รอบนี้เขียนยาว.....นิดนึง
หลายคนอาจเห็นคนป่วยที่ออกจากร.พ.
กลับมาขยับไม่ได้ ลุกไม่ได้
กินเองไม่ได้ ติดเตียงซะแล้วสิ
และก็ปล่อยกลายเป็น
คนไข้ติดเตียงจริงๆไปเลยละกัน
ง่ายดี
แต่ ..... ไม่เสมอไป ถ้าได้บริหาร กระตุ้น
ก็สามารถกลับมาเกือบปกติได้60-90%
ถ้าเราใส่ใจ อดทน ดูแลกายภาพดีๆ
=====================
ปกติแม่จะเดินเองได้ นั่งกินข้าวเองได้
ลุกนั่งได้เอง ช่วยตัวเองได้หลายอย่าง
ยกเว้นการเข้าห้องน้ำ
แค่เราคอยเดินตามหลัง กันการหกล้ม ไม่ต้องพยุง
พูดมาก งอแงทะเลาะสู้กันได้อยู่ แรงเยอะ
กิจกรรมวุ่นวายเยอะ
เดินไปมาไม่หยุด เดินทั่วบ้าน
บอกความต้องการ หรือไม่ต้องการได้
พาเข้าห้องน้ำ ตามเวลา
ทุก 4 ชม. หรือ หลังอาหาร
ก็ขัยถ่ายในห้องน้ำได้เอง
จำชื่อเรา ชื่อแมว ชื่อหมา
พูดคุย ถามกับคนแปลกหน้าได้ดี
ไม่ต่างจากผู้สูงอายุปกติ
แค่คุยสักพักจะรู้ว่า คุยคนละเรื่อง
และจำชื่อได้หลายคน ถามนั่น นี่ โน่น
ด้วยโรคอัลไซเมอร์ ถ้าทานยาประจำ
กระตุ้นการสื่อสารและร่างกายประจำ
อย่าให้เครียด ชวนคุย สื่อสาร
ก็ช่วยชลอโรคได้นาน
มีคุณภาพชีวิตและใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ
แต่มีบ้างที่อารมณ์ขึ้นลงแปรปรวน
รุนแรงบ้างนิ่งบ้าง วนกันไป
แต่เมื่อปัญหาครอบครัวรุมเร้า หนัก
เราเครียด แม่รับรู้ แม่เครียด แม่เสียใจ
แม่เริ่มลืมมากขึ้น พูดแต่ประโยคเรื่องที่เสียใจซ้ำๆ
ลืมชื่อหมา ลืมชื่อลูกคนอื่นๆ เพราะความเครียดรุมเร้า
ใครบอกแม่ไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่รู้
คงเสียใจไม่เป็น พูดสิ่งที่รับรู้ไม่ได้
แต่แค่รับรู้ไม่เต็มร้อยเท่าคนปกติที่ไม่เป็นโรค
ต่อมาก็ลืมคนอื่นในครอบครัว ภายในเดือน 2 เดือน เหลือแค่ชื่อแมวกับขื่อเราที่อยู่ด้วยกันประจำเท่านั้น
เหตุเพราะความเครียดที่เพิ่มขึ้น
และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
จึงต้องพาแม่ไปเที่ยวให้ผ่อนคลาย
เพราะ.....ไม่ไหวแล้ว
เพราะเราก็ไม่ชอบจมกับความเครียด
ทั้งเราเอง แม่ และสัตว์ก็เครียดกันหมดด้วย
มันต้องหาทางออกด้วยการเที่ยว พักผ่อน
แล้วก็ดีขึ้น สดชื่น อารมณ์ดี
2 เดือนถัดมา ช่วงโควิตระบาดหนัก
เมื่อต้องติดโควิต แม่ต้องนอน ร.พ.เชื้อลงปอด
กักโรค ใส่เครื่องช่วยหายใจไป 15 วัน
(ขอหมออออกก่อนด้วยเพราะเราห่วงแม่)
มีทำลายข้าวของร.พ.ด้วย และโวยวายหนัก
ที่ร.พ. คุณหมอน่าจะใช้ยา ให้สงบและหลับ
หลังจากวันนั้น น้ำหนักแม่หายไปเกือบ 10 โล
แม่ตัวแข็ง ตาเหม่อลอย ไม่พูดจา
จะเดินจะนั่งก็ตัวแข็ง เกร็งไปหมด ไม่ขยับ
จำใครแทบไม่ได้ แม้แต่เรา
ช่วงนั้นโชคดีได้น้องกับแฟนน้องมาช่วย
คนเดียวพยุงแม่ไม่ขึ้น
2 คนก็ไม่ขึ้น ต้อง 3 คน แบก
ด้วยอาการเกรงทั้งตัว และไม่ให้ความร่วมมือใดๆ
ต้องคอยนวด คอยชวนคุย
คอยกระตุ้นอย่างแรงทุกทาง
กว่าจะกลับมาพูด ขยับได้ จำเราได้
ก็เกือบ 2 เดือนเต็มๆ ค่อยพอรู้สึกตัวดีขึ้น ขยับได้ดีขึ้น
แต่ มือ ขา ไม่มีแรงแล้ว แข็ง เกร็งนาน ตามวัย
ข้อยึด ข้อเสื่อม เอ็นยึด เอ็นเสื่อม
ลุกนั่งเดินยืนเองไม่ไหว ต้องพยุง แต่ยังก้าวเดินไหว
ไม่ยอมทานอาหารเอง เพราะนิ้วเกรง
จับมือ มือก็สั่น แข็ง มือ และนิ้วมือไม่มีแรง
แม่พยายามแต่เอาเข้าปาก แต่ไม่ตรง
ต้องคอยนวด กระตุ้น นิ้ว แขน ขา คอ
การสื่อสารแย่ลง แต่ดื้อได้ปกติ
ความจำหายหมด ต้องฟื้นทุกอย่าง
คำพูดได้น้อยลงอีกมาก
จำใครไม่ได้ เหลือจำเราได้คนเดียว
ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน กว่าจะดีขึ้นอีก
จนมาคุยจ้อ ทะเลาะ หัวเราะ กันได้อีกครั้ง
แล้วก็ กลับมาพูดเยอะเลย ถึงจะฟังไม่ค่อยออก
มีส่วนร่วม ชวนคุย เรียก
พาเดินในบ้านบริหาร
เข็นรถพาเดินสวนสาธารณะ สูดอากาศดีๆ
พาเที่ยว เปลี่ยนสถานที่ อารมณ์ดี ได้ ยิ้ม หัวเราะ
กลับมาบอกอึ ฉี่ได้ อีกครั้ง
แต่ต้องถามตามเวลานะ
จับท้อง ถามว่ามีไหมตรงนี้ ไปห้องน้ำกัน
ถ้ามี แม่จะบอกว่ามี หรือ พยักหน้า คือ ต้องรีบล่ะ
จะไม่บอกเอง แต่ถ้าฉี่หรืออึใส่ผ้าอ้อมไปแล้ว
ก็จะโวยวายร้องหงุดหงิด ให้เรารู้
เพราะบอกเป็นประโยคคงนึกคำไม่ออกแล้ว
ภาษา คำต่างๆ หายไปอีกเยอะ
หรือบอก แต่พูดไม่ชัดเราก็ฟังไม่เข้าใจ
อย่างแม่พูด น้อง เราบอกจะไปนอนหรอ
มีโมโหกลับนะ ตะโกนบอก น้องงงงงง
เราต้อง จ้าาา...น้อง ไม่ใช่นอน
แต่การสื่อสาร บางครั้งไม่ได้ต้องการแค่การฟังพูด
แค่เราต้องใส่ใจมากขึ้น
ถึงพูดคุยคนละเรื่อง ก็ต่างคนต่างคุย
ต่างเข้าใจ ก็สนุกดีอีกแบบ อยากพูดอะไรก็พูด
ไม่เข้าใจก็หัวเราะ ให้ท่านอารมณ์ดีไป
ความสุข อยู่ที่การใส่ใจดูแล
แต่ความสบาย ก็เอาที่สะดวกจะจัดการ
ถ้าดูแลผู้ป่วยด้วยความรัก
เราก็มีความสุข ผู้ป่วยก็มีความสุข
(เรื่องเล่า อัลไซเมอร์)
แม่ป่วยหนัก กลับมา ตัวแข็งเกร็ง
หลายคนอาจเห็นคนป่วยที่ออกจากร.พ.
กลับมาขยับไม่ได้ ลุกไม่ได้
กินเองไม่ได้ ติดเตียงซะแล้วสิ
และก็ปล่อยกลายเป็น
คนไข้ติดเตียงจริงๆไปเลยละกัน
ง่ายดี
แต่ ..... ไม่เสมอไป ถ้าได้บริหาร กระตุ้น
ก็สามารถกลับมาเกือบปกติได้60-90%
ถ้าเราใส่ใจ อดทน ดูแลกายภาพดีๆ
=====================
ปกติแม่จะเดินเองได้ นั่งกินข้าวเองได้
ลุกนั่งได้เอง ช่วยตัวเองได้หลายอย่าง
ยกเว้นการเข้าห้องน้ำ
แค่เราคอยเดินตามหลัง กันการหกล้ม ไม่ต้องพยุง
พูดมาก งอแงทะเลาะสู้กันได้อยู่ แรงเยอะ
กิจกรรมวุ่นวายเยอะ
เดินไปมาไม่หยุด เดินทั่วบ้าน
บอกความต้องการ หรือไม่ต้องการได้
พาเข้าห้องน้ำ ตามเวลา
ทุก 4 ชม. หรือ หลังอาหาร
ก็ขัยถ่ายในห้องน้ำได้เอง
จำชื่อเรา ชื่อแมว ชื่อหมา
พูดคุย ถามกับคนแปลกหน้าได้ดี
ไม่ต่างจากผู้สูงอายุปกติ
แค่คุยสักพักจะรู้ว่า คุยคนละเรื่อง
และจำชื่อได้หลายคน ถามนั่น นี่ โน่น
ด้วยโรคอัลไซเมอร์ ถ้าทานยาประจำ
กระตุ้นการสื่อสารและร่างกายประจำ
อย่าให้เครียด ชวนคุย สื่อสาร
ก็ช่วยชลอโรคได้นาน
มีคุณภาพชีวิตและใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ
แต่มีบ้างที่อารมณ์ขึ้นลงแปรปรวน
รุนแรงบ้างนิ่งบ้าง วนกันไป
แต่เมื่อปัญหาครอบครัวรุมเร้า หนัก
เราเครียด แม่รับรู้ แม่เครียด แม่เสียใจ
แม่เริ่มลืมมากขึ้น พูดแต่ประโยคเรื่องที่เสียใจซ้ำๆ
ลืมชื่อหมา ลืมชื่อลูกคนอื่นๆ เพราะความเครียดรุมเร้า
ใครบอกแม่ไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่รู้
คงเสียใจไม่เป็น พูดสิ่งที่รับรู้ไม่ได้
แต่แค่รับรู้ไม่เต็มร้อยเท่าคนปกติที่ไม่เป็นโรค
ต่อมาก็ลืมคนอื่นในครอบครัว ภายในเดือน 2 เดือน เหลือแค่ชื่อแมวกับขื่อเราที่อยู่ด้วยกันประจำเท่านั้น
เหตุเพราะความเครียดที่เพิ่มขึ้น
และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
จึงต้องพาแม่ไปเที่ยวให้ผ่อนคลาย
เพราะ.....ไม่ไหวแล้ว
เพราะเราก็ไม่ชอบจมกับความเครียด
ทั้งเราเอง แม่ และสัตว์ก็เครียดกันหมดด้วย
มันต้องหาทางออกด้วยการเที่ยว พักผ่อน
แล้วก็ดีขึ้น สดชื่น อารมณ์ดี
2 เดือนถัดมา ช่วงโควิตระบาดหนัก
เมื่อต้องติดโควิต แม่ต้องนอน ร.พ.เชื้อลงปอด
กักโรค ใส่เครื่องช่วยหายใจไป 15 วัน
(ขอหมออออกก่อนด้วยเพราะเราห่วงแม่)
มีทำลายข้าวของร.พ.ด้วย และโวยวายหนัก
ที่ร.พ. คุณหมอน่าจะใช้ยา ให้สงบและหลับ
หลังจากวันนั้น น้ำหนักแม่หายไปเกือบ 10 โล
แม่ตัวแข็ง ตาเหม่อลอย ไม่พูดจา
จะเดินจะนั่งก็ตัวแข็ง เกร็งไปหมด ไม่ขยับ
จำใครแทบไม่ได้ แม้แต่เรา
ช่วงนั้นโชคดีได้น้องกับแฟนน้องมาช่วย
คนเดียวพยุงแม่ไม่ขึ้น
2 คนก็ไม่ขึ้น ต้อง 3 คน แบก
ด้วยอาการเกรงทั้งตัว และไม่ให้ความร่วมมือใดๆ
ต้องคอยนวด คอยชวนคุย
คอยกระตุ้นอย่างแรงทุกทาง
กว่าจะกลับมาพูด ขยับได้ จำเราได้
ก็เกือบ 2 เดือนเต็มๆ ค่อยพอรู้สึกตัวดีขึ้น ขยับได้ดีขึ้น
แต่ มือ ขา ไม่มีแรงแล้ว แข็ง เกร็งนาน ตามวัย
ข้อยึด ข้อเสื่อม เอ็นยึด เอ็นเสื่อม
ลุกนั่งเดินยืนเองไม่ไหว ต้องพยุง แต่ยังก้าวเดินไหว
ไม่ยอมทานอาหารเอง เพราะนิ้วเกรง
จับมือ มือก็สั่น แข็ง มือ และนิ้วมือไม่มีแรง
แม่พยายามแต่เอาเข้าปาก แต่ไม่ตรง
ต้องคอยนวด กระตุ้น นิ้ว แขน ขา คอ
การสื่อสารแย่ลง แต่ดื้อได้ปกติ
ความจำหายหมด ต้องฟื้นทุกอย่าง
คำพูดได้น้อยลงอีกมาก
จำใครไม่ได้ เหลือจำเราได้คนเดียว
ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน กว่าจะดีขึ้นอีก
จนมาคุยจ้อ ทะเลาะ หัวเราะ กันได้อีกครั้ง
แล้วก็ กลับมาพูดเยอะเลย ถึงจะฟังไม่ค่อยออก
มีส่วนร่วม ชวนคุย เรียก
พาเดินในบ้านบริหาร
เข็นรถพาเดินสวนสาธารณะ สูดอากาศดีๆ
พาเที่ยว เปลี่ยนสถานที่ อารมณ์ดี ได้ ยิ้ม หัวเราะ
กลับมาบอกอึ ฉี่ได้ อีกครั้ง
แต่ต้องถามตามเวลานะ
จับท้อง ถามว่ามีไหมตรงนี้ ไปห้องน้ำกัน
ถ้ามี แม่จะบอกว่ามี หรือ พยักหน้า คือ ต้องรีบล่ะ
จะไม่บอกเอง แต่ถ้าฉี่หรืออึใส่ผ้าอ้อมไปแล้ว
ก็จะโวยวายร้องหงุดหงิด ให้เรารู้
เพราะบอกเป็นประโยคคงนึกคำไม่ออกแล้ว
ภาษา คำต่างๆ หายไปอีกเยอะ
หรือบอก แต่พูดไม่ชัดเราก็ฟังไม่เข้าใจ
อย่างแม่พูด น้อง เราบอกจะไปนอนหรอ
มีโมโหกลับนะ ตะโกนบอก น้องงงงงง
เราต้อง จ้าาา...น้อง ไม่ใช่นอน
แต่การสื่อสาร บางครั้งไม่ได้ต้องการแค่การฟังพูด
แค่เราต้องใส่ใจมากขึ้น
ถึงพูดคุยคนละเรื่อง ก็ต่างคนต่างคุย
ต่างเข้าใจ ก็สนุกดีอีกแบบ อยากพูดอะไรก็พูด
ไม่เข้าใจก็หัวเราะ ให้ท่านอารมณ์ดีไป
ความสุข อยู่ที่การใส่ใจดูแล
แต่ความสบาย ก็เอาที่สะดวกจะจัดการ
ถ้าดูแลผู้ป่วยด้วยความรัก
เราก็มีความสุข ผู้ป่วยก็มีความสุข
(เรื่องเล่า อัลไซเมอร์)