองงาน
แต่พอเสนอไป เค้ากลับบอกเราว่า น้อยไป จะเอาทั้งหมด ภายใน 3 เดือน (ซึ่งทั้งหมดคือ ต้องใช้กรอบเวลาของ 6 เดือน โดยประมาณ ซึ่งมันเป้นไปไม่ได้อยุ่แล้วค่ะที่จะทำเสร็จภายใน 3 เดือน )  ทุกคนในแผนก ยัง งง ว่าทำไมให้ทำเยอะขนาดนั้น

   และใช่ค่ะ เราทำไม่ทัน และเค้าแจ้งว่าเราไม่ผ่านโปร ใน เดือนที่ 2 (ก่อนครบช่วงทดลองงาน 30 วัน และเค้าเสอนให้ต่อโปร เราจึงตกลง
แต่ก็มีเรื่องน่าสงสัยคือ 
1. เค้าบังคับให้เราเซ็นต์ลาออกจาก บ.ที่เราสมัครเข้าไปและทดลองงานอยู่
2. เค้าให้เราเขียนสมัครงานใหม่ ในบริษัท เครือของเค้า (ที่ตั้งอยู่ ราชบุรี เรามาสืบประวัติ เรายัง งง เลย) แต่เราถามเรื่องสวัสดิการและเงินเดือน เค้าบอกได้ตามปกติ และยังบอกอีกว่า หลังจากผ่านโปรจะทำการย้ายกลับมาบ. เดิม ซึ่งมันแปลกมาก 

บอกตรงๆ มันน่าสงสัยตั้งแต่ตรงนี้แล้ว (เราเข้าใจว่าเค้าต้องการจะเลี่ยงกฏหมายแรงงาน เรื่องวันทำงาน และค่าชดเชย แต่เค้าจะทำเพื่ออะไร ในเมื่อ เรามีเอกสารสัญญาชัดเจนว่า เราเข้าทำงานและเริ่มงานวันไหน พร้อมทั้งมีการสแกนนิ้วเข้างานทุกวัน และใช่ เราแคปข้อมูลเก็บไว้ทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น)  แต่เราก็โอเค ยอมทำตามที่เค้าบอกไปก่อน เพื่อประวิงเวลาในการหางานใหม่

เรื่องที่ 2 - ช่วงทดลองงาน บริษัทนี้ เราไม่สามารถลากิจได้ค่ะ ซึ่งมันผิดกฏหมายชัดๆอยู่แล้ว ไม่เชิงว่าลาไม่ได้ แต่ถ้าลา คือหักเงินทุกกรณี
ซึ่งว่ากันตามกฏหมายจริงๆ มันห้ามหักค่ะ  ควรเป็นการตักเตือนหรือบอกกล่าวได้ค่ะถ้าลามากเกินตามความสมควร
และลาป่วย 1 วัน ก็ต้องมี ใบรับรองแพทย์ค่ะ ซึ่งตามจริงแล้วจะต้อง 3 วัน ตามที่ทุกท่านน่าจะทราบ แต่ที่นี้ 1 วันต้องมี ถ้าหากไม่มี ก็ หักเงิน เช่นกันค่ะ
อันนี้ก็ห้ามหักค่ะ เช่นเดียวกับลากิจ
ซึ่งเราเอง มี ลากิจ 2 ชม. ก่อนเลิกงานเพื่อไปงานศพ กับ ลากิจ 1 วัน เพราะเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงลาป่วย 1 วัน ประมาณ 3 ครั้ง  1 ครั้งแรก เรามีใบรับรอง
เพราะป่วยหนักไป รพ. ค่ะ  ส่วนอีกสองครั้งไม่มี  และใช่ ทั้งหมดนี้เราถูกหักเงิน
และ มาสาย ก็หักเงินค่ะ แต่ทางเอชอา ไม่แจ้งรายละเอียด หรือ % ในการหักแก่ พนักงาน  เอาจริงๆตามกฏหมายก็ห้ามหักส่วนนี้เช่นกันค่ะ
(ที่มั่นใจเพราะ เราไปร้องเรียนกับกรมแรงงานจนได้เงินที่เค้าหักไปมาจนครบทุกบาทค่ะ ใครที่โดนเอาเปรียบอยุ่ ลองไปปรึกษากรมแรงงานดูนะคะ )

   เรื่องที่ 3 - ต่อมา (หลังจากเหตุการณ์เรื่องที่ 1) ในการทำงาน เราเริ่มถูกว่ากล่าว และ ถูกใส่ร้ายในเรื่องของการทำงาน ที่บอกว่าที่ถูกใส่ร้ายคือ
เช่น งานของเรา ต้องได้รับการ Approve จากอีกฝ่ายก่อน เราก็ทำตามขั้นตอนไป จนแล้วเสร็จแต่ พอจู่ๆ มามีปัญหาในเรื่องคนที่มีอำนาจตัดสินใจ
ฝ่ายเรา เคยตัดสินใจไปแล้วว่าเลือกแบบนี้ เราจึงส่งข้อมูลทุกอย่างไปตามนั้นเพื่อให้ฝ่ายอื่น Appove 
แต่จู่ๆ ก็มากลับคำ และบอกว่า ไม่ได้อนุมัติแบบนี้ และ สั่งแก้งาน พร้อมทั้ง ทำให้งานเราไม่สามารถส่งออกได้ทันตามเวลาและ KPI ที่ตั้งไว้
และมีอีกหลายๆเรื่อง ที่คล้ายๆกันนี้ ขอไม่ลงรายละเอียด
   
   30 วันผ่านมา (ทางบริษัทต้องแจ้งเรื่องทดลองงานของเรา) เค้าก็ยังไม่มาแจ้งเราว่า ผล ทดลองงานที่ผ่านมาเป็นไง
แต่แต่แต่ วันหนึ่ง มีเพื่อนสนิทเราสมัยมหาลัย โทรมาปรึกษาว่าบ. ที่เราทำอยู่เป็นอย่างไร
เราจึงสงสัยและถาม เพื่อนเราจึงบอกว่า รุ่นน้องนาง สมัครและจะมีสัมภาษบ. เรา เราจึงถ้าตำแหน่งไหน นาวงก็บอกไม่แน่ใจแต่ เป็นตำแหน่งประมาณเรา และ ถามเราว่ามีคนออกหรอ เราจึงบอกว่าไม่มีนะ  เพื่อนเราจึงบอกว่า แต่เอชอาบอก มีคนออก เนื่องจากเสียชีวิต ....

   พอจบประโยคนี้เรายอมรับ หูดับนิดนึงค่ะ ... (เราคิดว่ายังไงก็คือเราค่ะ) และพูดกับเพื่อนไปว่า มืง ตอนนี้ในทีม ไม่มีใครตายเลยนะ
และจบสนทนากับเพื่อนไปแบบ ก็ลองดูๆๆ ไรงี้ค่ะ และ เดินไปถาม หัวหน้างานเราว่า "มีอัพเดทยังค่ะเรื่อง ทดลองงาน"
(ส่วนตัวรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ โมโหจนหน้ามืดค่ะ เพราะถ้าปล่อยวันเวลาผ่านไปแบ้วเค้าไม่แจ้ง จรเลยวันมีให้ครบ 120 วัน เราจะได้ค่าชดเชยโดนปริยาย
แต่ด้วยความร้อน เลยเผลอทำตัวมั่นหน้าไป อันนี้สำนึกผิดแล้วจริงๆค่ะ ลืมเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ทางกฏหมายไปชั่วขณะจริงๆ)
และภายในวีคนั้น หัวหน้างานเราก็มาแจ้งว่าไม่ผ่านค่ะ  (ตามที่คาด) และ วีคถัดไปเราก็รอ เอชอามาเรียกไปดำเนินการ และตกลง
เรื่องราวสนุกๆ คือตอนนี้ค่ะ

   เรื่องที่ 4 -  จากเหตุการณ์ที่ 3 หัวเอชอาก็เรียกเราไปคุย ตอนแรก เค้าก็ถามดีค่ะว่าเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้าง เราก็เล่าไป
เค้าก็ พูดจาดีค่ะ แต่ตอนจะจบ เคา้บอกว่าจะให้เราออกเลย ภายในเดือน ซึงตามปกติทำไม่ได้ค่ะ เค้าต้อง ให้เราทำงานไปอีก 1 เดือนหลังแจ้ง
หรือ ถ้าจะให้เราออกเลย เค้าต้องจ่ายค่าตกใจใฝห้เรา 1 เดือน รวมถึงทำงานไปจนจบเดือนปัจจุบัน
พอเค้าจั่วมาว่าจะให้ออกเลย เราจึงเราถามในเรื่อง ค่าสินไหมตกใจ (เพราะเป็นสิทธิ ตามกฏหมายนะคะ ถ้าใครไม่ทราบ ที่เราทราบและศึกษาไว้เยอะ เพราะ บ.ไทย เหลี่ยมมันเยอะและเราค่อนข้างเจอมาเยอะค่ะ อันนี้แนะนำให้ทุกท่าน ศึกษาเอาไว้ให้เข้าใจเลยนะคะ)

   เอชอา ไม่ตอบอะไร และเบี่ยงประเด็นไปบอกว่า เรา ทำให้บริษัทเสียหายรายได้หลายล้าน (ซึ่งตามจริงแล้วเค้าไม่สามารถเอามูลค่าในอนาคตมาใช้ได้ค่ะ เพราะมันยังไมใาเกิดขึ้นจริง ทำออกมาก็ไม่รู้จะขายได้ตามเค้าบอกมั้ย ความเสียหายที่เอามาอ้างได้ จะต้องสำแดงออกมาเป็นรายได้ได้จริงจัง เห็นจะจะ  ณ ตอน เหตุที่เกิดค่ะ เช่น เราทำ บริษัทไฟไฟม้ เป็นต้นค่ะ ) ใช่ค่ะ ที่เอชอาพูดมา คือการข่มขู่
และอีกทั้ง เค้ายังบอกให้เรา ยอมเซ็นลาออกเถอะจะได้ไม่เสียประวัติ ( เรา คิดในใจ มุกเก่าเลยนะแม่ 55555)

   แต่เราก็บอกว่า เดี๋ยวขอเอกสารไปพิจารณาและเขียนนะคะ  แล้วก็ออกมาจากห้อง  (ตอนนั้นค่อนข้างสับสน แต่ก็ โล่งใจ 5555  แต่หนักใจแค่เรื่องจะบอกพ่อแม่ไงดีวะ 55555) และเราก็โที่หาพ่อแม่ค่ะ เราปรึกษาว่าควรยังไง ในใจเราตั้งใจว่า จะไม่เซ็น และจะไปกรมแรวงานพร้อมหลักฐาน สลิปเงินเดือน และ เอกสารการว่าจ้าง ทั้ง 2 ครั้ง และ รายละเอียดการเข้าทำงาน ทั้งหมด มันรวม 90 วันแล้วค่ะ 
แต่พ่อก็พูดขึ้นมาว่า แต่ถ้าไปแจ้ง มีเรื่องกันก็ต้องเสียค่าทนาย อะไรทำนองนี้ และเสียเวลาด้วย จะเอาหรอ หรือยอมเซ็น แล้วเรื่องจบมั๊ย
เลยแอบทำให้เราลังเลเล็กน้อยค่ะ
และในเย็นวันนั้น เอชอาคนนั้น โทรจิดตามเราและบังคับให้เราเซ็นภายในวันนี้ ให้ได้ค่ะ ตอนแรกเราจะไม่เซ็นให้ แต่ ไม่รุ้ ผีอะไรเข้า แลบ้ว ขก. มีเรื่องเฉย
จึง เออเซ็นๆยิ้มไปแล้วกลับบ้าน จบ (นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดเลยค่ะ ยอมรับ)

   หลังจากนั้นเรื่องราวก็ ดำเนินไป จนถึงวันสุดท้าย ก็ปกติดีค่ะ (อ่อ ลืมบอกว่าเรามีการถามเรื่องเงินเดือนเข้าอะไรงี้ไว้ด้วย เราก็รอเงินเข้าค่ะ)
แต่พอวันเงินเดือนเดือนสุดท้ายเข้า เราถูกหักเงินไปมากกว่า 50% ของเงินเดือนเราค่ะ (หลักหมื่น)... ซึ่งเราไม่พอใจ มากๆ และ งง ว่า หักอะไร?
เพราะ วันที่เหลือตามที่คุย ว่าจะไม่นำมาหักเพราะเค้าต้องการให้เรามาทำวันสุดท้ายก่อนวันตัดเงิน แต่โดนหักไปขนาดนี้ วิญญานนักสู้และแรงอาฆาต ก็กลับมาค่ะเราจึง ทำการไป 2 เรื่องค่ะ 

1. เราโทรไปแจ้งว่า บ. นี้ใช้โปรแกรมเถื่อนพร้อมรุปหลักฐาน...

2. ไป กรมแรงงานและ ยื่นเรื่องทั้งหมด ตามที่เล่ามาค่ะ
แต่กรมแรงงานบอกเราว่า ทราบใช่มั๊ยว่าในส่วน เงินค่าตกใจ เราจะไม่ได้ แต่ถ้าจะเอาต้องฟ้อง เราก็รับทราบ เลยเลือกแจ้งเรื่อง ขอเงินคืนทั้งหมดที่ บริษัทนี้หักเราไป ไม่ว่าจะเป็น เงินที่หักอะไรก็ไม่รู้ในงวดสุดท้าย รวมถึง ที่หัก วันลา และมาสายของเรา เรามานั่งคัดสำนวน และหลักฐานให้กรมแรงงานเป็นรายวันเลยค่ะ ตามสลิปเงินเดือนแต่ละเดือน และร้องเรียนไปด้วยว่า่ บ. นี้ เอาเปรียบพนักงานทั้งหมด และ กรมแรงงานยังพูดเลยว่า ที่เค้าทำกับเราตั้งแต่เรื่องไม่ผ่านโปร คือผิดกฏหมายเต็มประตูอยู่แล้ว ยังไง ก็น่าจะได้เรื่อง

   ผ่านไป 1-2 เดือน มั้ง จำไม่ได้ กรมแรวงานโทรมาแจ้งว่า เราจะได้เงินคืนทั้งหมดที่โดนหักไป และ เค้าจะติดต่อให้เราไปรับ
และเราก็ไปรับตามแจ้งค่ะ

   ยังไม่จบ เรื่องถัดมาหลังจากจบเรื่องกรมแรงงาน เรามีหน้าที่ต้องสำแดงรายได้ ยื่นภาษี เนาะ เราจึงขอเอกสาร ทวิ50 กับ บรษัทไป ผ่านทางเอชอา
ครั้งแรก เค้าแจ้งว่า น่าจะส่งให้ได้ช่วงต้นปีหน้า ( ปี 68 ) เราจึงตอบโอเคได้ค่ะ (ตามจริงเค้าต้องส่งตามมาให้เราภายใน 1 เดือนหลังเราออกนะคะ เพราะเราไม่ได้ทำงานครบปี แต่เราอรุ่มอร่วยให้ได้ ไม่เป็นไร)

ครั้ง 2 เราทักไปหลังปีใหม่ เอชอาแจ้งเราว่า น่าจะได้ ไม่เกิน 15 ก.พ. 68 เราก็ คิดนะ ว่านานจัง แต่ก็โอเค เพราะยังอยู่ในระยะเวลาตามกฏหมาย

ครั้ง 3 ผ่าน 15 กพ. ไป ไร้วี่แวว วีคถัดมา 17/2/68 เราทักไปอีก เอชอาบอก แผนกที่ทำไม่มาทำงานวันนี้ น่าจะได้ภายในวีคนี้แหละค่ะ เราเลยรอจน ครบวีค

ครั้ง 4 จันทร์ถัดมา 24/2/68 เอชอาแจ้งว่า ส่งออกให้แล้ว แต่เราขอเป้นเอกสารดิจิต้อลด้วยเนื่องจากจะเอามากรอกข้อมูลภาษีก่อน เค้าก้บอก เดี๋ยวจะเร่ง และตามให้ ได้ภายในอาทิตย์นี้ (อีกเช่นเคย)

ครั้งที่ 5 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 3/3/68 เรายื่นคำขาดไปว่า ขอภายในวีคนี้ ไม่งั้นวีคหน้าเราจะไปแจ้งเรื่องกับกรมสรรพกรทันที พร้อม ส่งกฏหมายที่บอกว่านายจ้างต้องส่งทวิให่ลูกจ้างภายในวันไหนไปให้เอชอาดู เค้าตอบเรากลับมาแบบ "ขอบคุรมากนะคะสำหรับข้อมูล น้อง... ดูมืออาชีพเรื่องนี้มากเลย ยังไงพี่จะตามเรื่องและเร่งให้ค่ะ" (เราอ่านเสร็จคิดในใจ ประชดหรอ?) เราจึงตอบไปแค่ ถ้าไม่สะดวกตาม ขอ เบอร์ติดต่อ แผนกหรือคนที่ทำเรื่องส่งข้อมุลมาก็ได้ เราจะตามเอง จะได้ไม่รบกวนนางอีก   นางตอบเราไม่ตรงประเด็นและบอกเราแค่ "ตามระบบค่ะ" และบอกเราอีกว่า "พี่มีหน้าที่แค่ประสานงาน ไม่ได้เป้นคนส่งหรือทำข้อมูลตรงนี้ ยังไงจะเร่งให้นะคะ"   ....   จบประโยคนี้ของนาง เราเลยไม่ตอบอีก เพราะรู้สึกแค่ว่า เออ แล้วถ้าเอชอาไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง
เอชอาทำไรวันๆ นั่งเคาะคีย์บอร์ดเล่นหรอ เพราะเราทำมาหลายบริษัท หน้าที่ ประสานงาน รับ และส่งต่อเอกสารสำคัญให้ ลูกจ้างอ่ะ คือหน้าที่ของเอชอา ไม่ใช่หรอ งง มาก เราเลยรู้สึกว่า เออ ศีลไม่เสมอล่ะมั้ง เลยคุยภาษามนุษย์ทำงานไม่ได้

 ตอนนี้เราจึงเลือกที่จะ รอจันทร์หน้า ถ้าถามแล้วไม่ได้อะไร เราก็เตรียมหลักฐานรอไปกรมสรรพกร เลย พร้อมว่าจะแจ้งเรื่องนี้กับกรมแรงงานด้วยแต่รอดูสถานการณ์อีกที ประมาณนี้ค่ะ

เรื่องราวประมาณนี้ มีอะไรแนะนำกันได้ ยินดีนะคะ
ไว้จะมาอัพเดทในคอมเม้นต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่